28 กรกฎาคม 2548 01:07 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
จากกระท่อมหญ้าแฝกเมื่อแรกเริ่ม
ค่อยปรับเติมต่อสานบันดาลฝัน
เวลาเวียนเปลี่ยนผ่านเนินนานวัน
เกิดตึกสูงเสียดกั้นสวรรค์กับดิน
จากรถม้าซึ่งสร้างขึ้นอย่างง่าย
แล้วกลับกลายเป็นเครื่องยนต์จนหมดสิ้น
คนประกาศศักดาท้าธรนินทร์
สร้างเรือบินเหินฟ้าท้าพิภพ
สงครามเลวหลงระห่ำบ้าอำนาจ
มนุษยชาติวนอยู่มิรู้จบ
ดีชั่วเลวแหลกทรามลามบัดซบ
เหล็กเลอะศพสาปเลือดเดือดสันดาน
สัญลักษณ์ซ่อนเร้นเห็นแสงสวรรค์
กำหนดขั้นขีดนับเสียงขับขาน
ธรรมปิฏกสดับดังก้องกังวาน
สงฆ์สวดผ่านอักษรสะท้อนใจ
จึงเลิกทาสหยุดแบ่งชนกำหนดชั้น
ทิ้งคืนวันขื่นขมระทมสมัย
กลายเป็นซากเศษประวัติวิบัติภัย
เกิดประชาธิปไตยในกาลี
แตกฉานเรื่องแผ่นฟ้าดาราภพ
สู่ระบบจักรวาลสถานวิถี
การสื่อสารเพียงพริบตาชั่วนาที
ก็ถึงที่จุดหมายคล้ายเสกมนต์
สารพันตัวยารักษาโรค
ผ่อนความตายคลายโศกโลกสับสน
เกิดการยืดยื้อชั่วถือตัวตน
ซื้อชีวิตวุ่นวนบนโลกา
ยาพิษอาบลูกศรดาบฆ้อนขวาน
เสียงศัพท์สารสรวงเซ่นการเข่นฆ่า
นิวเคลียร์ล้างโลกขีดโชคชะตา
เผาระเบิดป่าช้าบ้าตัวตน
ล้านคืนวันผันผ่านการเกิดดับ
ทุกข์สลับสุขทรามความปี้ป่น
คราบน้ำตาคลุกเลือดเดือดมณฑล
เกิดสับสนสาปซวยด้วยมือใคร
26 กรกฎาคม 2548 13:11 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เรียงอารมณ์บ่มร่ำคัดคำหวาน
เสกมนต์กลอนซ่อนกลดลบันดาล
ผจงจารพิจิตรนำห้วงคำนึง
หมาวัดเอื้อมดอกฟ้าน่าอนาถ
หวังสวาทกุลวัลย์ริฝันถึง
เช้าเย็นสายบ่ายค่ำย้ำติดตรึง
เฝ้ารำพึงพิศวาสมิคลาดคลา
แม้มิใช่ยอดกวีราศีศักดิ์
แต่ใจรักจะเรียงถ้อยร้อยภาษา
บังอาจพร่ำรำพันจำนรรจา
ถึงดอกฟ้าลิขิตรักสลักกลอน
เสาวรสพจนีที่เอื้อนเอ่ย
ร่ำเฉลยฉันทลักษณ์ศรีอักษร
ขอเชิญชื่นชมประจักษ์ทุกวรรคตอน
อย่าตัดรอนสัมพันธ์มั่นจำนง
ขอเชิญเนตรสบเนตรสังเกตบ้าง
โปรดอย่าหมางรสคำร่ำประสงค์
สำเนียงรักถักร้อยค่อยบรรจง
ถึงอนงค์นาฎน้องห้องหัวใจ
หวังกุศลส่งมาฟ้าช่วยเกื้อ
เธอจุนเจือรับรักมิผลักใส
พ่ายเสียงสรวลนวลยิ้มพิมพ์เยื่อใย
ยิ่งหลงใหลรสคำสำเนียงนาง
หอมระเหยหวนเย็นมิเว้นค่ำ
รสกลิ่นย้ำกมลตรึงถึงรุ่งสาง
เสน่ห์เนื้อนิ่มแนบแอบเอวบาง
มิจืดจางจดจำเฝ้ารำพัน
งามประจักษ์เนตรล้ำเฉกน้ำเพชร
ประดับเก็จแก้วมณีศรีสวรรค์
ปลุกบทเพลงเสน่หาสารพัน
สะกดมนตราฝันดลบันดาล
งามชม้ายชายมายิ่งว้าวุ่น
แหลกเป็นจุณเมื่อพบสบตาหวาน
พิศทรวดทรงองค์พักตร์ประจักษ์มาน
ยิ่งลนลานรักลามความชื่นชม
กิริยางามงดหมดจดยิ่ง
แลวิเศษสวยพริ้งทุกสิ่งสม
พยายามห้ามรักหักอารมณ์
แต่ยิ่งตรมเพราะป่วนตามเกินห้ามใจ
แม้เวลาเปลี่ยนผันคืนวันผ่าน
ความงามเธอจะคู่กาลนานสมัย
เป็นนางฟ้าจากสวรรค์นิรันดร์ไป
กำเนิดไฟศิลป์วิจิตรพินิจกรอง
อารมณ์ร่ำคำกลอนย้อนครวญคร่ำ
ความรักโหมโถมนำพร่ำสนอง
มือขวาคัดขีดคิดพิศตรึกตรอง
บนครรลองมธุรสบทกวี
บันทึกห้วงความรักชีพถักร้อย
ทุกริ้วรอยรำพึงคำนึงวิถี
ทุกวิญญาณท่วงท่าทุกวาที
กี่โกฎิปีจักรภพมิลบเลือน
แม้ตัวตนแห่งกวีสิ้นชีวิต
ความวิจิตรยังให้เห็นเช่นเคยเหมือน
ทวีค่ารักแท้มิแชเชือน
อักษรเตือนทุกชั่วฝันนิรันดร์เอย
14 กรกฎาคม 2548 15:27 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ตาแก่เคืองเคียดแค้นแน่นในอก
ไฟนรกสุมทรวงห้วงพิกัด
เพราะยึดหนี้ชีวิตกิจวัตร
ตามกำหนัดกำหนดบทกระทบ
โรคร้ายในโลกงามโหมลามรุก
เร่งคามคุกติดตามถามจุดจบ
วงกฎธรรมชาติประกาศครบ
รอกินศพชีวิตลิขิตนับ
เขาสู้ฝืนขืนขัดมัจจุราช
ใช้อำนาจเทคโนโลยีที่เคลื่อนขับ
ทั้งกินยา ผ่าตัด แพทย์จัดรับ
ชะลอความเกิด-ดับ ปรับชีวิต
เพราะยังหวงเงินทองห่วงของรัก
ศรีและศักดิ์สรรเสริญเจริญวิจิตร
ร้อยหญิงสาวสวยใสคนใกล้ชิด
ยังอยากคิดหื่นกามตามกิจวัตร
เพิ่งอายุของเขาเก้าสิบหก
เพราะอยากกกสาวต่อจึงขอผลัด
ทุ่มซื้อตัวมัจจุราชประกาศชัด
ใช้เงินนี้ชี้วัดจัดชีวิต!
13 กรกฎาคม 2548 11:20 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ลมระลอกหยอกล้อช่อน้ำฝน
ซึ่งรินรวงร่วงหล่นบนพรมหญ้า
ซึ้งลำนำทำนองของฟากฟ้า
แทรกหยาดแสงสุริยาทาบธาริน
เพลงแห่งความปราณีชีวิตโลก
ดับเศร้าโศกสร้างสุขทั่วทุกถิ่น
สำเนียงทุกถ้อยคำยังย้ำยิน
บาดผืนดินกระทบฝนดลบันดาล
ดับไฟคาวราคีแห่งชีวิต
ห้วงจริตยากยุ่งซึ่งฟุ้งซ่าน
ผนึกความสันโดษโชติญาณ
บันทึกเปรียบประสบการณ์การไตร่ตรอง
สร้างชีวิตด้วยชีวิตลิขิตฝน
ผ่อนร้ายคลายสับสนลบหม่นหมอง
คือวิถีพืชสัตว์คนบนครรลอง
สำนึกของหยาดฝนบนลานดิน
12 กรกฎาคม 2548 13:27 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
กังวานแตรดุริยางค์อึ่งอ่างร้อง
เสียงแซ่ซ้องสานสดับบอกสรรพสิ่ง
เสพสังวาส ณ หนทางคนร้างทิ้ง
ตากความนิ่งของน้ำฝนซึ่งคนเมิน
หอมหวนกลิ่นดินคลุ้งฟุ้งสวรรค์
โยงถิ่นฝันฟ้ากว้างสัตว์ห่างเหิน
ชักชวนเทพเปิดทางให้ย่างเดิน
จึงดำเนินมากินดินถิ่นโลกา
เขาดื่มด่ำคร่ำเคร่งเพ่งกสิณ
ตากฝนรินฟุ้งระลอกฝุ่นหมอกฝ้า
กายเปียกชื่นชุ่มฉ่ำหยาดน้ำฟ้า
ม่านมายาตรลบกลิ่นอบอวล
ในระหว่างทวยเทพเสพกามรส
เขาเพ่งหยดน้ำเย็นเป็นส่วนส่วน
ต่อต้านสุขสำเนียงเสียงคร่ำครวญ
ซึ่งก่อกวนอารมณ์ลมหายใจ
จนจิตนิ่งจึงนำกำเนิดเห็น
แจ้งชัดเจนคลายเงื่อนความเคลื่อนไหว
เกิดปัญญารู้เห็นสิ่งเป็นไป
ระหว่างในวงเทพซึ่งเสพกาม