23 เมษายน 2547 15:39 น.
เด็ก(บ้าน)นอก
ความเป็นเพื่อนของเราเกิดจากลิควิด (จริงๆนะ) เรียกว่าลิควิดเสื่อรักอ่ะก็เธอนั่นแหละยืมเราทุกคาบเลย ก็ด้วยความที่เราน่ารัก ใจดี และมีน้ำใจ เราก็เลยให้ยืมทุกคาบ (ด้วยเหมือนกัน) ตอนนั้นก็คงตอนเปิดเทอมมั้งตอน ม.4 วันที่18 มั้ง ยังคิดในใจว่าไอ้แว่นนี้ยืมเราบ่อยจังแต่ก็ไม่กล้าบ่นอะไรมันไปเพราะยังไม่ค่อยรู้จัก แต่แปลกที่ค้นๆหน้ามันจังแฮะ (บุพเพสันนิวาศ) พอได้รู้จักว่าชื่ออะไรก็ยังเฉยๆอยู่นะ (ไม่หล่อยังไม่โดน) ไม่ได้สนใจไม่อยู่ในสายตาเลยนะตอนแรกอ่ะ ก็หมอนี่อ่ะดูยังไงก็ธรรมด๊าธรรมดา เฉิ่มๆ เอ๋อๆ ใส่แว่นด้วยแหละ (นึกภาพแล้วขำดิน่ะ) หลับทุกคาบเลยให้ตายเหอะนี่หรือคนที่จะทำให้เราหวั่นไหวพอเราโดนย้ายมานั่งหน้าหมอนี่ ก็เลยเริ่มคุยกันมากขึ้นบวกกับทำงานกลุ่มด้วยกันตลอดก็เลยเริ่มสนิท เริ่มโดนใจและเริ่มเห็นคุณค่า เรื่องดีๆมากมายจึงเริ่มต้น ( อ่านต่อตอนหน้าตามที่ใจสั่งมา )
15 เมษายน 2547 15:36 น.
เด็ก(บ้าน)นอก
อ่านชีวฯเหรอ ปอนเอ่ยปากถาม
ได้ข่าวว่าเกรดไม่ดีเหรอเทอมนี้
ฉันฟังอยู่แต่ทำหูทวนลมไม่ได้ยิน อยากจะรู้อยู่เหมือนกันว่ามันจะพล่ามไปได้อีกนานสักแค่ไหน
ไปเรียนพิเศษกันป่ะ
หะ? แทบจะหัวใจวายตายคาต้นมะกอก หน้าอย่างนายเนี่ยนะจะมาชวนฉันไปเรียนพิเศษ
ปอนโดดลงไปข้างล่างแล้วเมื่อฉันพูดจบซ้ำยังหันมาทำหน้าทะเล้นแล้วตะโกนก่อนกลับ
แล้วพรุ่งนี้เราจะมารอคำตอบนะยายบ๊อง
หืย..ไอ้ ด่าไม่ทันมันไวหยั่งกะลิง
เอากะมันสินี่มันนึกไงของมันถึงจะมาญาติดีกะฉันเนี่ย
พอใกล้เวลาอาหารเย็นฉันลงจากต้นไม่ตรงดิ่งไปยังครัวซึ่งตอนนี้เริ่มได้กลิ่นอาหารลอยมาแต่ไกล อะฮ้าแม่กำลังทำอาหารเย็นอะไรเนี่ย ข้าวผัดกุ้งของโปรดเรานี่นา ไม่ต้องคิดไรมากอย่างงี้ต้องลองชิม
เพี้ย !!!แม่ตีมือขโมยเวกว่าจรวดเสียอีกจะมีวันไหนที่ฉันเร็วกว่าแม่ไหมเนี่ย
หายไปไหนมาหายายหนอนแม่จะเรียกใช้งานสักหน่อย
แม่กล่าวทักพร้อมถามคำถามที่ลูกไม่ค่อยอยากจะตอบให้เสียอารมณ์เมื่อนึกถึงสงคราวคารมลูกเล็ก ๆ ที่เพิ่งผ่านไปสักครู่
ไปอ่านหนังสือค่ะ
ฉันตอบแม่ถามถามต่อ
แม่คะหนอนเรียนพิเศษได้ไหมคะ
เอาสิว่าแต่จะเรียนที่ไหนล่ะเรา
ถึงฉันจะไม่ค่อยอยากจะเอ่ยถึงก็ต้องเอ่ย
ปอนมันมาชวนหนอน
หนอนว่ามันต้องมีอะไรแน่ ๆ เลยค่ะแม่ ร้อยวันพันปีมันเคยมาญาติดีกะหนูซะที่ไหน
แม่ขมวดคิ้วนิด ๆ ก่อนจะตอบ
ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอไง ดีกันซะได้ จะได้ไม่ต้องมามีสงครามมะกอกอะไรกันอีกน่ะ
เฮอะไม่มีวันหรอกคนอย่างฉันไม่มทางญาติดีกะนายนั่นง่าย ๆ แน่ จะต้องรู้ให้ได้เลยว่าที่หมอนั่นทำมาตีสนิทแบบนี้มีจุดประสงค์อะไร
14 เมษายน 2547 12:12 น.
เด็ก(บ้าน)นอก
ลมเย็นสบายดีจังบรรยากาศแบบนี้ นอนดีกว่า ยังไม่ทันได้หลับก็มีมารตัวหนึ่งมาทำลายความสุขของฉัน ฉันว่าชาตินี้หนีมันไม่พ้นแน่ ๆ เพราะทุกทีที่ฉันทำอะไรที่ไหนกับใครไอ้มารตัวนี้เป็นต้องไปแจมด้วยทุกทีสิน่า ก็คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่ามันเป็นใครมันคือลูกชายของคนข้างบ้าน ( ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นพระเอก ) มันชื่อไอ้ปอนค่ะ ( น่าจะมาจากคำว่าเปียกปอนนะคะ ) มันมามันก็พูดมากปากหมาเลยทันที ไม่ยักรูว่าแถวนี้มีลิงอพยพมาจากลพบุรีสงสัยต้องไปบอกป้าอร ( แม่ฉัน )ให้มาไล่ซะแล้ว อ้าวเล่นถึงแม่งี้มันก็ฉุนเด้ ถ้ามีปากแล้วไม่สร้างสรรค์พูดเรื่องดีๆมีสาระบ้างไม่ได้ก็หุบปากไปเลย แต่ถ้าพูดมากจนหยุดไม่ได้จะหาอะไรยัดปากให้เอามะ ฉันเถียงกลับอย่างรู้แกวแล้วมีเหรอที่ไอ้ปอนจะหุบปากมันง่าย ๆ เรายังไม่ได้ว่าเธอสักคำร้อนตัวทำไมอ่ะ
เอะไอ้นี่ ปอนไม่ได้ยืนอยู่เฉย ๆ เห็นฉันเริ่มหมดสมาธิ ตบะแตกเลยปีนขึ้นมานั่งข้าง ๆ กะจะกัดไม่ปล่อยเลยใช่มะแก อ่านไรอ่ะ ปอนถามแต่ฉันไม่ตอบมีตาก็อ่านเอาเองสิยะว่าแต่ว่าไอ้ปอนมันจะขึ้นมาทำไรของมันหว่า ?!!?
12 เมษายน 2547 10:24 น.
เด็ก(บ้าน)นอก
ความซวยของต้นมะกอก
ตายหะ ! ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ( เช้าเหรอยะ 8 โมงเนี่ย )มัรอาจจะยังเช้าอยู่ในสายตาของเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับฉันก็จริง แต่สำหรับแม่ฉัน มันสายมากมายมหาศาลอย่างไม่น่าให้อภัย กลิ่นอาหารเช้าซึ่งลอยมาพร้อมเสียงบ่นของแม่ ตกลงฉันควรดีใจหรือเสียใจกันแน่นะ
กิจวัตรยามเช้าที่ต้องปฏิบัติคือการตื่นนอน เก็บที่นอน แปรงฟัน อาบน้ำ ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ( ของฉัน ) และสุดท้ายก็คือกินข้าวล้างจาน ซึ่งงานทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นงานของฉันแทบทั้งสิ้น มันจึงไม่หนักหนาอะไรมากมายนัก
ลมพัดมาในยามเย็น วันนี้ตั้งใจจะหาฐานทัพที่พักซึ่งก็จะใช้มันเป็นที่อ่านหนังสือชีววิทยาซึ่งตั้งใจว่าจะอ่านทบทวนในช่วงปิดเทอม เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องการจะไถ่บาปที่ตัวเองได้ทำไว้ในการสอบปลายภาคคราวที่แล้วนั่นเอง แหมท่านผู้อ่านที่เคารพอันว่าจะอ่านชีวฯ ถ้าไม่อ่านกะธรรมชาติแล้วมันจะเข้าถึงรสวิชาได้อย่างไร ไวเท่าความคิดเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง ( เหยื่อ ) ฉันตัดสินใจปีน ๆๆๆ ตามความถนัดของฉัน ( วิญญาณลิงสิงร่าง ) ขึ้นไปสูงพอควร ( ควรเจ็บถ้าพลัดตกลงมา ) จัดที่จัดทางสักพักก็หยิบเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน
อ้อ ลืมบอกไปค่ะว่าเจ้าต้นไม้ดวงซวยต้นนี้ มีชื่อที่เรียกกันเป็นที่ติดปากว่า ต้นมะกอก มีขนาดกลาง ๆ จนเกือบจะใหญ่ มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง รกรุงรัง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมันมีอายุมากถึงสิบกว่าปี หรืออาจเป็นเพราะตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นเจ้าของครอบครองมรดกต้นมะกอกต้นนี้ ก็แหมมันดันมาขึ้นตรงรั้วบ้านของฉันกับเพื่อนบ้านตัวแสบนี่น่ะสิจะไม่ให้เป็นปัญหาได้ไงล่ะ ก็เจ้าต้นนี้ต้นเดียวนี่แหละที่นำความเดือดร้อนมาสู่เรือนชานบ้านฉันอย่างไม่ขาด( อ่านต่อในคราวต่อไป อิอิ จบไม่เนียนแฮะ )