ฝนตก..รถติด เฮ้อ! ยังดีที่รถติด ถ้ารถไม่ติดล่ะเป็นเรื่อง 5555 ขึ้นต้นเหมือนจะคุยเรื่องการจราจร...แต่เปล่าเล๊ยยย กำลังจะบอกว่า..เวลาว่างถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ฉันจะไม่ชอบ ออกไปไหนต่อไหนหรอก...นอนผึ่งพุงอยู่บ้าน..สบายกว่ากันเยอะ! ก่อนหน้านี้ถ้าพอมีเวลาว่าง...ไม่ทำงานบ้าน ฉันก็จะอยู่กับหนังสือ ฟังเพลง เขียนกลอน ทีวีน่ะดูเหมือนกันแต่น้อยครั้ง.. แต่ ณ ตอนนี้เวลาว่างของฉันกลับเปลี่ยนไป...คงพอจำกันได้ จากเรื่องสั้นคราวที่แล้ว..ที่ฉันลงเรื่องถักกระเป๋าไว้.. และฉันคิดว่ามันคงเป็นใบแรกและใบสุดท้าย...ซึ่งฉันไม่คิดว่า จะต้องกลับมานั่งทำอีก...เพราะอย่างที่เล่าค่ะว่า กว่าจะได้สักใบ ฉันต้องใช้ทั้งความอดทนและพยายามอย่างมาก... วันหนึ่งฉันนัดเจอเพื่อน..พอคุณเธอเห็นกระเป๋าที่ฉันถัก.. คุณเธอก็เกิดอาการอยากได้ขึ้นมาทันที..แล้วก็ขอให้ฉันช่วย ถักให้..ราคาเท่าไรเธอไม่มีปัญหา.. เออ!ใช่ซี่ มันน่ะไม่มีปัญหาแต่ตรูดิ..ชักมีปัญหาแระเฟร้ยยย.. ฉันแอบคิดในใจ..อิอิ และเกือบปฏิเสธเพราะไม่อยากทำอีกแล้ว.. แต่คิดไปคิดมา..เอาน่า เพื่อเพื่อน..น้อยกว่านี้ได้ไง.. ฉันถึงตอบตกลงไป แต่ขอเวลาแบบไม่จำกัด เพราะฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะมีเวลาขนาดไหน.. ส่วนแม่เพื่อนฉันน่ะเหรอ..ไม่ต้องพูดถึงเลย.. หล่อนหน้าบานเป็นจานบิน..อิอิ หลังจากนั้นพอมีเวลาว่างฉันเริ่มถักไปเรื่อยๆ วันละนิดวันละหน่อย จนกระทั่งผ่านไปกี่วันก็ไม่รู้..ขี้เกียจนับและ 555.. กระเป๋าใบที่สองของฉันก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนลิง.. เฮ้อ..โล่งใจจริงๆ ฉันพูดกับตัวเอง จริงๆแล้วไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ถักกระเป๋าได้..น้องสาวฉัน อีกคนเธอก็ถักได้..และจะคล่องกว่าฉันมาก เวลาว่างเราสองคนพี่น้องก็มักจะมานั่งถักด้วยกัน... ถักไปคุยไปเสร็จเมื่อไรไม่รู้ตัว.อิอิ และแล้ววันหนึ่งผลงานของพวกเราก็ได้ออกสู่สายตาประชาชน.. น้องสาวฉันได้มีโอกาสแสดงผลงานในหนังสือเล่มหนึ่ง... และหลังจากหนังสือเล่มนั้นวางแผง ก็มีคนจำนวนไม่น้อย สนใจชิ้นงานของเรา โดยฉันวัดจากเสียงโทรศัพท์ที่โทรมา เกือบทุกวันๆ เลยกลายเป็นว่าหนังสือเล่มนั้นเองที่เป็นจุด เริ่มต้นทำให้ฉันและน้องสาวต้องเปลี่ยนรูปแบบการถักใหม่ จากที่เคยคิดว่าจะถักเล่นๆ มันกลายเป็นจริงจังขึ้นมา เริ่มมีออเดอร์เข้ามาบ้างแล้ว...แรกๆฉันใช้เวลาเป็นอาทิตย์ สาเหตุคือยังไม่ค่อยคล่อง แต่พอทำบ่อยๆเข้า.. มันก็เกิดความชำนาญมากขึ้น...เพราะต้องทำให้เสร็จทัน กับเวลาที่จะต้องส่งของให้กับคนที่สั่ง กลายเป็นว่าตอนนี้เวลาว่างของฉันสามารถสร้าง รายได้พิเศษให้กับฉันแล้วหล่ะ...เขินๆยังไงก็ไม่รู้ค่ะ..อิอิ ก็ไม่เค๊ย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนี้ได้... นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่พักนี้ฉันไม่ค่อยมีเวลาเข้าบ้านกลอน.. แบบว่าเวลามีเท่าไรเทใจให้กระเป๋าหมด..555 แต่เหนือสิ่งอื่นใดฉันก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้สร้างชิ้นงาน แต่ละชิ้น..อีกทั้งต้องคอยลุ้นตลอดว่าเสร็จแล้วหน้าตามัน จะเป็นแบบไหนน๊ะ.. เนื่องจากกระเป๋าบางใบเราสองคน..หมายถึงฉันกับน้องสาว ต้องช่วยกันออกแบบเองในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้ กำหนดแบบมา...ก็สนุกดีค่ะ... และวันนี้มีผลงานบางส่วนนำมาให้ชมกันเล่นๆเพลินๆนะคะ ขอขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาชมค่ะ เทียนหยด
คุณเคย รัก ใครสักคนไหม? รักอย่างไม่มีเหตุผล รักอย่างไม่ต้องการเป็นคนรัก รักอย่าง ไม่คาดหมาย ไม่คาดหวัง ไม่อยากได้อะไรตอบแทน รักอย่าง เรียบง่าย ไม่ต้องการจะได้มา ไม่ต้องการจะเสียไป รัก อย่าง นิ่ง เงียบ อยู่ในทิศทางของตน เท่าทีจะเป็นได้ เพียงแค่ การ ได้มอง ได้เห็น... ความรู้สึก ดี ดี ที่มีต่อกัน รับและรู้ในสิ่งนั้น .. อย่างฉันท์มิตร ไม่จำเป็น หรอก ที่ เราต้อง ยืนเคียงข้าง ในเสื้อลายเดียวกัน ให้เธอ ได้มี ทิศทางในแบบอย่างของเธอ และปล่อยให้ ฉัน มีที่ทางจะเดินไปในแบบอย่างของฉัน จำเป็นหรือเปล่า? ที่เส้นทางของ เรา สอง ต้องควบคู่เป็นเส้นขนานเดียวกัน ฉันว่า - ขอแค่บางช่วงของจังหวะชีวิต ได้เลี้ยวมาเจอกันบ้าง ตามแยกไฟแดง... ฉัน ก็รู้สึกว่าแค่นั้น มัน ก็น่าจะ เพียงพอแล้ว ในความรู้สึก รัก ฉันเคยเหนื่อยกับการต้องพยายาม ต้องติดตาม ต้องทวงถาม ต้องไขว่คว้าเพื่อจะให้ได้มา เพื่อจะให้ได้ยิน หรือเพียงแค่ ได้สัมผัสความรู้สึกต่อกัน...แม้เพียงปลายนิ้วผ่านหน้าจอ คอมพิวเตอร์ ที่ เราออนไลน์ข้ามโลกมาเจอ... ผ่านไปหมดแล้ว ฉันพอหมดแล้ว ละทิ้ง ละวาง ละทุกสิ่งอย่าง... แล้ว นั่งมองดู อย่างห่าง ๆ เท่าที่ระยะห่าง จะไม่อ้างว้างเกิน หนึ่งเอื้อมมือ อย่างที่สัญญา ฉันจะไม่ปล่อยให้เศร้า ยามต้องอยู่คนเดียวตรงนั้น ความคิดอ่านของความฝัน เท่าที่มันจะพอเป็นได้... ฉันรักษา ความ รัก ระหว่างเรา ให้ได้อยู่เท่าเดิม ไม่ให้เพิ่ม หรือ ลดลง และ ณ เวลานี้... ที่โลกหมุนคุณให้มาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง มอง แล้วพิจดู ถึงความเห็น ความเป็นไปที่เปลี่ยนแปลง และ แม้เสียงที่ได้ยินกับหู ภาพที่ได้เห็นกับตา จะรับรู้ได้ว่า ในอะไรหลาย ๆ อย่าง มันไม่ใช่อย่างที่คุณ ว่า ... อย่างที่เคยผ่านมา อย่างไรก็ อย่างนั้น ฉัน ก็ จะยังเป็นคนเดิมที่คุณเคยรู้จัก...คือ คนที่ นิ่ง เงียบ และเฉย เหมือนอย่างเคย อย่างที่ไม่รู้อะไร...ขอที่จะไม่รับรู้ในความเป็นไป เพียงแค่เรา ยังดีต่อกัน เท่านั้น มันก็ไม่ได้ยุ่งยากเลย... อย่ากังวลไป เท่าที่เวลาของเราอยู่ด้วยกัน ฉันยังรักเธอได้เท่าเดิม ยังรู้สึกต่อกันได้ เท่า วันเก่า ๆ ที่เรา เคย เดินผ่านกันไปแล้ว รักษา ระยะห่าง ระหว่าง เรา เอาไว้ ในระยะคู่ขนานเท่ากันอย่างนี้ ฉันว่า ชีวิตก็มีความสุขนัก ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ผ่านมาให้รู้จัก ได้ทักทาย และได้รักกัน หากแต่วันนี้ ที่ ว่าง ที่เว้น วาง ไว้ ฉันขอรักษาระยะห่างไว้ ให้เท่าเดิมด้วยเหตุผลใดนั้น .. เธอไม่จำเป็น ต้อง รู้เลย! ขอบคุณ... เพลงประกอบ "ที่ว่าง" พอส ภาพและ line สวยๆ จาก google
แกะขาว ขอประท้วงค่า........สู้! เธอคิดอะไร..เมื่ออยู่คนเดียว หรือเมื่ออยู่สองคน เหงาไหม? ทุกข์หรือเปล่า? ได้ร้องไห้ระบายให้ใครฟัง? หรือต้องเหงาอยู่คนเดียว? ทำอะไรสักอย่างให้มันหายบ้าไปเลยดีหรือเปล่า? จะดีกว่าไหม ถ้ามีใครสักคนเป็นเพื่อน? ไม่ว่าคุณจะเบื่อเขาแค่ไหน? แต่ใครหล่ะ ที่เคยอยู่เคียงข้าง? ตอนที่คุณเหน็บหนาว เศร้าใจ หรือแม้กระทั่งถูกคนอื่นซ้ำเติม ตอนที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการคำปรึกษา อย่าคิดว่ากำลังเดียวดาย ลองดูซิว่าเธอมีใครคนนั้นหรือเปล่า? เค้าอาจเป็นคนที่เคยเผชิญชะตากรรมเดียวกัน คนที่เคยไปขอความช่วยเหลือ แม้ขะช่วยได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ตาม เป็นเหมือนคนในครอบครัว (อันนี้ชอบมั่กๆจ้า) ที่ยอมทุ่มเทให้แม้ตัวเองกำลังแย่ มีรึเปล่า? หาเจอไหมนะ คิดถึง เพื่อนๆ ขอเป็นคนคนนั้นได้ไหม? เพื่อนรัก ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างเธอ รักเธอให้ดีที่สุด ให้เหมือนเสียงเพลงที่คอยมอบความสุขให้ คอยให้ความอบอุ่นจากหัวใจนี้ เป็นพลังใจให้เธอได้สู้ต่อไป ขอให้เก็บไว้ในความทรงจำของเธอ หากเหงา ก็โทรมาได้นะ นานๆทักทายกันบ้างก็ดี จะได้รู้ว่าเธอยังไม่ลืมกัน และฉันก็จะไม่ลืมเธอ เพื่อนรัก...ฉันมอบคำนี้ไว้ให้เธอ จากหัวใจดวงนี้ และจากเสียงที่เธอไม่ได้ยินมัน ให้เพลงทั้งหลายบนโลกใบนี้เป็นสิ่งที่ฉันจะสื่อถึงเธอ ให้ล่องลอยฝากไปกับสายลมบนท้องฟ้า และ "มิตรภาพจะยังคงอยู่ตลอดไป"
เดือนที่แล้ว...มีโอกาสได้ไปเดินซื้อของแถวๆตลาดหลังการบินไทยกับน้องสาว ซึ่งระยะหลังฉันสังเกตุเห็นร้านค้าดูจะซบเซาไปมากทีเดียวค่ะ สาเหตุก็คงเป็นเพราะสนามบินย้ายจากดอนเมืองมาอยู่ที่สุวรรณภูมินั่นเอง แต่ไม่ว่ายังไงฉันกับน้องสาวก็ยังชอบมาเดินที่นี่อยู่ดี... เดินไปเดินมารู้สึกหิวน้ำ...เลยแวะซื้อน้ำดื่ม...ขณะที่กำลังรอน้ำอยู่ ฉันก็มองโน่น นี่ นั่นเรื่อยเปื่อย..พลันสายตาก็สะดุดกึก! ที่กระเป๋าใบหนึ่ง... ซึ้งตั้งอยู่บนชั้นโชว์ ของร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านน้ำ..ว้าววว..สวยๆๆ บอกตัวเองทันทีว่า...เดินไปดูดีกว่าเรา..อิอิ กระเป๋าที่ว่าถักด้วยเชือกร่มค่ะ...เห็นแล้วชอบจัง..โดยส่วนตัวแล้วฉัน ชอบงานแฮนด์เมค มากๆ..และกระเป๋าใบนี้ก็โดนใจสุดๆ...ไม่ว่าจะเป็น สี ขนาด และดีไซน์ ว่าแต่สวยขนาดนี้..จะมีราคาเท่าไรน๊ะ? แอบคิดเล่นๆค่ะ อย่ากระนั่นเลยลองถามคนขายดูดีกว่า...ไม่งั้นมันคาใจ..อิอิ ทันทีที่รู้ราคา....อืม...สูงพอสมควร แต่ฉันก็ไม่แปลกใจเพราะ ทราบดีว่ากว่าจะได้งานแต่ละชิ้นมันต้องใช้เวลากันพอสมควรทีเดียว นอกจากแอบคิดเรื่องราคาแล้ว..ฉันคิดเลยไปถึงว่า..ถ้าเราจะลองถัก ดูบ้างมันจะได้มั๊ยน๊ะ? สมองเริ่มสั่งการทันที..ฉันพลิกซ้ายพลิกขวาดูไปเรื่อยๆ..ทำเนียนๆไว้ก่อน คนขายอาจดูเหมือนฉันไม่ค่อยสนใจ.. แต่สายตาฉันหาเป็นเช่นนั้นไม่..ฉันค่อยๆจำแบบและดูลวดลายที่เขาถัก... ยอมรับว่าฝีมือปราณีตมาก....เหมือนจะยากถ้าจะทำ..และก็ไม่แน่ใจว่า จะสำเร็จหรือไม่...แต่ก็ เอาน่า! ไม่ลองก็ไม่รู้.. ฉันพยายามเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด..ก่อนจะเดินออกมาหาน้องสาว หลังจากนั้นที่เราก็รีบไปซื้อของอย่างรวดเร็ว.. เพราะอากาศเริ่มไม่ค่อยเป็นใจแล้วค่ะ..ร้อนสุดๆ เดินไปก็ปาดเหงื่อไป พอได้ของเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับบ้านเลย.. ทันทีที่กลับถึงบ้าน..ฉันโทรหาน้องสาวอีกคน..เพื่อสอบถามรายละเอียด เกี่ยวกับการถักกระเป๋า...เนื่องจากน้องคนนี้เขามีฝีมือทางด้านนี้พอดีค่ะ น้องฉันบอกรายละเอียดตั้งแต่ จะซื้อเชื่อกร่มที่ไหน ราคาเท่าไร? พร้อมกับบอกวิธีถักด้วย...อืม..มันก็ไม่ยากจนเกินไปนักแต่ต้อง ใช้กำลังมือเยอะ..เพราะว่าเชื่อกร่มมันค่อนข้างแข็ง..เหอะน่า...คนอื่นทำได้ ฉันก็ต้องทำได้ซิ.....คิดปลอบใจตัวเองไว้ก่อน.. รุ่งขึ้นอีกวัน ฉันไม่รอช้า..รีบไปหาซื้อวัสดุและอุปกรณ์ในการถักแต่ฉัน มาจนครบตามที่น้องสาวบอก...หลังจากนั้นฉันก็พร้อม ลุยค่ะ.. เริ่มต้นก็รู้สึกถึงความยากซะแล้ว..ที่ว่ายากเนี่ยคือต้องดึงเชือกให้แน่นๆ ไม่งั้นทรงกระเป๋าจะไม่สวยค่ะ.. ขั้นตอนแรกคือ ต้องเริ่มถักก้นกระเป๋าก่อน....แล้วตามด้วยขึ้นตัว กระเป๋า เริ่มสลับลายแล้ว..ค่ะ จริงๆของเขาเป็นสีน้ำตาลสลับครีมค่ะ..แต่ฉันอยากได้ สีดำมากกว่าก็เลยเอาตามใจตัวเอง...อยากจะบอกว่า..เจ็บมือมากๆเลยค๊า... มือนี้หุบแทบไม่ลง..(เหมือนทำร้ายตัวเองยังไงหยั่งงั้นเลยอ่ะ) แต่.... ไม่เป็นไร...ศรียังทนได้..ตะแต่อิฉันจะทนได้หรือเปล่า..ติดตามต่อไปค่ะ และแล้วเวลาก็ผ่านไปจากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์แรกก็เริ่มเป็น สองอาทิตย์..ด้วยความอดทนจริงๆเล๊ย...ฉันคิดท้อใจก็หลายครั้ง เพราะมือมันเจ็บไปหมด..เฮ้อ! นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความชอบและ อยากใช้..ฉันคงไม่ทู่ซี้ทำน๊ะเนี่ย... ความฝันใกล้เป็นจริงแล้วค่ะ..พ่อแม่พี่น้อง หุหุหุ ขั้นตอนต่อจากนี้ไป..ก็ไปจ้างเขาเย็บซับในติดซิบและหูกระเป๋า ในที่สุด...ความพยายามของฉันก็สำเร็จจนได้ นับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเลยค่ะ...เพราะมันเป็นใบแรกจริงๆ ฝีมือในการถักยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าที่ควรค่ะ..แต่ก็คุ้มค่ากับความ อดทนและพยายามกับมันอย่างมากมาย พอเบื่อรูปทรงเดิม..ฉันก็พับด้านข้างเข้าไป..พร้อมติดกระดุม.. ก็จะได้กระเป๋าอีกรูปทรงหนึ่งแล้วค่ะ อีกหนึ่งของความภูมิใจค่ะ... จริงๆถ้าจะซื้อมาใช้มันก็ได้อยู่..แต่ฉัน มีความรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น.. เพราะกระเป๋าที่ใช้อยู่ปัจจุบันก็พอมี....แต่การทำครั้งนี้มันเหมือน เป็นการท้าทายความสามารถของตัวเองด้วยว่าจะทำได้หรือเปล่า.... สิ่งสำคัญที่สุดคือเอาความชอบของเรานี่หล่ะเป็นแรงขับเคลื่อน ในการทำ.....แค่นี้เองค่ะ ความสุขที่คุณเองก็สร้างได้...ด้วยมือคุณเอง ใครอยากลองทำบ้าง....เชิญตามสบายเลยค๊า เทียนหยด
สมัยเด็กๆ ครูสอนศิลปะท่านหนึ่งสอนฉันเสมอว่า เวลาเราใช้ดินสอวาดภาพเราห้ามใช้ยางลบ ตอนนั้น ฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของครูสักเท่าไหร่....รู้แต่เพียงว่า เวลาฉันวาดภาพแล้วเส้นมันบิดเบี้ยว ฉันก็อยากแก้ให้มันตรงสวย แต่ทุกครั้งที่ฉันหยิบยางลบขึ้นมาเพื่อจะลบภาพนั้น ครูของฉันก็จะ เตือนถึงกติกานั้นเสมอ.... สุดท้ายฉันจึงเลือกใช้วิธีต่อเติมภาพๆ นั้นไปตามจินตนาการ เช่น ถ้าฉันตั้งใจวาดรูปหน้าคน แต่ฉันเผลอวาดดวงตากลมโตเกินไป ฉันก็จะใช้วิธีเปลี่ยนตากลมๆ นั้นเป็นแว่นตาแทน ... แม้ตอนนั้นฉันจะไม่เข้าใจว่า ทำไมฉันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ และแม้ฉันจะไม่เคยคิดวาดรูปหน้าคนใส่แว่นตามาก่อน..แต่ฉันก็ได้รูป หน้าคนตามที่ต้องการ แถมยังภูมิใจว่า.. ฉันสามารถวาดภาพๆนั้นด้วย ความมั่นใจ และไม่ต้องใช้ยางลบลบภาพเลยสักครั้ง ... เวลาผ่านไป ฉันโตขึ้น ฉันเรียนรู้ว่า สิ่งที่ครูสอนวันนั้น..แท้จริงแล้ว มันปลูกฝังนิสัยหนึ่งให้กับฉัน นั่นคือ การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาด ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนทุกคน... และในชีวิตหนึ่งนี้ก็มี หลายครั้งที่ฉันได้พบมันโดยไม่ตั้งใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้นและรวบรวมสติเพื่อแก้ไข ปัญหาต่างๆ ได้ ก็คือ การที่ฉันเข้าใจว่าธรรมชาติของความผิดพลาด คือ การที่มันเกิดขึ้นแล้ว จะคงอยู่อย่างถาวร ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ ลบความผิดพลาด... แต่ฉันจำเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของฉันให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง ดังนั้น ถ้าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว การที่เราจะมานั่งร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอแหกกฎเพื่อใช้ยางลบกลับไปลบแก้ไขมันนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะทำได้ ก็คือ รู้จักพลิกแพลงแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยสติ และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากขึ้น... ทุกคนมีดินสอหนึ่งแท่งเพื่อจะวาดภาพชีวิตของเราให้สวยงาม แต่เราไม่มียางลบสักก้อนที่จะเอาไปลบสิ่งที่เราทำผิดพลาดมาแล้วได้ ดังนั้นเราต้องตั้งใจ และมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น.... และถึงแม้ภาพที่เราวาดจะออกมาไม่เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่ แต่มันก็มาจากมือของเรา เราควรจะภูมิใจกับมันได้เสมอ ไม่ต้องกลัวหรอก แม้จะรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง เราอาจลากเส้นบิดเบี้ยวไปบ้าง เพราะถึงอย่างไร ฉันเชื่อว่า ถ้าสมองและหัวใจของเราทำงานอย่างเต็มที่ ภาพชีวิตของเราก็งดงามได้ โดยไม่ต้องใช้ยางลบ .... อ่านแล้วชอบค่ะ เลยนำมาฝากกัน เทียนหยด