23 พฤษภาคม 2546 02:38 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เพลงขลุ่ยพลิ้ว หวิวหวีด กรีดลมร้อน
แววอาวรณ์ อ่อนหวาน พาลหวั่นไหว
โอดสะอื้น แอบครวญ ชวนขาดใจ
น้ำตาไหล สาวเอย เธอเฉยชา
เพลงขลุ่ยแว่ว แผ่วมา เพลาค่ำ
ถึงคนสวย ใจดำ ย้ำหนักหนา
ถี่กระชั้น สั่นกระชาก ฝากวิญญาณ์
ไยเธอไม่ คืนมา ยิ่งอาวรณ์
ขลุ่ยโหยหวน ชวนใจ ให้โหยหา
เคล้ารอยช้ำ น้ำตา คราขลุ่ยอ้อน
เจ็บระกำ จำพราก เธอจากจร
เพราะเขียนกลอน คำผวน ไปกวนใคร
เธอตัดเยื่อ ตัดใย ไปหมดแล้ว
ไม่เหลือแวว คืนวัน เคยฝันใฝ่
เป่าลมปาก เป็นมีด กรีดเยื่อใย
เหมือนเพลงขลุ่ย มากรีดใจ ให้เจียนตาย
เสียงขลุ่ยหวีด กรีดใจ ยิ่งไหวหวาม
ลมพัดแว่ว แผ่วตาม ความแพ้พ่าย
แอบสะอื้น อดสู ลูกผู้ชาย
ครวญเสียงขลุ่ย กล่อมควาย อับอายคน
19 พฤษภาคม 2546 21:29 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
มารยาท สังคม สมควรคิด
ย้ำเตือนติด ตรึกตรอง ต้องศึกษา
คิดให้ดี ประพฤติดี มีจรรยา
ชีวิตจึง ไม่ไร้ค่า ราคาคน
เรื่องส่วนตัว ส่วนตน ของคนอื่น
อย่าเที่ยวยื่น จมูกแส่ แลเสือกสน
ลองตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกตน
ประจักษ์จน ความจริง สิ่งเลวทราม
เมล์จดหมาย ส่วนตัว ของตัวเขา
มิใช่เรื่องของเรา ให้เฝ้าถาม
เที่ยวเปิดอ่านผ่านไป มันไม่งาม
จงลองคิดพินิจความตามศีลธรรม
หากเขาไม่อนุญาต ประกาศก่อน
อย่าละเมิดขั้นตอนวอนเรื่องต่ำ
พ่อแม่สอนสั่งมาว่าให้จำ
คือศักดิ์ศรี ที่หนุนนำ ย้ำเตือนไว้
หากเรื่องแค่นี้ยังเอาดีไม่ได้
แล้วยังอยากจะเลี้ยงควายขายที่ไหน
คิดให้ดี อย่าตีแค่ สาแก่ใจ
นะจำไว้ -มารยาท- ของชาติคน
18 พฤษภาคม 2546 21:53 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
If I can stop one Heart from breaking
I shall not live in vain
If I can ease one Life the Aching
Or cool one Pain
Or help one fainting Robin
Unto his Nest again
I shall not live in Vain
Emily Dickinson ( 1830-1886 )
หากฉันอาจถนอมจิตจากพิษรัก
มิให้หักหาญชีวีฤดีสลาย
ชีวิตคงไม่ไร้ค่าถ้ารู้คลาย
พิษเจ็บปวดใจกายใครสักคน
หรือ โอบอุ้มอิงอรอ้อนวิหค
อุ่นแนบอกปลกเปลี้ยเพลียสักหน
คืนรังรองของเจ้าเป่าแผลจน
คลายทุกข์ทน คนฤาไซร้ ไร้ราคา
เชษฐภัทร วิสัยจร ( แปล ) ( ยังไม่ตายด้วย )
:)
16 พฤษภาคม 2546 11:14 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
นิราศแล้ว แว่วหวาน กังวานหวาม
แต่หนหลัง ยังมาเตือน เหมือนมาตาม
อ้อนคนงาม ยามนอน ได้ผ่อนคลาย
เยือนตลาด สามย่าน ผ่านนิติ
ใครให้ริ หลงรัก นักกฎหมาย
จึงต้องโทษ อาญา หน้าไม่อาย
เธอทิ้งหัวใจชาย วุ่นวายใจ
ถึงนิเทศ ที่เรา โดนเจ้าเทศน์
ช่างหาเหตุ ให้ร้าย วุ่นวายไฉน
ด้วยเธอด่วน เร่งรัด ตัดสไบ
สิ้นเยื่อใย คำหวาน เคยหว่านความ
สาวครุ คือครู ผู้สอนสั่ง
แผลใจยัง ไม่เลือน เหมือนรอยหนาม
ขูดถลอก ชอกช้ำ กระหน่ำตาม
ทุกข์ย่ำยาม ย้ำเตือน เหมือนบทเรียน
สหเวชฯ คนสวย ช่วยสักหน่อย
นะน้องน้อย โฉมยง ช่วยบ่งเสี้ยน
คอยบำบัด แผลใจ ใครเบียดเบียน
อยากแวะเวียน หว่านคำหวาน ถึงกานดา
ขอกินยา ต่างข้าว สาวเภสัช
มิตระบัด สัตย์ตะแบง แผลงคำว่า
แม้ฉันมี หญิงอื่นใด ในอุรา
ให้พิษยา ฆ่าฉัน เชษฐภัทร
ผ่านคณะสัตวแพทยศาสตร์
ป่าวประกาศ เป็นหมอยา รักษาสัตว์
รักษาสัตว์-สัตย์-สัจจ์- ศรัทธาทัศน์
ไยเธอจึง สิ้นสัตย์ ตระบัดคำ
สถาปัตย์ ปัด-แล้ว แก้วตกแตก
ละเอียดแหลก ใจนี้ เธอยีย่ำ
เลือดไหลสาด แสบใจ ให้เจ็บจำ
รอยระกำ ยังย้ำความ ตามกวี
มองเห็นสาว หมอฟัน- ทันตแพทย์
เดินตากแดด เดินไป ไหนสักที่
เหตุไฉน เธอว่าฉัน มันไม่ดี
ไม่เคยคิด ฟัน-สักที ที่น้อยใจ
ศิลปกรรมศาสตร์ศาสตร์แห่งศิลป์
ศิลปินอย่างฉัน ยิ่งหวั่นไหว
คนอ่อนหวาน อาวรณ์ จะอ้อนใคร
เธอเอามีด กรีดใจ ไม่มาเจอ
วิศวะ คำนวณแบบ มีแบบแผน
คิดแบบแปลน แบบตาม ความเสมอ
แต่ใจคน ใจคด คือใจเธอ
ใครเสนอ จะคำนวณ ครวญให้ดี
รัฐศาสตร์ สิงห์ดำ สู่ถ้ำสิงห์
แต่ใจหญิง ที่สิงสู่ รู้หลีกหนี
แกล้งหลบปลีก หลีกทาง ต่างวิธี
มารยามี ร้อยเล่ห์ เสน่ห์ยวน
วิทยาศาสตร์ วาดฝัน วันข้างหน้า
จะเรียงร้อย ดารา มาสามส่วน
หนึ่งในสามไอจันทร์อันอบอวล
ฉาบรอยแผล เรรวน ส่วนของเธอ
วิทย์กีฬา ว่าแล้ว ต้องแคล้วคลาด
หากพลั้งพลาด ผิดไป ให้พลั้งเผลอ
การกีฬา กับความรัก มักพบเจอ
ไม่เสมอ แพ้ชนะ ประจักษ์ใจ
โธ่ใจฉัน บัญชี อยู่นี่แล้ว
ไม่เหลือแวว ขึ้นบัญชี ที่ฝันใฝ่
บัญชีดำ หยามน้ำหน้า มาแต่ไกล
สิ้นเยื่อใย ผิดนี้ เพราะมีรัก
สาวจิตวิทยา ฉันบ้าแล้ว
เหมือนเศษแก้ว แหลกละลาย ได้ประจักษ์
ดูสิดู น้ำตา คนบ้ารัก
แม้อกหัก ยังรักเธอ เสมอมา
ถึงเศรษฐศาสตร์ เหลือเศษใจ ให้เจ็บปวด
รอนรานรวด ปวดราว ร้าวหนักหนา
แสนทุเรศ เศษใจ ไร้ราคา
เศรษฐศาสตร์ จ๋า เศษใจ ไม่มีดี
คณะแพทยศาสตร์ ศาสตร์ของหมอ
อยากร้องขอ ให้รักษา ศักดิ์และศรี
ช่วยเย็บซาก เศษใจ ให้สักที
พระคุณนี้ จะทดแทน แม้นสิ้นใจ
ถึงอังรีดูนังต์ หลังอักษร
กลั่นบทกลอน อักษรสาร จารไสว
จรดนิราศ เล่มทอง ผ่องอำไพ
บันทึกไว้ ใจความ ตามน้ำตา
นิราศแว่ว แผ่วมา เพลาค่ำ
ยังจดจำ ย้ำความ ตามประสา
คือบันทึก จามจุรี ศรีจุฬา
กล่อมน้องยา ก่อนนอน อ้อนอีกที
8 พฤษภาคม 2546 05:48 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ลมเอยเคยอยากรู้ ลวงลอง
ลมใคร่จึงใฝ่ปอง ล่วงล้ำ
ลมรักเล่นละอ่อนละออง ละเอียด อ่อนเอย
ลมอ่อนอ้อนออดย้ำ หว่านเว้า คำหวาน
หญิงใดลมใคร่เคล้า เคลียคลึง
ตามอย่างคำหยั่งถึง เอ่ยเอื้อน
ตามใครใคร่ตระหนักจึง ตามแบบ
หวังห่วงใคร่ใฝ่เปื้อน ประดับไว้ เกียรติชาย
แต่ฉันไม่ใฝ่เฝ้า กลกาม พ่อเอย
ฉันยึดเกียรตินิยาม อยากย้ำ
ถือสิทธิ์เลือกสิทธิ์ตาม ต้องประจักษ์ ใจหญิง
ไฟจึงเลือกเผาซ้ำ มอดไหม้ ไวฟืน
ลมเย็นเป็นเช่นเชื้อ ฉันใด
เพลิงจักผลาญวอดไว ฉะนั้น
หาใช่เครื่องประดับใคร ใคร่ตอบ
เกียรติหญิงยิ่งหยิ่งรั้น ประหนึ่งแม้น เกียรติชาย