19 มีนาคม 2546 18:55 น.
เด็ก รนบ.
นานมาแล้ว ณ สำนักธรรมบนเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พำนักของเหล่าผู้ทรงศีลโดยมีผู้ทรงศีลอาวุโสท่านหนึ่งเป็นเสมือนครูผู้สอนและผู้ดูแลความเรียบร้อยของสำนักธรรมแห่งนี้
อยู่มาวันหนึ่งผู้ทรงศีลอาวุโสมีความจำเป็นต้องแจ้งข่าวสารอย่างหนึ่งให้กับสำนักธรรมอื่นๆทราบ จึงได้ไหว้วานผู้ทรงศีลวัยหนุ่ม 2 คนให้ช่วยเป็นธุระจัดการให้
เมื่อได้รับทราบความประสงค์ของผู้ที่เป็นดังครูผู้สอน ผู้ทรงศีลทั้งสองจึงรีบออกเดินทางเพื่อไปจัดการธุระให้
หลังจากเดินทางมาได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทั้งสองได้ยินเสียงสตรีนางหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่ จึงรีบรุดไปยังต้นตอของเสียงนั้น ภาพที่ปรากฏคือ สตรีที่มีรูปโฉมงดงามคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่ริมแม่น้ำ โดยที่ขาข้างซ้ายของนางดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ทั้งสองจึงเข้าไปถามสตรีผู้นั้น
"มีปัญหาอะไรหรือ...แม่นาง" หนึ่งในสองถามขึ้น
"บ้านของเราอยู่ริมแม่น้ำฝั่งโน้น ลูกชายของเราไม่สบายมาก เราเพิ่งรวบรวมเงินที่มีไปตระเวนหาซื้อยาเพื่อมารักษาอาการป่วยของเขา ซึ่งอาการป่วยของลูกชายเราจำเป็นต้องได้รับยาของเราในวันนี้ และมีเราเพียงผู้เดียวที่สามารถปรุงยาสำหรับเขาได้ ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นต้องข้ามแม่น้ำไปฝั่งโน้นให้ได้ก่อนพลบค่ำ แต่น้ำในแม่น้ำเชี่ยวกรากมาก และเราเองได้รับอุบัติเหตุจากการเดินทางอย่างที่ท่านทั้งสองได้เห็น ฉะนั้นเราจึงไม่สามารถข้ามแม่น้ำโดยลำพังได้ หากท่านมีเมตตา กรุณาช่วยพาเราข้ามแม่น้ำด้วยเถิด" สตรีท่านนั้นอธิบายพร้อมวิงวอนต่อผู้ทรงศีลทั้งสอง
ทางที่ผู้ทรงศีลจะต้องเดินทาง ก็ต้องข้ามผ่านแม่น้ำสายนี้เช่นเดียวกัน ผู้ทรงศีลคนแรกกำลังคิดถึงคำสอนที่ได้ร่ำเรียนมา แม้ใจจะอยากช่วยแต่คำสอนที่ระบุว่าห้ามผู้ทรงศีลสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวของหญิงสาวก็ทำให้ผู้ทรงศีลไม่อาจละเมิดได้ ในขณะที่กำลังจะชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่อาจช่วยได้ให้สตรีผู้นั้นทราบ ผู้ทรงศีลอีกท่านหนึ่งก็ตรงไปอุ้มนางขึ้นและหานางเดินข้ามแม่น้ำในทันทีท่ามกลางความตกตะลึกของผู้ทรงศีลคนแรก
เมื่อข้ามพ้นแม่น้ำแล้ว ผู้ทรงศีลที่อุ้มสตรีผู้นั้นมาก็วางนางลง ซึ่งนางก็ได้กล่าวคำขอบคุณและพยายามเดินจนกลับถึงบ้าน เมื่อผู้ทรงศีลทั้งสองเห็นนางเข้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ทรงศีลคนแรกก็เอ่ยถามผู้ทรงศีลคนที่สองทันที
"นี่ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร เราทั้งสองคือผู้ทรงศีลนะ ทำไมท่านถึงละเมิดสิ่งที่เป็นคำสอนของเราล่ะ?"
แต่ผู้ทรงศีลคนที่สองไม่ตอบอะไร แล้วทั้งคู่ก็เริ่มเดินทางต่อ
ผ่านมาได้อีกสักพัก ผู้ทรงศีลคนแรกก็ถามขึ้นอีก
"เราไม่เชื่อเลยนะว่าท่านจะกล้าทำในสิ่งที่ผิดเช่นนี้ วานท่านบอกเราหน่อยได้มั้ย เหตุใดท่านจึงทำสิ่งที่ผิดคำสอนเช่นนั้น"
แต่ผู้ทรงศีลคนที่สองไม่ตอบอะไรเช่นเดิม แล้วทั้งคู่ก็เริ่มเดินทางต่อ
จนถึงที่หมายซึ่งเป็นเวลาค่ำมากแล้ว ท่านผู้ทรงศีลคนแรกก็ถามขึ้นอีกครั้ง
"เราจะถามท่านเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ทำไมท่านถึงละเมิดคำสอนโดยการไปอุ้มสตรีผู้นั้นข้ามแม่น้ำมา หากท่านไม่ตอบเราอีกล่ะก็ เสร็จธุระครั้งนี้แล้วเราจะไปรายงานให้ผู้อาวุโสทราบ"
"สหายเอ๋ย" ในที่สุดผู้ทรงศีลคนที่สองก็เอ่ยขึ้น...
"ท่านบอกว่าเราละเมิดคำสอนโดยการช่วยอุ้มสตรีที่ได้รับบาดเจ็บและต้องการไปช่วยบุตรอันเป็นที่รักของนางข้ามแม่น้ำใช่มั้ย"
"ใช่สิ ในที่สุดท่านก็ยอมรับแล้วใช่มั้ย ว่าการที่ท่านอุ้มนางข้ามแม่น้ำถือเป็นการละเมิดคำสอน"
"สหายเอ๋ย" ท่านผู้ทรงศีลคนที่สองกล่าวตอบ
"ท่านช่วยฟังคำของเราและตรองดูสักนิดเถิด แม้เราเองช่วยนางโดยการอุ้มนางข้ามแม่น้ำจริง แต่เราวางนางลงตั้งแต่เราพานางข้ามมาอีกฝั่งแม่น้ำได้แล้ว แต่ท่านต่างหากที่ยังอุ้มนางมาจนถึงที่นี่..."
18 มีนาคม 2546 19:51 น.
เด็ก รนบ.
เนิ่นนานมาแล้วหลายปีมากเมื่อตอนที่ผมอายุได้ 23 ปี
ผมแต่งงานกับแม่หม้ายคนหนึ่งซึ่งสวยเท่าที่แม่หม้ายจะพึงสวยได้
แม่หม้ายคนนี้มีลูกที่โตเป็นสาวแล้วคนหนึ่ง ผมของเธอสีแดง
พ่อของผมตกหลุมรักเธอ ในไม่ช้า ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน
นั่นทำให้พ่อของผมกลายมาเป็นลูกเขยของผม
และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในชีวิตของผม
ลูกสาวของผมคือแม่ของผม
เพราะเธอคือถรรยาของพ่อผม
เรื่องมันยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกชื่นบานก็ตาม
เพราะในไม่ช้า ผมก็มากลายเป็นพ่อ
ของทารกน้อยชายแสนซุกซน
พ่อหนูน้อยของผมก็เลยกลายมาเป็น
น้องชายตามกฏหมายของพ่อ
และแม้ว่าผมจะรู้สึกเศร้ามากน้อยแค่ไหน
เขาก็ต้องกลายมาเป็นอา..ของผม
ถ้าเขาเป็นอาของผม
นั้นก็ทำให้เขาเป็นน้องชายของลูกสาวของแม่หม้าย
ซึ้งแน่นอน..เธอคือ..แม่เลี้ยงของผม
เรื่องยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้
เมื่อภรรยาของพ่อคลอดลูกชายออกมา
เขาก็เลยกลายมาเป็น..หลานของผม
เพราะเขาคือลูกของลูกสาวผม
ตอนนี้ภรรยาของผมจึงเป็น..แม่ของแม่
และมันทำให้ผมรู้สึกแย่
เพราะว่าแม้เธอจะเป็นภรรยาของผม
เธอก็เป็น..ย่าของผมไปด้วยในตัว
หากภรรยาของผมเป็นย่าของผม
ผมก็ต้องเป็นหลานของเธอ
และทุกครั้งที่ผมคิดถึงเรื่องนี้
มันทำให้ผม..คลั่งเอาได้ง่ายๆ
ถึงตอนนี้คุณก็ได้เห็นแล้วว่า
กรณีของผมเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่สุดที่คุณเคยเห็นและได้ยินมา
ในฐานะสามีของย่าของผม ผมก็เป็น..ปู่ของตัวเองด้วย
งง......งง