::: ฝันเป็นจริง :::
๑. ตรงเบื้องหน้าป่าหนามความดิบเถื่อน
เธอจะเยือนหรือพลอยล่าถอยหนี
เพียงเพราะวัยอ่อนเยาว์กว่าเขามี
สายตาที่จ้องอยู่จึงดูแคลน ...
๒. ทางลดเลี้ยวผ่านไพรไปไกลลึก
พกสำนึกฉบับหนึ่งซึ่งหวงแหน
เรียก “อุดมการณ์” ตรึงปักเป็นหลักแกน
เพื่อโลดแล่นทายท้าฝ่าอธรรม ...
๓. ระหว่างทางบ้างมิตรคิดอิจฉา
แอบวางยาให้ร้ายหมายเหยียบย่ำ
พิษน้ำผึ้งหยดนี้เป็นสีดำ
เช่นถ้อยคำหวานหอมพร้อมทำลาย ...
๔. มรสุมรุมโหมจนโทรมร่าง
จวบสว่างพร่างพลันตะวันฉาย
กับหนึ่งใจก้าวฝันสู่บั้นปลาย
ถึงที่หมาย...ยืนหยัด...โดยสวัสดี ...
๕. ตรงเบื้องหน้าป่าหนามความดิบเถื่อน
เธอจะเยือนหรือพลอยล่าถอยหนี
ชีวิตอาจต้องล้มลุกคลุกธรณี
สู้เช่นนี้...จนถึงวัน... “ฝันเป็นจริง”
ด้วยความหวังดี
เกรียงไกร รอบรู้ (เช่นรวีโชติ/ก.ประแสร์ ศิษยาพร)
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗
1. ถ้าเจ็บหนักรักร้าวจงก้าวข้าม มองถึงยามหวานล้ำเคยจำได้ ถ้าโรยราสิ้นหวังกำลังใจ รอวันใหม่พรุ่งนี้จะมีมา 2. ถ้าเบื้องหน้าป่าหนามความดิบเถื่อน ยังมีเพื่อนร่วมฝันร่วมฟันฝ่า ยามเหนื่อยหน่ายชีพโหยจนโรยรา ยังมีขาทั้งสองป้องประทัง 3. ถ้าหมดสิ้นเงินทองต้องประสงค์ ดีที่ตรงไม่ต้องแย่งแข่งกันคลั่ง ยามสิ้นยศหมดชื่อลือโด่งดัง จะได้นั่งพักกายสบายชีวี 4. ถ้าโดดเดี่ยวลำพังกลางโลกหล้า มองสิว่าอิสระละหน้าที่ ไร้คฤหาสน์บ้านหรูเช่นผู้ดี โลกใบนี้ทั้งผองเป็นของเรา 5. แม้วันที่มรสุมรุมชีวิต แลมืดมิดหดหู่จนดูเศร้า หลังฟ้าสางกลางแดดอันแผดเงา พบทางเก่า...สว่างไสว...ใหม่กว่าเดิม ด้วยความหวังดี เกรียงไกร รอบรู้ (เช่นรวีโชติ / ก.ประแสร์ ศิษยาพร) ส. 19 เมษายน 2557
::: เรือจ้างเก่า ::: ๑. เรือจ้างเก่าลอยปริ่มอยู่ริมท่า
รอคนมาโดยสารเหมือนวานก่อน
ฝ่าคลื่นลมแดดฝนจนโคลงคลอน
เขาโยนเศษตังค์ทอนตอนจากเรือ ...
๒. คนโดยสารครั้งแรกย่อมแปลกหน้า
แอบคิดว่าฝีพายไม่น่าเชื่อ
ทำงานแลกข้าวห่อพอจุนเจือ
กับเศษเนื้อพอประทังยังชีวี ...
๓. ระหว่างทางกลางนทีมีข้อคิด
เขาเรียนรู้ชีวิตทุกข์สุขี
เช่นคำสอนศิษย์ไว้ให้ได้ดี
คือสิ่งที่ฝีพายตั้งใจทำ ...
๔. คัดท้ายเรือมุ่งทิศพิชิตฝั่ง
ยืนกันฝนให้คนนั่งจนร่างฉ่ำ
ครั้นแดดออกเรือถึงยังฝั่งประจำ
ประคองค้ำเขาได้ยันปลายทาง ...
๕. คนโดยสารโยนเหรียญแล้วเหรียญเล่า
ถีบเรือเก่าลอยไปจนไกลห่าง
รอยยิ้มรื้นน้ำตาจนฝ้าฟาง
เอนกายพลาง...หวนถึงวัน...ที่ผ่านไป ...
๖. เรือจ้างเก่าส่งคนครั้งสุดท้าย
ท่ามจันทร์ฉายลมพลิ้วปลิวไสว
เรือผุพังยังร่างลอยคว้างไกล
ค่อยค่อยจม...ลับไป...กลางสายชล
ด้วยความหวังดี
เกรียงไกร รอบรู้
(เช่นรวีโชติ/ก.ประแสร์ ศิษยาพร)
๒๑ มีนาคม ๒๕๕๗
::: คนคนเดิม ::: ๑. บันทึกสีชืดจางค่อนข้างเหลือง
เขียนเล่าเรื่องย้อนไปวัยหนุ่มสาว
คืนวันพร่างกระจ่างฟ้าดาราพราว
เราสืบก้าวพร้อมฝันอย่างมั่นใจ ...
๒. สร้างโลกอุดมคติที่มิเหมือน
กับโลกเถื่อนเสื่อมทรามความโหยไห้
ยืนกอดคอบุกบั่นเคียงกันไป
จนวันได้จำพรากเราจากกัน ...
๓. ทิ้งอุดมคติเคยผลิดอก
ตรงมุมตรอกซอกดำกำแพงกั้น
มิตรภาพเคยพร่ำเพื่อนรำพัน
ก็แสนสั้นเกินนึกหวนตรึกตรอง ...
๔. มิตรหน้าใหม่สับเปลี่ยนเวียนมาพบ
ก็เลือนลบภาพเก่าจนเศร้าหมอง
บันทึกที่ไร้ค่าราคามอง
ลอยละล่องลิ่วโชยโปรยแสนไกล ...
๕. วันหนึ่งเราอาจเผอิญเดินทางฝัน
ต้องชะตาพบกันวันฟ้าใหม่
เธอคือมิตรคุ้นเคยเปรยจากใจ
แต่ฉันนี้...คือใคร...ในความคิดเธอ ...
ด้วยความหวังดี
เช่นรวีโชติ (ก.ประแสร์ ศิษยาพร)
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗
๑. เมื่อเธอตื่นรับอรุณลมกรุ่นหอม
ดอกพะยอมโชยฟุ้งครารุ่งสาง เห็นโค้งคุ้งรุ้งพรายเป็นรายทาง เศษน้ำค้างค้างหล่นบนช่อใบ ... ๒. ก็แค่ฉากละครตอนพลบค่ำ ที่ฉายซ้ำฉายซากเปลี่ยนฉากใหม่ กล่อมเธอหลงระเริงกลางเพลิงไฟ จนเข้าใจ...ว่าโลกสวย...รวยความดี ... ๓. ละครจบหลังฉากมากปัญหา ทั้งกร่นด่าว่าร้ายจ้องป้ายสี โดนเหยียบหัวแทงข้างหลังเป็นบางที เลื่อยเก้าอี้ขี้ประจานคืองานประจำ ... ๔. จึงตระหนัก "ความจริง" สิ่งบังเกิด ไม่เลอเลิศดังนิยายฉายตอนค่ำ จงเรียนรู้สู้โลกอันโศกนำ ด้วยความ "อึด" และถ้อยคำ "กำลังใจ" ... ๕. หลับเถิดนะน้องยาอย่าเศร้าหมอง คืนฟ้าครองจันทร์กระจ่างดาวพร่างใส ณ ความฝันพริ้มเพรายามเยาว์วัย เก็บแรงไว้...สู้ต่อ...อย่าท้อเลย ด้วยความหวังดี เกรียงไกร รอบรู้ (เช่นรวีโชติ/ก.ประแสร์ ศิษยาพร)