12 เมษายน 2547 10:03 น.
เด็ก(บ้าน)นอก
ตะวันสาดแสงทอง
นกกาขับขานรับอรุณ
ชีวิตเดินอีกครั้ง
ลืมตาตื่นฟื้นต่อ
ถักสานความฝันอังดงาม
เติมชีวิตที่ขาดหาย
ก้าวเท้าออกสู่โลก
เคว้งคว้างกว้างไกลไม่รู้สิ้น
กลิ่นอิสระล่องลอย
11 เมษายน 2547 15:30 น.
เด็ก(บ้าน)นอก
ไก่ขันรับอรุณ
ปลุกฉันให้ตื่นจากความฝัน
พรากฉันไปจากเธอ
11 เมษายน 2547 11:31 น.
เด็ก(บ้าน)นอก
ตายหะ ! ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ( เช้าเหรอยะ 8 โมงเนี่ย )มัรอาจจะยังเช้าอยู่ในสายตาของเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับฉันก็จริง แต่สำหรับแม่ฉัน มันสายมากมายมหาศาลอย่างไม่น่าให้อภัย กลิ่นอาหารเช้าซึ่งลอยมาพร้อมเสียงบ่นของแม่ ตกลงฉันควรดีใจหรือเสียใจกันแน่นะ
กิจวัตรยามเช้าที่ต้องปฏิบัติคือการตื่นนอน เก็บที่นอน แปรงฟัน อาบน้ำ ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ( ของฉัน ) และสุดท้ายก็คือกินข้าวล้างจาน ซึ่งงานทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นงานของฉันแทบทั้งสิ้น มันจึงไม่หนักหนาอะไรมากมายนัก
ลมพัดมาในยามเย็น วันนี้ตั้งใจจะหาฐานทัพที่พักซึ่งก็จะใช้มันเป็นที่อ่านหนังสือชีววิทยาซึ่งตั้งใจว่าจะอ่านทบทวนในช่วงปิดเทอม เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องการจะไถ่บาปที่ตัวเองได้ทำไว้ในการสอบปลายภาคคราวที่แล้วนั่นเอง แหมท่านผู้อ่านที่เคารพอันว่าจะอ่านชีวฯ ถ้าไม่อ่านกะธรรมชาติแล้วมันจะเข้าถึงรสวิชาได้อย่างไร ไวเท่าความคิดเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง ( เหยื่อ ) ฉันตัดสินใจปีน ๆๆๆ ตามความถนัดของฉัน ( วิญญาณลิงสิงร่าง ) ขึ้นไปสูงพอควร ( ควรเจ็บถ้าพลัดตกลงมา ) จัดที่จัดทางสักพักก็หยิบเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน
อ้อ ลืมบอกไปค่ะว่าเจ้าต้นไม้ดวงซวยต้นนี้ มีชื่อที่เรียกกันเป็นที่ติดปากว่า ต้นมะกอก มีขนาดกลาง ๆ จนเกือบจะใหญ่ มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง รกรุงรัง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมันมีอายุมากถึงสิบกว่าปี หรืออาจเป็นเพราะตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นเจ้าของครอบครองมรดกต้นมะกอกต้นนี้ ก็แหมมันดันมาขึ้นตรงรั้วบ้านของฉันกับเพื่อนบ้านตัวแสบนี่น่ะสิจะไม่ให้เป็นปัญหาได้ไงล่ะ ก็เจ้าต้นนี้ต้นเดียวนี่แหละที่นำความเดือดร้อนมาสู่เรือนชานบ้านฉันอย่างไม่ขาด( อ่านต่อในคราวต่อไป อิอิ จบไม่เนียนแฮะ )
10 เมษายน 2547 16:55 น.
เด็ก(บ้าน)นอก
มิตรภาพสวยงามมักจบลงอย่างไม่สิ้นสุด
10 เมษายน 2547 15:29 น.
เด็ก(บ้าน)นอก
แงๆๆๆๆๆๆๆๆ แม่จ๋าฮือๆๆๆๆมดกัดอ่ะ ( กึ๋ย ) ตอนที่ฉันเป็นเด็กชีวิตฉันโดนมดกัดบ่อยมากๆ โดยเฉพาะมดตะนอย เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็อาจจะเป็นเพราะที่บ้านฉันเป็นชนบท มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นเต็มไปหมด อีกทั้งครอบครัวของฉันยังเป็นครอบครัวเกษตรกร ต้องทำไร่ไถนากันอยู่เป็นนิจ โอกาสที่ฉันจะต้องเจอกับสัตว์ประหลาดกัดแล้วเจ็บจึงเป็นเรื่องที่น่าจะชิน ( แต่ฉันก็ไม่ชิน ) ในอาณาบริเวณบ้านของฉันจะประกอบไปด้วย บ้านของตา บ้านของฉัน และบ้านของป้า จำได้ว่าเมื่อก่อนระหว่างทางของบ้านฉันกับบ้านป้าจะมีต้นก้ามปูอยู่ต้นหนึ่งซึ่งสูงใหญ่มาก และครั้งหนึ่งชิ้นส่วนของมันก็เคยตกโครมลงมาบนหลังคาโรงเก็บของบ้านฉันซะเสียหายไปหมดเชียว ต้นก้ามปูนี้ความจริงเป็นของป้าฉัน เป็นต้นไม้ที่ฉันขยาดไม่กล้าแตะ เพราะนอกจากมันจะมีหน้าที่ให้ร่มเงากับฉันและครอบครัวฉันแล้ว มันยังเป็นคฤหาสน์หลังงามของเจ้ามดตะนอยตัวร้ายของเรื่องอีกด้วย
เรื่องที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็เพราะ เมื่อสมัยที่ไฟฟ้ายังไม่เข้ามามีอิทธิพลในหมู่บ้านของฉัน พวกเราต้องใช้แบตเตอรี่ในการใช้ไฟเพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำคืน และใช้ดูโทรทัศน์เพื่อความบันเทิงหลังอาหารเมื้อเย็น และเย็นวันนั้นฉันได้ดูละครเรื่องหนึ่ง ( จำไม่ได้เหมือนกันว่าเรื่องอะไรเพราะนานมากแล้ว ) แต่ก็จำได้ว่านางเอกของเรื่องออกจะเป็นทะโมนปีนป่ายเก่งพอตัว แหมมันช่างเท่อะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ ว่าแล้วหลังจากที่เมื่อคืนนอนฝันถึงนางเอกนางนั้นอยู่หมาดๆ กำลังคึกเลยตอนนั้น เหลือบไปเห็นเจ้าต้นก้ามปู ( ต้นเดิม ) จินตนาการของฉันก็แจ่มบรรเจิดจ้าขึ้นมาทีเดียวเชียว ว่าแล้วก็เลยจัดการแปลงโฉมตัวเองเป็นนางเอก ( คนนั้น ) ปีนขึ้นไปกินข้าวบนต้นก้ามปู ( ออกแนวชาวบ้านพจญภัย ) ทำเท่อยู่ได้ไม่นานก็ร้องจ๊าก ตกลงมาจากต้นก้ามปูแทบไม่ทัน ( ตกนะไม่ได้โดดลงมาเอง ) ผลคือนอกจากจะบวมเพราะโดนเจ้าตะนอยกัดแล้ว เอวยังเคล็ดไปอีกนานเพราะตกต้นก้ามปู ( ต้นเดิม )