15 พฤษภาคม 2548 14:59 น.
เดือนไร้เงา
ครืน-ครืนมา ฟากฟ้า คราสะอื้น
เจ้ากล้ำกลืน หรือทุกข์ใจ เรื่องใดหนอ
ดูหมองมัว ยามฟ้า น้ำตาคลอ
หรือเจ้ารอ ใครคนนั้น อย่างฉันเป็น
เมื่อฟ้าหม่น ดาวประดับ ก็ลับล่อง
เคยแหงนมอง กลับหาย ไม่ให้เห็น
ดาวใจดำ ลาผืนฟ้า คราลำเค็ญ
น้ำตาเย็น โรยร่วง สรวงโศกซม
ข้าฯมีทุกข์ ซุกในใจ ใครรู้บ้าง
สุดอ้างว้าง ด้วยดวงใจ ไร้สุขสม
เขาทอดทิ้ง ไม่ใยดี ทวีระทม
ข้าฯตรอมตรม เขากลับหาย ไปจากกัน
อยากเอื้อมซับ น้ำตาเจ้า เฝ้าปลอบจิต
อยู่เป็นมิตร ปลอบใจ คลายโศกศัลย์
ฟ้าจ๋าฟ้า อย่าครวญคร่ำ พร่ำรำพัน
เรามีกัน ฉันยืนยัน คำสัญญา
จะไม่ทิ้ง ให้เดียวดาย ในยามเหงา
โปรดลืมเขา ดาวใจร้าย ไปเถิดหนา
ข้าฯเช่นกัน จะเลิกรอ ขอสัญญา
จักเข้มแข็ง ดั่งฟากฟ้า คราฝนจาง
6 พฤษภาคม 2548 12:42 น.
เดือนไร้เงา
มวลดอกจานบานแจ่มจ้าคราหน้าแล้ง
แสดแสดงสดใสไพรอิสาน
สัญลักษณ์การเปลี่ยนแปลงฤดูกาล
สิ้นเหมันต์จานกลีบอ้าหน้าร้อนเยือน
ระยับแดดแผดเผาเราร้อนรุ่ม
ดังไฟรุมสุมใจกายใดจะเหมือน
แต่จานเจ้ายังสดใสไม่ลดเลือน
ประจักษ์เตือนเติมใจให้อดทน
ยืนต้นสู้ผลิดอกบานมิพรั่นแดด
สวยสีแสดสู้แสงทุกแห่งหน
แลสง่ามาลีงามยามได้ยล
ดังมีมนต์สอนใจข้าฯเปรียบอาจารย์
สอนให้รู้สู้ผจญทนอดกลั้น
ทุกข์โรมรันอย่าหวั่นไหวให้กล้าหาญ
แดดที่เผาดังทุกข์ภัยอยู่ไม่นาน
ลับตะวันแดดร้อนลาพาทุกข์จร
ใครปรามาสให้โกรธาอย่าหุนหัน
เก็บคำร้ายใช้คำหวานจานเจ้าสอน
ร้อนแดดผลาญจานยังเจือเอื้ออาทร
มีน้ำหวานปันภมรร่อนลงชิม
จวบวสันต์จานลากิ่งทิ้งกลีบหล่น
กลาดเกลื่อนกล่นเกรอะกรังดังสนิม
เก็บภาพจานแสดสล้างดังภาพพิมพ์
ประทับพริ้มนานเนาว์เกลาใจตน
25 เมษายน 2548 09:40 น.
เดือนไร้เงา
เธอจากไปใจยังจำความช้ำชอก
จำคำบอกถึงความรักที่ห่างหาย
สิ้นใจภักดิ์สิเน่หาสิ้นอาลัย
เธอย่ำใจด้วยคำลาไม่ปราณี
ฉันก้มหน้ารับความช้ำประจำอก
ใบบัวบกเก็บกำขยำขยี้
ประกบแผลกลางใจจนหายดี
พาชีวีผ่านเวลารักษาใจ
เมื่อเจ็บจางรักครั้งใหม่จึงได้ก่อ
รักที่รอรักสมหวังรักสดใส
เขาเข้ามาคลายเหงาเขาเข้าใจ
แต่ทำไมเธอกลับหวงทวงรักคืน
เจ็บต้องจำคำนั้นฉันอยากบอก
เธอลวงหลอกให้เจ็บจำร่ำสะอื้น
รักเธอมีใช่จีรังหรือยั่งยืน
อย่ารื้อฟื้นเพื่อคืนดีไม่มีทาง
มาทางไหนโปรดกลับไปในทางนั้น
จบสัมพันธ์เลิกง้อขอเมินหมาง
อย่าก่อกรรมทำรักใหม่ให้อับปาง
โปรดรับฟังอย่ากลับมา.... อย่าอาวรณ์
11 เมษายน 2548 17:12 น.
เดือนไร้เงา
เมืองอุดร แดนดิน ถิ่นอีสาน
แหล่งตำนาน บ้านเชียง เคียงหนองหาน
ปีใหม่ไทย ปีนี้ เรามีงาน
ถนนอาหาร สงกรานต์ เมืองอุดรฯ
หนองประจักษ์ฯ คือที่จัด งานยิ่งใหญ่
แหล่งรวมใจ พี่น้อง จองสลอน
ร้านอาหาร เรียงราย ให้สัญจร
เตรียมส้อมช้อน คู่กาย ไว้ใช้ชิม
กองประกวด ส้มตำ ทำงานหนัก
กรรมการ พร้อมพักตร์ เพื่อลองลิ้ม
ครกใดแซบ อร่อยลิ้น สิ้นคำชิม
ใจเอมอิ่ม ชนะใส ให้รางวัล
เชิญอร่อย ภัตตาสรรพ สำรับพร้อม
รีบรุมล้อม มาทานฟรี มีพร้อมสรรค์
ชอบอะไร จานไหน รีบจองพลัน
ถูกใจกัน จึงซื้อ ถือกลับเรือน
เมื่ออิ่มท้อง จึ่งจอง รอบหนองนั่น
ตั้งปราการ สาดวารี มีผองเพื่อน
ช่วยสกัด กั้นทาง ผู้มาเยือน
ไม่แชเชือน รีบปะแป้ง แบ่งน้ำเย็น
สิบเอ็ดเมษ ถึงสิบห้า ระกาศก
มาแช่มชื่น เย็นอุทก ลืมทุกข์เข็ญ
ร่วมดับร้อน ทรัพย์ใด ไม่จำเป็น
มาเริงเล่น สงกรานต์นี้ ที่อุดรฯ
3 เมษายน 2548 19:42 น.
เดือนไร้เงา
แผลกายก่อบาดเนื้อเหลือจะเก็บ
บาทาเจ็บเหน็บเกินเดินไม่ไหว
นอนซมเซาท้อทดหมดแรงไป
กำลังกายกำลังใจไร้พลัง
โลหิตรินรดซ้ำย้ำแผลสด
น้ำตาหยดรดใจท้อรอความหวัง
แผลที่ปวดให้หายดีมีกำลัง
น้ำตาหลั่งจงเหือดแห้งแล้งจากใจ
ดังน้ำฟ้าพร่างมาจากฟ้ากว้าง
ดังน้ำค้างพรมปกโลกสดใส
ดังลมโชยโบกกายเหน็บให้เจ็บคลาย
ด้วยน้ำใจเนืองแน่นแทนน้ำตา
ท่านผู้ใหญ่พี่ที่รักพรรคพวกพ้อง
อีกนุ่งน้องถามไถ่เจ็บไหมหนา
ให้หายวันหายคืนฟื้นกายา
ให้กลับมาเริงรื่นทุกคืนวัน
เพียงน้ำคำถามไถ่แรงกายฟื้น
แรงใจตื่นชื่นฉ่ำนำสุขสันต์
ทั้งบุปผาไม้ผลขนเยี่ยมกัน
ชุบชีวันผ่อนเจ็บกายจวนหายดี
ทุกไมตรีที่หยิบยื่นชื่นใจนัก
ทุกแรงรักจักเก็บลงตรงใจนี้
ทุกน้ำจิตตรึงสนิทติดฤดี
ทุกนาทีมิอาจลืมปลื้มน้ำใจ