11 มิถุนายน 2551 23:28 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
หอมกาแฟบดฟุ้ง.................ชวนฝัน
ลิ้มรสฟองนมสวรรค์...............วาบลิ้น
เติมหวานนิดหน่อยมัน............พอเหมาะ
ด้วยรักจากใจสิ้น.................เสกด้วยกาแฟ
หอมฟุ้งกาแฟบด
แล้วชิมรสฟองนมสวรรค์
น้ำตาลขมหวานมัน
เธอเนรมิตจากจิตใจ
ร่ำร่ำเครื่องบดร้อง
อกรวนรวนชวนสงสัย
หอมกลิ่นกาแฟใคร
ยิ่งครุ่นคิดชวนติดตาม
เธอสวมชุดนอนขาว
แดดยามเช้าเย้าหยอกถาม
สบายดีไหมคนงาม
เธอตอบว่า สบายดี
จ๊ะเอ๋ฉันโผล่ทัก
กอดเต็มรักแล้วจั๊กกะจี้
คนบ้าแหมน่าตี
มาทีเผลอ เอ้อ คนเรา
ทำทีจิบกาแฟ
แต่แอบจุ๊บแก้มที่เก่า
ออดอ้อนฉันวอนเว้า
ขอน้ำตาลตาหวานเติม
ขอนมอีกนิดหน่อย
เอร็ดอร่อยพลอยฮึกเหิม
แดดอุ่นละมุนประเดิม
ดูดดื่มหวิวลูบผิวมัน
หวานขมรสกลมกล่อม
เหงื่อหอมหวนชวนเคลิ้มฝัน
พลังเติมก่อนเริ่มวัน
ที่วุ่นวายในเมืองกรุง
กาแฟที่หลงใหล
ให้รุกรักรู้จักปรุง
รสกลิ่นเร้าบำรุง
คือเรี่ยวแรงแห่งชีวา
ยิ่งขมก็ยิ่งรัก
ยิ่งหวานหนักยิ่งโหยหา
กลิ่นซึ้งยังตรึงตรา
รักยิ่งซึ่งติดตรึงใจ
คู่รักแห่งกาแฟ
สร้างคู่แท้แห่งยุคสมัย
ขับเคลื่อนความเป็นไป
ให้โลกสวยด้วยความรัก
6 มิถุนายน 2551 19:48 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ลูกครึ่งหรือลูกเสี้ยว
ดูแล้วเสียวสับสนความ
กาหงส์คงสวยตาม
เสน่ห์ตนแต่นานปี
สีขาวคือสีดำ
แท้สีใดไม่เคยมี
มายามาย่ำยี
มาเย้ายั่วให้มัวเมา
ผีเสื้อคือหนอนน้อย
พลอยแยกยากลำบากเรา
ยังงงยังงมเงา
ยิ่งงึมงำยิ่งโง่งม
ลากลายเป็นจิ้งจอก
ความกลิ้งกลอกก็กลืนกลม
พาพวกซื่อผสม
ผสานพิษเพื่อสิทธิ์ทราม
ดวงจันทร์คืนวันเพ็ญ
อาจกลายเป็นคืนมืดตาม
สองขั้วสองเขตคาม
คือโลกสร้างทางสมดุล
น้ำคลองคือฝนฟ้า
ที่ระเหยระเหิดหมุน
วงจรแห่งวงจุล-
ชีวิตวิจิตรเจริญ
ขอทานเป็นเศรษฐี
ด้วยวิธีอดออมเงิน
เศรษฐีโดนประเมิน
เป็นขอทานเพราะมารกลืน
คนดีอาจทำชั่ว
คนโฉดอาจเปลี่ยนจุดยืน
เทวทัตสำนึกคืน
ก็ตรัสรู้กอบกู้ธรรม
ทางซ้ายหรือทางขวา
อย่ายึดติดพินิจนำ
สิ่งแน่ไม่แน่จำ
จงสังวรสอนใจกัน
สองขั้วหรือสองข้าง
จงปล่อยวางอย่ายึดมัน
วิถีเชื่อมโยงสรรค์
สร้างสมดุลหมุนจักรวาล
6 มิถุนายน 2551 15:14 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ประชันปัญหาประชาพินิจ
ประชุมความคิดประดิษฐ์คำถาม
ประสมคำตอบประกอบนิยาม
ประพันธ์เพื่อปรามประณามบาปกรรม
ประทับปัญญาประสาพิจารณ์
ประณีตชำนาญประมาณสูงต่ำ
ประโลมวิญญาณประสานศีลธรรม
ประจานระยำประจำหัวใจ
ตรึกตรองลองเตือนเหล่าเพื่อนรัก
ทึกทักทวนถามความสาไถย
ผลประโยชน์เปื้อนย่ำกระหน่ำไทย
เราก็หลงใหลไปตามกล
สี่แพร่งแสงพร่าจากอาทิตย์
ส่องติดสาดเตือนเพื่อนทุกหน
สี่คอกเสาค้ำจากคำคน
เขาต้อนหวังผลเหล่าคนทราม
สี่ทางก้าวไปตรองให้ทั่ว
สี่แพร่งคอกวัวบาปยั่วหยาม
สี่พุทธสัจธรรมนำป้องปราม
สี่คอกครวญถามตามปัญญา
พุทโธวิถีกลางสี่แพร่ง
ลงแรงต่อสู้หยัดอยู่กล้า
ตรึกตั้งตรองสติพิจารณา
เปิดหูเปิดตาสมาธิ
อยากเยื้องอยากย่างไปทางไหน
เถิดไทยทั้งผองตรองสติ
สร้างสรรค์ส่งเสริมความเริ่มริ
ชำนิชำนาญสานเส้นทาง
อคติตัดตอนลดถอนบาป
เชื่อมภาพผิดแผกความแตกต่าง
มัฌฌิมายืนยงอยู่ตรงกลาง
วิถีเสกสร้างวางสัมพันธ์
ประสมความคิดประสิทธิ์วงศ์ชาติ
ประพัฒน์ผองญาติประศาสน์เขตขัณฑ์
ประดับเมตตาประสาจำนรรจ์
ประทีปทิพย์ปันประจัญกลีกล
ประทับมนุษย์ประดุจดวงมาน
ประเทืองวิญญาณประสานเหตุผล
ประเทศกำเนิดประเสริฐกมล
ประหนึ่งวีรชนประพนธ์แผ่นดิน
6 มิถุนายน 2551 11:36 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ปิดทองหลังแพะเพี้ยน............โพนทะนา
ป่าวประกาศหวาดผวา...........หวีดร้อง
นำหัวโจกชิงประชา..................ชวนก่อน
ขอโชคจากแพะต้อง...............ติดด้วยมนตร์อุบาย
ชายหญิงวิ่งวุ่นแล้ว...............หลงกล
จูงลูกหลานออกถนน.............แน่นอึ้ง
บางจูงแพะรี้พล.....................บางขี่ แพะเฮย
คนครึ่งแพะภาพซึ้ง................สลดพร้องเพลงขลัง
พลังทองติดแพะแจ้ง.............จรัสงาม หลังนอ
แพะยิ่งน่าเกรงขาม................คับฟ้า
ทองติดทัพแพะตาม.............เติมต่อ
แพะนับหมื่นจึงบ้า...............บิ่นร้องระงมหลอน
สลอนหัวแพะโด่เพี้ยน................พรรณนา
ทองแพะเห็นแสบตา..................ตลกร้าย
แผนแม่ทัพแพะพา....................เพลินวาด
กองแพะดูคลับคล้าย..................เคลื่อนแกล้งกลลวง
ยวงทองแผ่นกระดาษอ้าง...........อุดมการณ์
รอปิดหลังแพะชาญ...................ช่วงใช้
จนหลังแพะทองบาน.................ทองบาด แบะแฮ
กลอุบายบ้าใบ้.............................บิดเบี้ยวเบนกระแส
แถผลักแพะโล่โก้........................กำบัง
กูก็หลบอยู่หลัง..........................แพะแล้ว
ดูแพะถูกฆ่าประทัง....................ดวงประเทศ
กูเก็บทองแหวนแก้ว................เก็บกู้ประโยชน์คืน