13 มกราคม 2553 11:07 น.
เที่ยนหยด
เชื่อว่าคนเราทุกคนย่อมต้องมีเรื่องราวมากมาย
ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต...และในเรืองราวเหล่านั้นย่อมต้องมีสักเรื่องที่สร้าง
ความประทับใจให้กับตัวเราอย่างแน่นอน.....
.
เมื่อตอนที่ข้าพเจ้ายังเด็ก..ก็เที่ยวเล่นไปตามประสา..และค่อนข้างจะเป็น
ลิงทะโมนพอสมควร..ข้าพเจ้ายังจำเหตุการณ์หลายๆอย่างได้ดี...
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ข้าพเจ้าประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้..
สมัยก่อนครอบครัวของข้าพเจ้าอยู่แถวๆสวนลุม และแม่ของข้าพเจ้าก็ทำ
ขนมขาย..ซึ่งมี ข้าวต้มมัดและขนมเทียน..พอทำเสร็จส่วนหนึ่งแม่จะขาย
อยู่แถวๆบ้าน..และแบ่งอีกส่วนหนึ่งให้ข้าพเจ้าและพี่สาวไปเดินขายตาม
ซอยต่างๆที่อยู่ใกล้ๆกัน...ในตอนนั้นข้าพเจ้าก็รู้สึกสนุกสนานไปตามประสา
แม่บอกว่าเวลาเดินขาย...ให้ส่งเสียงเรียกลูกค้าด้วย..เราต่างก็ไม่ปฏิเสธ..
เดินไปร้องไป..ลองนึกซีค่ะ เสียงเด็กผู้หญิงสองคนประชันกัน..สนุกมาก
อ่อ.. เกือบลืม แม่จะนำขนมใส่กระจาดให้เราสองคนพี่น้องกระเดียดไป..
คือพี่สาวข้าพเจ้ากระเดียด ส่วนข้าพเจ้าเป็นคนถือตะกร้าที่เก็บถุงกระดาษ
เพื่อเอาไว้ใส่ขนมให้ลูกค้า...ในตอนนั้นถุงพลาสติกยังไม่มีเหมือนปัจจุบัน...
และถุงกระดาษที่เราใช้พวกเราพี่น้องก็ทำกันเอง..โดยที่แม่เป็นคนสอน
ให้ทำกระดาษที่ใช้ก็คือ หนังสือพิมพ์นั่นหละโดยที่เราไม่ต้องลงทุนซึ้อด้วย
เพราะมันเป็นหนังสือพิมพ์ที่พ่อมักจะถือติดกลับมาที่บ้านทุกวัน...คือพ่อทำ
งานอยู่ที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งสมัยนั้นชื่อ หนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" ซึ่งพวก
เราก็จะคอยเก็บสะสมเอาไว้จนมีปริมาณที่มากพอ ก็จะนำมาพับถุงกระดาษกัน
ถุงส่วนหนึ่งเราก็จะนำไปขายที่ตลาดด้วย..และส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้ใส่ขนม
ที่แม่ทำขาย...เท่ากะว่ามีรายได้สองทาง..เพราะที่บ้านต้องช่วยกันเนื่องจาก
พ่อแม่มี ลูกเยอะอะค่ะ...และทุกคนก็อยู่ในวัยเรียนกันทั้งนั้น....
ย้อนกลับมาถึงตอนที่ข้าพเจ้ากระเดียดขนมไปขายกับพี่สาวต่อดีกว่าค่ะคือเวลา
ที่เราพี่น้องไปขายกันเนี่ยจะเป็นเวลาตอนเย็น เรากลับมาจากโรงเรียนแล้ว
และเสร็จภาระกิจในบ้านเรียบร้อย ...เราสองคนจะเดินไปตามบ้านที่เขาค่อน
ข้างจะมีฐานะคือตอนนั้นเราเห็นบ้านใครหลังใหญ่ๆ มีรั้วสูงๆ เราก็คิดว่าเขา
เหล่านั้นต้องมีฐานะร่ำรวยแน่ๆ...และส่วนมากเขาก็จะไม่ค่อยปฏิเสธเราหรอก
ถ้าเราไปเรียกให้เขาช่วยซื้อ คิดว่าเขาคงสงสารเราสองคนเพราะเห็นเป็นเด็ก
ผู้หญิงด้วยและอีกอย่างเขาอาจติดใจในรสชาดของขนม..เพราะแม่ทำอร่อยมากๆ
ที่สำคัญเราขายไม่แพง...(ไม่ได้โม้น๊ะเนี่ย) อิอิ
และจะมีสถานที่หนึ่งที่ข้าพเจ้าจำได้ไม่เคยลืมก็คือ สถานที่นี้เป็นสถานที่สำหรับ
อาบ อบ นวด และเขาก็จะไม่อนุญาตให้เอาของเข้าไปขาย...แต่เราสองคนพี่น้อง
ก็ทำเป็นไม่สนใจค่ะ...มีวิธีที่เราสองจะเข้าไปได้..ก็คือด้านข้างของรั้วมันจะมีช่อง
สูงพอที่เราจะมุดเข้าไปได้...โดยที่พี่สาวของข้าพเจ้าคอยดูต้นทาง ส่วนข้าพเจ้า
เป็นคนมุดเข้าไป....จริงๆที่เราเข้าไปก็เพราะว่าบรรดาพนักงานอาบอบนวด
ในนั้นเขาเป็นคนให้เราเข้าไปเพราะเขาก็ชอบกินขนมของเรา..และเขาก็จะมี
ที่ให้เราสำหรับแอบขายโดยเป็นที่รู้กันระหว่างเขากับเราค่ะ...
ขนมที่แม่ให้เราขายส่วนมากจะขายหมดทุกวัน....โดยเราสองคนจะกลับ
ถึงบ้านประมาณ1-2 ทุ่มแต่สมัยนั้นไม่มีอะไรน่ากลัวเราสามารถเดินใน
ซอยต่างๆได้โดนที่ไม่เคยเกิดอันตรายใดๆเพราะส่วนมากทุกๆคนจะรู้จัก
และคุ้นเคยกันดีกับเราสองคนพี่น้อง และในความรู้สึกของข้าพเจ้าใน
ขณะนั้นมันมีความสุขและความสนุกปะปนกันไปส่วนความทุกข์นั้นไม่ต้อง
พูดถึงเราไม่เคยเก็บเอามาคิด เพราะด้วยวัยของเรานั้นยังเด็กอยู่มาก
พี่สาว 10 ขวบ ส่วนข้าพเจ้า 8 ขวบก็สนุกสนานไปตามประสาและที่เราพี่น้อง
รู้สึกภูมิใจมากๆก็คือได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับพ่อแม่....เงินที่ได้จากการ
ขายของแม่ก็จะเก็บไว้เป็นค่าเล่าเรียนให้พวกเรา...
จริงๆแล้วข้าพเจ้ามีความทรงจำในวัยเด็กมากมายที่ประทับใจ แต่สำหรับเรื่อง
ขายขนมเนี่ย ประทับใจมากที่สุด..เป็นความทรงจำที่มีค่ามากๆ มันทำให้ข้าพเจ้า
รู้จักรับผิดชอบตั้งแต่ยังเด็ก..และปลูกฝังมาจนถึงทุกวันนี้... ขอบคุณพ่อกับแม่
มากๆค่ะ..ที่ทำให้ลูกเดิบโตมาได้ด้วยความเพียรพยายามและอดทน..ที่สำคัญ
เป็นพลเมืองเต็มขั้นอยู่ในโลกใบนี้....
มาค่ะมาเล่าสู่กันฟังดีกว่า...ว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่สร้างความประทับใจ
ให้กับเราจนกลายเป็นความทรงจำที่ไม่เคยลืม....
9 มกราคม 2553 12:22 น.
เที่ยนหยด
เขาเจอเธอในงานเลี้ยงแห่งนึง เธอดูโดดเด่นมาก
และมีคนมากมายรุมล้อมเธอ ในขณะที่เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาคนนึง
ไม่มีใครใส่ใจเขาเลย และหลังงานเลี้ยงเลิก เขาได้มีโอกาสชวนเธอ
ไปทานกาแฟต่อ เธอประหลาดใจมากแต่ท่าทีที่สุภาพของเขา ทำให้เธอ
ตอบตกลง...
พวกเขานั่งในร้านกาแฟดีๆแห่งนึง เขาดูประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก
เธอรู้สึกอึดอัดมาก จนคิดในใจว่า ได้โปรดให้ฉันกลับบ้านเหอะ
แต่ทันใดนั้น..
เขาถามบ๋อยว่า ขอเกลือป่นได้ไหม อยากเอามาใส่ในกาแฟ
ทุกคนในร้านหันมาจ้องเขาด้วยความประหลาดใจ เขาอายจนต้องก้มหน้า
แต่ก็ยังเติมเกลือลงในกาแฟ และก็ดื่มมันเสียด้วย
ทำให้เธอต้องถามเขาอย่างอดไม่ได้ว่า ทำไมชอบกาแฟรสชาติแบบนี้
เขาตอบว่า เมื่อเขายังเด็ก บ้านเกิดเขาอยู่ริมทะเล เขาเป็นลูกน้ำเค็ม
เล่นกับทะเลทุกวัน เคยชินกับรสเค็มของเกลือ เหมือนกับรสชาติของ
กาแฟเค็มเพราะฉะนั้นเมื่อทุกครั้งที่เขาได้ลิ้มรสกาแฟเค็มๆ เขาก็จะ
คิดถึงวัยเด็ก คิดถึงบ้านเกิด เขาคิดถึงพ่อแม่ทียังอยู่ที่นั่น
เขาเล่าไปก็น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ....
นั่นเป็นความในใจลึกๆของเขา ผู้ชายคนไหนที่กล้าบอกว่าเขาคิดถึงบ้าน
แสดงว่าเขาต้องรักครอบครัวอย่างมาก และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว
ดังนั้นเธอก็เริ่มประทับใจในตัวเขา เริ่มชวนเขาคุย เล่าถึงบ้านเกิด
ของเธอบ้าง ชีวิตในวัยเด็ก ครอบครัวของเธอ......
เธอกับเขาคุยกันถูกคอมากขึ้นเรื่อยๆ และจากการเริ่มต้นที่ดีทำให้
เขากับเธอคืบหน้าความสัมพันธ์ต่อไป จนทีสุด เธอก็ค้นพบว่า
เขาคือผู้ชายแบบที่เธอต้องการอย่างแท้จริง เขาใจกว้างอ่อนโยน
อบอุ่น และดูแลเธอเป็นอย่างดีแต่เธอเกือบจะมองข้ามเขาไป
! ต้องขอบคุณกาแฟแก้วนั้น
และชีวิตรักที่สวยงามเช่นนี้ ก็เหมือนดังเรื่องทั่วไปเมื่อเธอตกลงใจ
แต่งงานกับเขา และก็มีความสุขมาโดยตลอด.
โดยทุกๆครั้งที่เธอชงกาแฟให้กับเขา เธอต้องใส่เกลือลงไปในกาแฟ
ให้ทุกครั้งไปเธอรู้ว่านี่เป็นกาแฟที่เขาชอบมากที่สุด หลังจากนั้นอีกสี่สิบปี
เขาก็จากเธอไปและได้ทิ้งจดหมายไว้ให้เธอฉบับนึง ข้างในมีใจความว่า
ที่รัก อภัยให้ผมด้วย ที่ต้องโกหกคุณชั่วชีวิต
มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมโกหกคุณ เรื่องกาแฟเค็มนั่น
จำวันแรกที่เรามีนัดกันได้ไหม ผมประหม่ามากในตอนนั้น
จริงๆแล้วผมต้องการน้ำตาลแต่ผมพูดผิดเป็นขอเกลือ
ซึ่งมันยากที่จะกลับคำในตอนนั้น ผมจึงต้องปล่อยมันไป
และผมก็ไม่คิดว่า นั่นจะทำให้เราได้เริ่มต้นการพูดคุยกัน
ผมพยายามที่จะสารภาพกับคุณหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมก็
ไม่กล้าที่จะสารภาพออกไปทำให้ผมสัญญากับตัวเองว่า
จะไม่โกหกอะไรคุณอีกแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้ผมจากไปแล้ว ผมไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีก
ดังนั้นจึงเล่าความจริงในจดหมายฉบับนี้
แท้จริงแล้วผมไม่ได้ชอบทานกาแฟรสเค็มเลยแม้แต่น้อย
มันรสชาติค่อนข้างแย่ทีเดียว
แต่ว่าผมทานมันตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่ได้รู้จักคุณ
ผมไม่เคยนึกเสียใจในสิ่งที่ทำเพื่อคุณเลย
การได้พบคุณเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดชีวิตของผม
ถ้าผมได้มีโอกาสมีชีวิตอีกครั้ง ผมก็ยังอยากจะได้พบคุณ
และมีคุณเป็นภรรยาผมอีกครั้งเช่นกัน
แม้ว่าผมจะต้องดื่มกาแฟรสเค็มอีกตลอดชีวิตก็ตาม!
น้ำตาของเธอหยดใส่กระดาษจดหมายจนเปียกชุ่ม
และหลังจากนั้น หากมีใครถามเธอว่า
กาแฟใส่เกลือรสชาติเป็นเช่นไร?
เธอก็จะตอบเสมอว่า "มันหวาน"
25 ธันวาคม 2552 13:57 น.
เที่ยนหยด
บนเตียงเล็กๆ.. ในบ้านอบอุ่นหลังหนึ่ง
แดดยามเย็นทอบางบาง..ผ่านหน้าต่าง
หญิงชรา..อายุราวๆ 70 ปี
นอนซม..อยู่บนเตียง
เธอรู้ว่า...นี่เป็นช่วงเวลาสุดท้าย..ในชีวิตของเธอแล้ว
แต่จะเป็นอะไรไปล่ะ
เธอพอใจกับชีวิตทั้งหมด..ที่เธอได้ผ่านมา
เธอ..ได้แต่งงาน ..มีครอบครัว..ที่อบอุ่น
แม้จะไม่มีลูก..ก็ตาม
มีเพื่อนที่ดี ..ผ่านชีวิตการงานที่ดี
ถึงแม้วันนี้..สามีของเธอจะตายไป..ร่วม 10 ปี
แต่..ในวันสุดท้าย..ของชีวิต
เพื่อน-ที่เธอรักที่สุด..
ก็มานั่งเคียงข้างเธอ..อยู่ตรงนี้
มาส่งเธอ..เหมือนทุกครั้ง
หมอบอกว่า..ฉันคงอยู่ได้ไม่เกินพรุ่งนี้เช้าหรอก
เธอ..เอ่ยบอกกับเขา ...
เพื่อนชรา..ที่รู้จักกับเธอมา..แต่ครั้งยังเด็ก
ฉันรู้
ชายชรา..พยักหน้ารับ
เธอมาส่งฉัน..เหมือนทุกทีสินะ
หญิงชรา..มองหน้าชายชรา
ใช่..ก็ฉันส่งเธอ..มาตลอดทั้งชีวิตนี่นา ..ขาดไปอย่าง..คงไม่ครบ
ชายชราตอบ..ด้วยรอยยิ้มบางๆ
ตอนเด็กๆ..บ้านเรา..อยู่ทางเดียวกัน..เรากลับบ้านด้วยกันทุกเย็น..
บ้านฉัน..อยู่เลยบ้านเธอไปมาก..
เธอ..รำลึกความหลัง
แต่ฉัน..ก็ไปส่งเธอทุกวัน
ชายชราบอก
ใช่..เธอทำอยู่อย่างนั้น..ตลอดชั้นประถม..และมัธยม..ที่เราเรียนด้วยกัน
จนเพื่อนๆล้อว่า..เราเป็นแฟนกัน
หญิงชราพูดขึ้น
สุดท้าย..ก็ต้องเลิกล้อกันไป
เพื่อนชราของเธอ..ต่อคำ
ตั้งแต่..เธอคบกับแฟนคนแรกของเธอ..นั่นแหละ
เธอเย้ายิ้มๆ
แต่ฉันก็ไปส่งเธอทุกวัน..อยู่อย่างเดิม...
จนต้องเลิกกับแฟน..ไม่ใช่รึ
ชายชรา..ทวนความหลัง
เธอจำได้ว่า..เธอบอกเขาอยู่บ่อยๆว่า..ไม่ต้องเดินมาส่งเธอแล้ว..
เดี๋ยวแฟนเขาจะโกรธเอา.. แต่เขาก็ยังดึงดัน..ที่จะมาส่งเธอ
โกรธก็โกรธไป ..ฉันรู้จักเธอมาก่อนตั้งนาน
ยังไงเธอ..ก็ต้องมาก่อน
นั่น..เป็นคำพูดที่เธอจำได้ไม่ลืม ..แม้ว่า..มันจะผ่านมาเกือบ 60 ปีแล้วก็ตาม..
เธอยังจำ..วันที่เขาต้องขึ้นรถไฟ..เพื่อไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้
วันนั้น..เธอไปส่งเขาที่สถานี ..ร้องไห้จะเป็นจะตาย
เขาวุ่นกับการปลอบเธอ..จนไม่เป็นอันได้ร่ำลาพ่อแม่
พอเธอสงบลง..และขอตัวเข้าไปล้างหน้าล้างตา..ในห้องน้ำ ..
พ่อแม่ของเขา..ไปเช็คเที่ยวรถไฟ ...
พอเธอกลับมา..ก็พบเขานั่งร้องไห้คนเดียว..กับกองกระเป๋า...เงยหน้าขึ้นบอกกับเธอ..ทั้งน้ำตา
กลับบ้านเอง..เดินดีๆ นะ
และนั่น..ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา..อีกรอบ
เธอจำได้ว่า..วันที่เขาปิดภาคเรียน..และกลับมาบ้าน..เธอแนะนำเขา..ให้รู้จักกับแฟนหนุ่มของเธอ
ตอนแรก..ทั้งสอง..เหมือนจะเข้ากันได้ดี ..แต่หลังจากนั้น 2-3 วัน
มีคนมาบอกว่า..แฟนเธอกับเพื่อนเธอ..ต่อยกัน
มัน..นอกใจเธอ
เขาบอกเรียบๆ..
แต่..เธอไม่เชื่อ
วันนั้น..เธอเชื่อแฟนมากกว่า..ว่าเขาอิจฉาแฟนเธอ..จึงหาเรื่องชกต่อย
เธอว่าเขา..ไปหลายคำ
อาทิตย์นึงให้หลัง..เธอจึงรู้ว่า..เขาเป็นคนถูก
เมื่อเธอไปหาเขาที่บ้าน..ก็เจอแต่..พ่อของเขา
มันกลับไป..แต่อาทิตย์ก่อนแล้ว ..เห็นว่ามีธุระด่วน ..ไม่รู้อะไร
เธอส่งจดหมายไปขอโทษ
..เขาบอกไม่เป็นไร..เขาไม่เคยโกรธเธอ..แค่น้อยใจเล็กๆ
..ในจดหมายลงท้าย..ด้วยคำ-คำเก่า
"กลับบ้านเอง..เดินดีๆนะ"
เธอรู้ว่า..ในคำที่เหมือนสั้นๆนั้น
..เขาพูดอะไรออกมา..มากมายขนาดไหน..
เธอจำได้..ถึงวันที่เธอ..บอกเขาว่า..
เธอจะแต่งงาน..
เขา..มองหน้าเธอ..
เธออ่านไม่ออกว่า..มันเป็นความรู้สึกอะไร
..ดีใจ?
..เสียใจ?
และเมื่อเธอถามเขาตรงๆ ..เขาก็ตอบว่า..
..เราใจหาย..
แต่ก่อนหน้านั้น..
ก็เขานี่แหละ..ที่เป็นคนช่วยเธอเลือก..ช่วยเธอดูว่า..ผู้ชายคนนี้นิสัยดี
..และรักเธอจริง
เรา-ผู้ชายด้วยกัน..เราดูออก
ซี่งเขา..ก็ดูไม่ผิด ..สามีของเธอดี..เหมือนอย่างที่เขาบอก ..
วันแต่งงาน..เธอบอกเขาว่า..
ความเป็นเพื่อนของเรา..ยังเหมือนเดิมนะ ..ไม่ต้องห่วง
เขามองเธอนิ่งๆ..พยักหน้าน้อยๆ.. ไม่ตอบคำ
ถึงเวลารดน้ำสังข์ ..เขาอวยพรเธอมากมาย
..แต่พูดกับสามีเธอ..เพียงสั้นๆ ว่า..
ฝากด้วยนะ..
เขาแต่งงาน..มีครอบครัวของเขา
เธอ..ก็มีครอบครัว..ของเธอ
มีบางช่วงของชีวิต..ที่ห่างกันไป
แต่ก็ไม่เคย..ลืมกัน
เธอ..ส่งการ์ดอวยพรวันเกิดให้เขา..ทุกๆปี
ตอนนี้..เขาน่าจะเก็บมันไว้ได้ 59 ใบแล้วล่ะ
เพราะเธอนับของเธอแล้ว..มันได้ 58 ใบ
น้อยกว่า..อยู่ใบนึง..
เพราะเธอ..เกิดทีหลังเขา 5 เดือน..
บางที ..เธอรู้สึกสนิทกับเขา..มากกว่า..คนรักของเธอเสียอีก
หลายเรื่อง..ที่เขารับรู้..แต่คนรักของเธอ..ไม่แม้แต่ระแคะระคาย..
และก็เช่นกัน..หลายความลับ..ที่เขาระบาย
..ที่เขาฝากไว้ที่เธอ..เธอก็รับ..และเก็บงำมันไว้..ด้วยความเต็มใจ..
คิดอะไรอยู่?
เขาเอ่ยขึ้นมา..ทำลายความเงียบ
เรา..กำลังนึกแปลกใจ
เธอเอ่ย..ด้วยท่าทีครุ่นคิด
ทำไม..เราถึงไม่ได้เป็น..คนรักกัน?
เขานิ่งไป..เหมือนกำลังคิดเช่นกัน
เราสนิทกันมาก..มั้ง
เขาว่า
นั่น..ไม่น่าใช่เหตุผลนี่
เธอว่า
เธอ..ถามยากไปนะ
เขาตอบ..หลังจากนิ่งคิดอีก..อยู่ครู่ใหญ่
ไม่ยากหรอก ..ลองคิดเล่นๆ สิว่า..ทำไมเราถึงไม่รักกันนะ?
แววตาเธอ..มีแววขี้เล่นซุกซน ..เหมือนเด็กหญิง..ครั้งกระโน้น
อืมม..อันนี้..ค่อยง่ายขึ้นมาหน่อย
เขาพูดขึ้น
เธอมองหน้าเขา.. แปลกใจเธอว่า..เธอไม่ได้เปลี่ยนคำถาม..นี่นะ..
ฉันไม่รู้หรอกว่า..ทำไม-เราถึงไม่ได้เป็น..คนรักกัน
เขามองหน้าเธอ..ด้วยสายตาอ่อนโยน
แต่..ถ้าเธอถามว่า..ทำไม-เราถึงไม่รักกันน่ะ
เขาเว้นช่วง
ฉันก็จะตอบว่า -- ฉันว่า..เราไม่ได้-ไม่รักกัน..ซะหน่อย
เธอหลับตาลง..
คำถามที่ถูกซ่อนไว้..หลายสิบปี..กลับตอบออกมาง่ายๆ..อย่างนี้เอง
นั่นสินะ ..เราไม่ได้-ไม่รักกัน..ซะหน่อย
เธอตอบ..ทั้งๆที่หลับตาลง
ตอนนี้..เธอพร้อมที่จะจากโลกใบนี้ไป..อย่างมีความสุขแล้ว
ในความรู้สึก..ที่เริ่มพร่าและเลือน...เธอสัมผัสได้ถึงมือของเขา..ที่เอื้อมมากุมมือเธอไว้
กลับบ้านเอง..เดินดีๆนะ..
และนั่น..
คือ..คำสุดท้าย..ที่เธอได้ยิน