16 เมษายน 2548 19:13 น.
เด็กชายชิน
"ตอนนี้ฉันเองนั่งคิดถึงแต่เรื่องตัวเองมากไปรึเปล่า คิดจนกระทั่งไม่ได้สนใจใครรอบๆ ข้างเลย
ปล. ใครมันจะมาสนใจคนอย่างฉันล่ะ จริงมั้ย"
กระดาษโน๊ตแผ่นนึงถูกทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานของผม ลายมือของพิม เธอเขียนข้อความนี้ไว้เพื่อที่จะจากผมไปงั้นหรือ เธอรู้มั้ย ผมห่วงเธอมากแค่ไหน
เธอเองคงไม่เคยรู้จริงๆ
***************************************************
เช้าวันที่เธอไป เธอทำทุกอย่างเหมือนเป็นปกติ แต่ผมไม่รู้ว่า ผมเองจะไม่มีวันได้เจอเธออีกเลย นี่ก็ผ่านมาสองเดือนแล้วนะ สองเดือนแห่งความเศร้าเสียใจของผม แต่ใครล่ะจะมารับผิดชอบความรู้สึกของผม พิมก็จากไปแล้ว ตอนนี้ผมต้องทนทุกข์ทรมานกับการรอ รอเพื่อจะได้เจอเธออีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันไม่มีโอกาสก็ตาม
พายุฝนเทลงมาจากบนฟ้าอย่างบ้าคลั่ง ใครจะรู้ว่า ท้องฟ้าคิดเช่นไรกับคนเรา ท้องฟ้า คงคิดว่า มนุษย์เราเป็นสิ่งที่ไม่มีค่า ไม่มีราคา เหมือนกับที่ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ ผมกลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของคนอื่น ไม่มีใครสนใจผมอีก เพราะผมเองก็ไม่ได้คิดที่จะสนใจใครเลย นอกจากเธอ คนนั้น
แล้วเสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน ผมเดินออกไปเปิดประตูอย่างไร้วิญญาณเพื่อที่จะดูว่าใครมา ผมหวังว่าให้เป็นเธอ พิม พิม พิม
ผมได้แต่คิดในใจ เพราะไม่รู้ว่าอะไร คือสิ่งที่แท้จริงที่ผมกำลังจะพบ บางที อาจจะเป็นพนักงานส่งพิซซ่าที่มาส่งผิดบ้าน หรือว่าเป็นเซลล์แมนขายเครื่องทำอาหารที่เห็นกันออกจะบ่อยตามบ้านของพวกคุณๆ ทั้งหลาย
แต่พอเปิดประตูออกไป ผมกลับได้พบกับกล่องใบหนึ่ง กล่องที่จ่าหน้าถึงผม
มันไม่ใช่กล่องพัสดุไปรษณีย์นี่นา แล้วมันคือกล่องอะไรกันล่ะ
************************************************
ผมค่อยๆ บรรจงเปิดมันทีละน้อย โดยไม่กลัวเลยว่ามันอาจจะเป็นระเบิดที่ผู้ประสงค์ดีต่อคนอื่น เอามาวางไว้เพื่อฆ่าผมให้ตายลงไปเสีย
แต่สิ่งที่เจอในกล่องก็เป็นเพียงแค่
กระดาษ
กระดาษในลังไม้ใบนั้น
มันดูเลอะเลือนด้วยเพราะเปียกน้ำ แต่ผมเห็นลายมือแล้ว ก็จำได้ทันทีว่าเป็นลายมือของใคร
เธอกลับมาแล้ว
เธอกลับมาพร้อมกับกล่องใบนั้น กลับมาพร้อมกับจดหมายฉบับนั้น
แต่ตัวเธอล่ะ ทำไมถึงเห็นแต่กล่องกับลายมือของเธอเท่านั้นล่ะ
เธอไม่ได้กลับมาด้วย
เธอไม่ได้กลับมาหาผม
เธอคงคิดว่าผมไม่รักเธอ
3 พฤศจิกายน 2547 12:51 น.
เด็กชายชิน
เป้เดินออกมาจากออฟฟิซพร้อมกับแมน เธอเดินเคล้าคลอกันกันแมนอย่างมีความสุข แต่ภาพที่ผมเห็นนั้น ช่างเป็นสิ่งที่ผมอิจฉาเสียเต็มประดา ทำไมเธอถึงลืมผมไปง่ายดายอย่างนี้เนี่ย เธอคนนี้หรือ คือคนที่บอกว่ารักผมมากมาย คนนี้หรือที่เคยบอกว่า เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ทำไมล่ะ เพียงแค่ผมไม่อยู่แค่สองสามวัน เธอกลับมาปันใจให้คนอื่นแบบนี้
ทั้งสองคนขับรถมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารมีชื่อแห่งหนึ่ง ผมเองก็ขับรถตามเธอไปเช่นกัน แต่ทั้งสองคนกลับไม่รู้เลยว่าผมตามพวกเขาไป เขาไม่สนใจใครทั้งนั้น ในเวลาอย่างนี้ พวกเขาเองคงจะคิดเพียงแค่นั้นล่ะมั้ง
*************************************************
วันนี้เป็นวันเกิดของผมเอง วันเกิดที่แม้กระทั่งแฟนเก่าของผมยังลืมมันไป เธอไม่ได้มาหาผมเหมือนอย่างที่เคยเป็น วันนั้นผมนั่งรอเธอทั้งวัน แต่ในที่สุดเธอก็ไม่มาหาผม ทำไมผมถึงดูไร้ค่าเช่นนี้ ผมรอคุณอยู่นะเป้ คุณได้ยินผมมั้ย
********************************************
วันนี้ผมเห็นเธอแอบไปร้องไห้ที่ห้องน้ำมา เธอเองคงจะเจ็บใจมากสินะ ที่เขาเองทิ้งเธอไป อย่างที่เธอเองเคยทำกับผม อย่างที่เคยสัญญากันไว้ แต่ตอนนี้ แม้เพียงแค่เข้าไปปลอบเธอเบาๆ ผมยังำไม่ได้เลย แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้นะเป้ ว่าผมยังรักคุณเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
2 พฤศจิกายน 2547 17:04 น.
เด็กชายชิน
"เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตั้งนานแล้วนะ แต่ทำไมไม่เห็นทำอะไรเลย นั่งมองอยู่ได้"
เป้พูดกับตัวเอง แล้วลุกพรวดไปทางแมนที่กำลังนั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น เธอค่อยๆ โอบแขนสองข้างของเธอไปที่คอของแมนอย่างช้าๆ แล้วค่อยเอาคางของหล่อนวางลงบนไหล่ของเขา
"โธ่เป้ ผมกำลังนั่งรองานอยู่นะ คุณออกไปรอผมตรงนั้นก่อนนะ"
แมนพูดพลางค่อยๆ หันหน้าไปทางเป้แล้วหอมแก้มเธอเบาๆ
"นี่เป้ก็รอคุณตั้งเกือบสามชั่วโมงแล้วนะ แล้วนัดดินเนอร์ของเราล่ะคะ แมนลืมไปแล้วเหรอว่าเป็นวันนี้"
เธอพยายามโน้มน้าวให้แมนไปกับเธอให้ได้
"จ้ะๆ เดี๋ยวอีก 10 นาทีนะ แล้วผมจะพาคุณไปเลย"
แมนพยายามต่อรองกับเป้
"ถ้างั้นก็ได้ อีก 10 นาทีนะคะแมน แล้วเป้จะรอ"
เธอกลับมานั่งกับผม แล้วเธอก็อ่านหนังสือต่อไปตามเรื่องของเธอนั่นแหละ แต่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว แมนก็ยังไม่ลุกขึ้นมาจากหน้าคอมพิวเตอร์เลย เธอจึงเดินไปหาแมนอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือไปปิดที่ตาของเขา
"พักเถอะนะคนดี วันนี้มันก็ดึกมากแล้วนะ วันพรุ่งนี้คุณก็ค่อยมาโหลดเอางานก็ได้นี่นา รึว่าคุณไม่อยากไปกับฉัน"
"เอาล่ะๆ งั้นผมไปก็ได้ แต่ว่าผมขอปิดคอมก่อนแล้วกันนะที่รัก"
ในที่สุดเขาก็ละสายตาออกจากหน้าจอสี่เหลี่ยมนั้นได้แล้วพยายามปิดมันลง
ทั้งสองคนค่อยๆ เดินไปที่รถ โดยมีผมเดินตามไปช้าๆ แล้วผมจะเข้าไปยุ่งอะไรกับเขาด้วยเนี่ย สองคนนี้เขาเป็นแฟนกันแล้วนะ
12 กรกฎาคม 2547 15:37 น.
เด็กชายชิน
วันนี้ก้อเหมือนกับเมื่อวานนั่นแหละ ที่ผมเองยังต้องมานั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวที่ศาลาท่าน้ำตรงหน้าบ้าน
ใครจะไปคิดล่ะคับว่าการที่เราต้องตกงาน จะน่าเบื่อได้ขนาดนี้ หลายๆ ครั้งนะ ผมเองคิดว่าอยากจะหยุดพักผ่อนซักเดือนนึงล่ะ แต่สุดท้าย พอผมได้มาหยุดพักจิงๆ ผมก้อกลับ เบื่อ อยากจะทำอะไรซักอย่าง อย่างบอกไม่ถูก
ผมก้อเลยเดินไปที่หน้าบ้านกะว่าจะหารถซักคันมาชนเข้าที่ตัวเอง เผื่อว่าจะแก้เซ็งได้บ้าง แต่เปล่าเลยครับ รถซักคันก้อไม่มี ถนนหน้าบ้านผมว่างเปล่า เห็นก้อแต่เพียงเด็กสองสามคนวิ่งเล่นอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักร๊อก ผมก้อเลยเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งหนึง เผื่อว่าอาจจะมีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกดีซ่อนอยู่ก้อได้
เสียงบีบแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้านของผม ปลุกให้ผมตื่นขึ้น ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไร แล้วผมก้อยื่นหัวออกไปมองที่หน้าบ้าน สิ่งแรกที่ผมได้เห็นคือ ชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดสีกากี ยืนถือซองกระดาษสีน้ำตาลซองใหญ่อยู่ซองหนึ่ง ผมก้อเลยมีความจำเป็นที่ต้องเดินไปหาเขา พร้อมกับเดินไปหยิบเอาซองสีน้ำตาลในมือของเขามาที่ผม
ผมค่อยๆ เปิดซองนั้น เพราะไม่รู้เลยว่าซองนั้นอาจจะเป็นซองเชื้อโรคที่พวกโรคจิตส่งมาฆ่าคนอื่นก็เป็นไปได้แต่กลับไม่มีของแบบนั้นครับ กลับกลายเป็นเพียงแค่จดหมายปึกหนึ่ง หน้าซองจ่ามาถึงผม แล้วก้อเขียนที่อยู่เพียงว่า "จากพิม เพื่อนเก่าที่คุ้นเคย"
ผมพยายามเริ่มอ่านจดหมายทีละฉบับ แต่เพียงแค่เริ่มอ่านไปได้แค่ 2 ฉบับ ผมก้อไม่อยากจะอ่านมันต่อไป อยากเพียงแค่หาเจ้าของจดหมายเหล่านี้ให้เจอ
เพราะอย่างน้อยผมเองก้อควรจะต้องรู้ว่าพิมคือใคร
ผมจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปที่โรงเรียนเก่าของผม ที่ผมจบจากที่นั่นมาเกือบสิบห้าปีแล้ว ตอนแรกที่ผมเข้าไปถามค้นหาประวัติเพื่อนเก่าคนนั้นของผม แต่ก้ออย่างว่านั่นแหละครับ ผมเองไม่สามารถที่จะหาประวัติเธอได้ เพราะทางโรงเรียนเอาประวัติของเธอ และเพื่อนของผมอีกหลายๆ คน ไปทิ้งที่อื่นเสียแล้ว ในขณะนั้น ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก พิม ที่ผมต้องการจะพบเธอ ผมคงหมดหวังไปแล้วใช่มั้ย
ผมค่อยเดินไปเรื่อยๆ ในโรงเรียนเก่าของผม เดินดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่นี่ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก จากโรงเรียนที่เคยมีเพียงตึกเดียว แต่ตอนนี้ โรงเรียนเก่าของผม กลับกลายเป็นศูนย์ให้การศึกษาขนาดใหญ่ จนผมแทบจะหาเค้าเดิมไม่เจอ คงจะมีเพียงแค่ศาลาหอพระเท่านั้นที่ยังคงเป็นแบบเดิมผมค่อยๆ นั่งลงบริเวณนั้น แล้วแนบเอาหัวของผมลงสู่พื้นศาลานั้น
"เอม ตื่นได้แล้ว โรงเรียนเลิกแล้วนะ" เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังปลุกผม เธอเองก้อกำลังรีบร้อนที่จะกลับบ้าน แต่ผมเองก็ไม่ได้สนใจเธอมากนัก เธอเลยเดินเข้ามาเขย่าหัวผมอย่างแรง ทำให้ผมเองลืมตาขึ้นมา แล้วมองเห็นเธอ
แต่ทำไมเธอถึงไม่ใช่พิมคนที่ผมคิดล่ะ ตอนนี้ผมยังเห็นเด็กสาวคนนึงที่ผมน่าจะจำเธอได้ดี เด็กสาวในชุดนักเรียนสีขาว กระโปรงสีกรม ผมมองไปที่เด็กสาวคนนั้น แล้วขยี้ที่ตาเผื่อว่าบางที ผมเองอาจจะตาฝาดไปก้อได้
และผมก้อตาฝาดจิงๆ ก้อแค่เด็กนักเรียนคนนึงที่มาปลุกผมเพราะเห็นว่าเย็นแล้ว เธอมาปลุกผม แล้วเด็กคนนั้นก้อเดินจากไป ผมลุกขึ้นเดินอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะกลับเข้าสู่เมืองหลวง แต่สิ่งที่ผมได้เห็นตรงหน้า ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอหน้าตาเหมือนพิมมากจิงๆ รึว่าผมเองคิดถึงพิมจนคลั่งไป ผมค่อยๆเดินไปหาเธอคนด้านหน้าผม แล้วเข้าไปทักทายกับเธอ
"ขอโทษครับ ไม่ทราบว่า" ขณะที่ผมกำลังจะถามเธอ เธอก้อสวนคำพูดประโยคหนึ่งออกมา
"เอมจำเราไม่ได้จิงเหรอ" เธอพูดคำนี้กับผม ตอนนี้ผมไม่รู้จิงๆ ว่าเธอเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าเธอหน้าตาเหมือนพิมเอามากๆ จนผมแทบจะแยกไม่ออก แล้วผมก็นั่งคุยกับเธอตรงม้าหินอ่อนบริเวณนั้น
"ใช่พิมรึป่าว" ผมถามเธอ ทั้งๆ ที่รู้แน่ๆ ว่าคำตอบต้องเป็นคำว่าไม่แน่นอน
"เอมจำเราไม่ได้จิงๆ เหรอ" เธอพูดกับผมอีกครั้ง "เราพิมนะ พิมที่เขียนจดหมายไปหาเอมน่ะ"
ผมยืนงงอยู่พักนึง แต่เธอก้อสะกิดที่ไหล่ผม แล้วเธอก้อพูดให้ผมฟังว่าเธอมานั่งรอผมอยู่ทุกวัน จนกระทั่งวันนี้ได้เจอผมอีกครั้งหนึ่ง
พอเธอพูดออกมาแบบนี้ ผมก้อรู้สึกขนลุกเลยครับ ใครจะไปคิดล่ะว่า จะมีคนมานั่งรอเราเป็นสิบๆ ปีเพื่อที่จะมาเจอเราเพียงคนเดียวเนี่ยนะ
แต่ผมก้อนั่งคุยกับเธอตั้งแต่หัวค่ำตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรก จนกระทั่ง ผมเองเริ่มรู้สึกว่า มันดึกมากแล้ว ผมก้อเลยชวนเธอเพื่อที่จะกลับบ้าน ประมาณว่า ผมจะไปส่งเธอว่างั้นเถอะ แต่เธอก้อขอเข้าห้องน้ำก่อน
เธอเดินขึ้นไปบนตึกอาคารเรียนชั้นสาม แล้วร้องเรียกลงมาที่ผมว่า "อย่าหนีเราไปอีกล่ะ" แล้วเธอเองก้อหายไปจนผมเองรู้สึกว่ามันเริ่มนานจนผิดสังเกดแล้ว
ผมจึงเดินขึ้นไปตาหาเธอที่บนชั้น 3 แต่ผมเองก้อไม่กล้าเดินเข้าไปที่ห้องน้ำหญิง เผื่อบางที พิมเองอาจจะทำธุระอยู่ก้อได้ ผมจึงยืนรอเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำนั้นล่ะ แต่รอเธอเกือบๆ จะชั่วโมงนึงแล้วเธอก้อไม่ออกมาซักที จนกระทั่ง ผมได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้น
ผมไม่ได้สนใจที่จะรอพิมอีก ผมเองวิ่งไปทางต้นเสียงนั้น จนกระทั่งลงบันไดลงไป แต่ก้อไม่เห็นต้นเสียงนั้น พอเดินลงมาหาข้างล่าง ผมก้อหาไม่เห็นอีกนั่นแหละ ผมเลยตัดสินใจเดินขึ้นตึกอีกครั้ง แต่คราวนี้ จะเดินเข้าไปหาพิมที่ห้องน้ำนั้นเลย
แต่พอผมเข้าไป ก้อเป็นอย่างเดิมครับ ผมหาสิ่งมีชีวิตในห้องน้ำไม่เห็นเลย ไม่มีแม้กระทั่งแมลงสาบ หรือว่าหนู ผมจึงเดินลงมาจากตึกนั้น เพราะตอนนี้ ก้อรู้แล้วว่า เธอหลอกให้ผมรอเธอบ้าง อย่างที่เธอรอผมมา แต่เอาเถอะ พรุ่งนี้ ผมจะกลับมารอเธออีกครั้งหนึ่ง
ผมมานั่งรอเธออีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้น ผมนั่งรอเธออยู่จนกระทั่งจะพลบค่ำแล้วน่ะแหละ เธอถึงเดินมาที่โรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง ผมก้อคุยกับเธออย่างที่ผมอยากจะทำไปนั่นแหละ ก้อได้คุยกับเธอแล้วนี่นา
จนกระทั่งสามทุ่ม เธอก้อยังนั่งคุยกะผมอยู่ คุยไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะคุยจบซักที เธอบอผมว่าเธอจะไปห้องน้ำ ผมก้อเลยบอกกับเธอว่า ผมจะไปยืนรออยู่หน้าห้อง แบบว่า กะว่าเธอจะหายไปไหนไม่ได้นั่นแหละ
เธอหายเข้าไปในห้องน้ำนานมากๆ จนกระทั่งเกือบ 20 นาทีผมก้อเลยทำอย่างเดิม ก้อเดินเข้าห้องน้ำหญิงน่ะแหละ เดินหาเธอแบบที่ทำเมื่อวาน แล้ก้อไม่เห็นเธออย่างเมื่อวาน จนกระทั่งผมเดินออกมาจากห้องน้ำถึงเห็นเธอยืนอยู่ที่หน้าบันได แล้วเธอกำลังจะเดินลงไปข้างล่าง เธอกำลังจะหนีผมไปอีกแล้วเหรอ ผมเลยวิ่งตามเธอไปที่บันได แล้วก้อวิ่งมาถึงข้างล่าง แต่ก้อไม่เห็นเธออีก
จนกระทั่งผมกำลังจะเดินกลับที่พักอีกครั้ง ก้อได้ยินเสียงๆ หนึ่ง ร้องมาจากด้านบน
"รอรับเราด้วยนะเอม"
เธอยืนอยู่ข้างบนดาดฟ้านี่นา ตอนนี้เธออยู่ในชุดสีขาวบางเบา ผมไม่รู้ว่าเธอไปเปลี่ยนชุดมาตอนไหนหรอก แค่ไม่อยากให้เธอกระโดดลงมาจากตรงนั้นแค่นั้นล่ะ แต่ตอนนี้ สิ่งที่ผมเห็นก้อคือ ตัวเธอที่กำลังลอยละลิ่วลงมาสู่พื้นโลก เธอกระโดดลงมาข้างล่าง และผมก้อวิ่งไปรับเธอ
ผมรู้สึกตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาล หมอบอกผมว่า ผมสลบอยู่ที่โรงเรียนนั้น แล้วมีคนเอาตัวผมมาที่โรงพยาบาลในตอนเช้าน่ะแหละ เขาบอกผมแค่นั้น เพราะว่าหมอเองก้อไม่รู้ว่าผมไปนอนอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน และหมอเองก้อเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมนอนงงอยู่คนเดียว
ผมเพิ่งคิดออกว่า คนที่กระโดดลงมาหาผมก้อคือ "พิม" แต่ตอนที่หมอเดินเข้ามาผมจึงได้ลืมเธอไปเสียสนิทจนกระทั่งผมลุกขึ้นไปที่ข้างๆ เตียง และได้เห็นจดหมาย 2 ฉบับ ฉบับนึงเปื้อนเลือด เขียนด้วยลายมือที่ผมคุ้นเคย แต่อีกฉบับเป็นกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง วางทับไว้ด้วยจดหมายฉบับนั้นน่ะแหละ และผมก้อหยิบจดหมายของพิมขึ้นมาอ่านก่อน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถึง เอม
เอมคงคิดออกใช่มั้ยว่าลายมือนี้เป็นของเราเอง แต่ว่าถ้าเอมจำไม่ได้ก้อคงไม่เป็นอะไรหรอก เอมรู้มั้ยว่าตลอดหกปีมานี่ เรารอแต่เอมตลอดเลยนะ ถึงแม้ว่าเอมเองจะไม่ได้รู้เลยว่าเราชอบเอมก้อเถอะ จนกระทั่งวันนี้ วันที่พิมเองไม่รู้ว่า พิมจะอยู่ไปทำไม เพราะการที่พิมมานั่งรอเอมอยู่อย่างนี้มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย เอมไม่เคยจะรู้สึก ไม่เคยรับรู้เลยว่า คนคนนึง จะห่วงเอมแค่ไหนเวลาที่ต้องจากกันไป เอมน่ะใจร้าย ไม่ติดต่อกลับมาหาเราเลย เราเองก้อไม่รู้หรอกนะว่า ตอนนี้ เอมมีแฟนใหม่รึป่าว แต่ว่าเราเอง จะยังรอเอมเสมอ แม้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก้อตาม เราหวังว่า เอมคงจะได้รับจดหมายฉบับนี้นะ เพราะหลังจากที่เอมได้มันไปแล้ว เราอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก้อได้
ยังคิดถีงเอมเหมือนเดิม
พิม
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมอ่านนจดหมายฉบับนี้ด้วยน้ำตาของผมที่เริ่มไหลออกมาอย่างช้าๆ ผมไม่คิดว่าผู้หญิงคนนึงที่รอผมมานานนับสิบปี ถึงได้ยินยอมที่จะรอผมอย่างเดิม ถึงแม้ว่าเธอเอง จะสามารถมีแฟนใหม่ได้ก้อตามทีเถอะ แล้วผมจึงได้หยิบเอาจดหมายอีกฉบับขึ้นมาอ่าน
*****************************************************************************************
ถึงคุณเอม
ผมชื่อเอก เป็นภารโรงของที่โรงเรียน ผมเองเพิ่งได้รับณุ้เรื่องราวในจดหมายของคุณจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผมเองไม่รู้นะว่าทำไมคุณถึงกลับมาหาพิม แต่ตอนนี้ผมคงบอกได้เพียงว่า พิมเองได้เสียชีวิตตั้งแต่เมื่อหกปีที่แล้ว และเรื่องที่ตึกแห่งนี้ยังไม่ได้ทุบทิ้งก้อเป็นเพราะว่าเกิดเหตุอาเพทขึ้นอย่างที่หาข้อพิสูจน์ไม่ได้ และสุดท้ายจิงๆ คือตอนนี้ ตึกที่ว่าไม่มีคนกล้าไปเรียนแต่คุรเอง เป็นคนแรกที่กล้าเดินเข้าไปในบริเวณนั้น เพราะปกติก้อคงไม่มีใครเดินเข้าไปหรอก
ปล.ผมพาคุณมาส่งโรงพยาบาลเองนะ อย่าตกใจเรื่องที่ผมเขียนในจดหมายล่ะ
*****************************************************************************************
ผมวางจดหมายลง พร้อมมทั้งถอนหายใจแล้วก้อหลับตาลงไป เพื่อไว้อาลัยแก่ ความรักของ พิม หญิงสาวที่ยังคงอยู่จนถึงตอนนี้ แม้ว่าเธอจะไม่อยู่บนโลกนี้ก้อตาม
10 กรกฎาคม 2547 20:03 น.
เด็กชายชิน
วันนี้ก้อเหมือนกับเมื่อวานนั่นแหละ ที่ผมเองยังต้องมานั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวที่ศาลาท่าน้ำตรงหน้าบ้าน
ใครจะไปคิดล่ะคับว่าการที่เราต้องตกงาน จะน่าเบื่อได้ขนาดนี้ หลายๆ ครั้งนะ ผมเองคิดว่าอยากจะหยุดพักผ่อนซักเดือนนึงล่ะ แต่สุดท้าย พอผมได้มาหยุดพักจิงๆ ผมก้อกลับ เบื่อ อยากจะทำอะไรซักอย่าง อย่างบอกไม่ถูก
ผมก้อเลยเดินไปที่หน้าบ้านกะว่าจะหารถซักคันมาชนเข้าที่ตัวเอง เผื่อว่าจะแก้เซ็งได้บ้าง แต่เปล่าเลยครับ รถซักคันก้อไม่มี ถนนหน้าบ้านผมว่างเปล่า เห็นก้อแต่เพียงเด็กสองสามคนวิ่งเล่นอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักร๊อก ผมก้อเลยเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งหนึง เผื่อว่าอาจจะมีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกดีซ่อนอยู่ก้อได้
เสียงบีบแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้านของผม ปลุกให้ผมตื่นขึ้น ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไร แล้วผมก้อยื่นหัวออกไปมองที่หน้าบ้าน สิ่งแรกที่ผมได้เห็นคือ ชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดสีกากี ยืนถือซองกระดาษสีน้ำตาลซองใหญ่อยู่ซองหนึ่ง ผมก้อเลยมีความจำเป็นที่ต้องเดินไปหาเขา พร้อมกับเดินไปหยิบเอาซองสีน้ำตาลในมือของเขามาที่ผม
ผมค่อยๆ เปิดซองนั้น เพราะไม่รู้เลยว่าซองนั้นอาจจะเป็นซองเชื้อโรคที่พวกโรคจิตส่งมาฆ่าคนอื่นก็เป็นไปได้แต่กลับไม่มีของแบบนั้นครับ กลับกลายเป็นเพียงแค่จดหมายปึกหนึ่ง หน้าซองจ่ามาถึงผม แล้วก้อเขียนที่อยู่เพียงว่า "จากพิม เพื่อนเก่าที่คุ้นเคย"
ผมพยายามเริ่มอ่านจดหมายทีละฉบับ แต่เพียงแค่เริ่มอ่านไปได้แค่ 2 ฉบับ ผมก้อไม่อยากจะอ่านมันต่อไป อยากเพียงแค่หาเจ้าของจดหมายเหล่านี้ให้เจอ
เพราะอย่างน้อยผมเองก้อควรจะต้องรู้ว่าพิมคือใคร
ผมจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปที่โรงเรียนเก่าของผม ที่ผมจบจากที่นั่นมาเกือบสิบห้าปีแล้ว ตอนแรกที่ผมเข้าไปถามค้นหาประวัติเพื่อนเก่าคนนั้นของผม แต่ก้ออย่างว่านั่นแหละครับ ผมเองไม่สามารถที่จะหาประวัติเธอได้ เพราะทางโรงเรียนเอาประวัติของเธอ และเพื่อนของผมอีกหลายๆ คน ไปทิ้งที่อื่นเสียแล้ว ในขณะนั้น ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก พิม ที่ผมต้องการจะพบเธอ ผมคงหมดหวังไปแล้วใช่มั้ย
ผมค่อยเดินไปเรื่อยๆ ในโรงเรียนเก่าของผม เดินดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่นี่ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก จากโรงเรียนที่เคยมีเพียงตึกเดียว แต่ตอนนี้ โรงเรียนเก่าของผม กลับกลายเป็นศูนย์ให้การศึกษาขนาดใหญ่ จนผมแทบจะหาเค้าเดิมไม่เจอ คงจะมีเพียงแค่ศาลาหอพระเท่านั้นที่ยังคงเป็นแบบเดิมผมค่อยๆ นั่งลงบริเวณนั้น แล้วแนบเอาหัวของผมลงสู่พื้นศาลานั้น
"เอม ตื่นได้แล้ว โรงเรียนเลิกแล้วนะ" เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังปลุกผม เธอเองก้อกำลังรีบร้อนที่จะกลับบ้าน แต่ผมเองก็ไม่ได้สนใจเธอมากนัก เธอเลยเดินเข้ามาเขย่าหัวผมอย่างแรง ทำให้ผมเองลืมตาขึ้นมา แล้วมองเห็นเธอ
แต่ทำไมเธอถึงไม่ใช่พิมคนที่ผมคิดล่ะ ตอนนี้ผมยังเห็นเด็กสาวคนนึงที่ผมน่าจะจำเธอได้ดี เด็กสาวในชุดนักเรียนสีขาว กระโปรงสีกรม ผมมองไปที่เด็กสาวคนนั้น แล้วขยี้ที่ตาเผื่อว่าบางที ผมเองอาจจะตาฝาดไปก้อได้
และผมก้อตาฝาดจิงๆ ก้อแค่เด็กนักเรียนคนนึงที่มาปลุกผมเพราะเห็นว่าเย็นแล้ว เธอมาปลุกผม แล้วเด็กคนนั้นก้อเดินจากไป ผมลุกขึ้นเดินอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะกลับเข้าสู่เมืองหลวง แต่สิ่งที่ผมได้เห็นตรงหน้า ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอหน้าตาเหมือนพิมมากจิงๆ รึว่าผมเองคิดถึงพิมจนคลั่งไป ผมค่อยๆเดินไปหาเธอคนด้านหน้าผม แล้วเข้าไปทักทายกับเธอ
"ขอโทษครับ ไม่ทราบว่า" ขณะที่ผมกำลังจะถามเธอ เธอก้อสวนคำพูดประโยคหนึ่งออกมา
"เอมจำเราไม่ได้จิงเหรอ" เธอพูดคำนี้กับผม ตอนนี้ผมไม่รู้จิงๆ ว่าเธอเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าเธอหน้าตาเหมือนพิมเอามากๆ จนผมแทบจะแยกไม่ออก แล้วผมก็นั่งคุยกับเธอตรงม้าหินอ่อนบริเวณนั้น
"ใช่พิมรึป่าว" ผมถามเธอ ทั้งๆ ที่รู้แน่ๆ ว่าคำตอบต้องเป็นคำว่าไม่แน่นอน
"เอมจำเราไม่ได้จิงๆ เหรอ" เธอพูดกับผมอีกครั้ง "เราพิมนะ พิมที่เขียนจดหมายไปหาเอมน่ะ"
ผมยืนงงอยู่พักนึง แต่เธอก้อสะกิดที่ไหล่ผม แล้วเธอก้อพูดให้ผมฟังว่าเธอมานั่งรอผมอยู่ทุกวัน จนกระทั่งวันนี้ได้เจอผมอีกครั้งหนึ่ง
พอเธอพูดออกมาแบบนี้ ผมก้อรู้สึกขนลุกเลยครับ ใครจะไปคิดล่ะว่า จะมีคนมานั่งรอเราเป็นสิบๆ ปีเพื่อที่จะมาเจอเราเพียงคนเดียวเนี่ยนะ
แต่ผมก้อนั่งคุยกับเธอตั้งแต่หัวค่ำตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรก จนกระทั่ง ผมเองเริ่มรู้สึกว่า มันดึกมากแล้ว ผมก้อเลยชวนเธอเพื่อที่จะกลับบ้าน ประมาณว่า ผมจะไปส่งเธอว่างั้นเถอะ แต่เธอก้อขอเข้าห้องน้ำก่อน
เธอเดินขึ้นไปบนตึกอาคารเรียนชั้นสาม แล้วร้องเรียกลงมาที่ผมว่า "อย่าหนีเราไปอีกล่ะ" แล้วเธอเองก้อหายไปจนผมเองรู้สึกว่ามันเริ่มนานจนผิดสังเกดแล้ว
ผมจึงเดินขึ้นไปตาหาเธอที่บนชั้น 3 แต่ผมเองก้อไม่กล้าเดินเข้าไปที่ห้องน้ำหญิง เผื่อบางที พิมเองอาจจะทำธุระอยู่ก้อได้ ผมจึงยืนรอเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำนั้นล่ะ แต่รอเธอเกือบๆ จะชั่วโมงนึงแล้วเธอก้อไม่ออกมาซักที จนกระทั่ง ผมได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้น
ผมไม่ได้สนใจที่จะรอพิมอีก ผมเองวิ่งไปทางต้นเสียงนั้น จนกระทั่งลงบันไดลงไป แต่ก้อไม่เห็นต้นเสียงนั้น พอเดินลงมาหาข้างล่าง ผมก้อหาไม่เห็นอีกนั่นแหละ ผมเลยตัดสินใจเดินขึ้นตึกอีกครั้ง แต่คราวนี้ จะเดินเข้าไปหาพิมที่ห้องน้ำนั้นเลย
แต่พอผมเข้าไป ก้อเป็นอย่างเดิมครับ ผมหาสิ่งมีชีวิตในห้องน้ำไม่เห็นเลย ไม่มีแม้กระทั่งแมลงสาบ หรือว่าหนู ผมจึงเดินลงมาจากตึกนั้น เพราะตอนนี้ ก้อรู้แล้วว่า เธอหลอกให้ผมรอเธอบ้าง อย่างที่เธอรอผมมา แต่เอาเถอะ พรุ่งนี้ ผมจะกลับมารอเธออีกครั้งหนึ่ง