12 ตุลาคม 2545 16:17 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
วันวาน ผ่านผัน วันเก่าเก่า
ซึมเซา เศร้าหมอง ลองคิดหวน
ความทุกข์ ผ่านไป ใจเรรวน
ทบทวน ความหลัง ครั้งยังเยาว์
เมื่อยังเด็ก เคยวิ่งไล่ ไล้ผีเสื้อ
แสนเจ็บเหลือ ผีเสื้อน้อย ไม่คอยเขา
เลือดไหลโชก เพราะหกล้ม สะดุดเงา
ฉันใดเล่า ฝันน้อยน้อย จึงลอยไป
วันนี้ มีรัก ให้ตามหา
ฉันตั้งตา หาความครัน ไม่หวั่นไหว
ขอสักครั้ง หวังไว้ ใจซื้อใจ
หารู้ไม่ ใจต้องช้ำ จำเจียนตาย
ผิดหวัง เมื่อยังเยาว์ ก็เน่าแล้ว
เหมือนใจแก้ว ไร้แววแยก แหลกสลาย
หกล้มไป ไล่ผีเสื้อ ไม่เหลือลาย
รักทำร้าย สิเจ็บช้ำ หนามตำตา
วันหน้า จะมองฟ้า ยังไม่เห็น
น้ำชืดเย็น มันปริ่มตา จะพร่าไหล
ต้องข่มกลั้น อั้นน้ำตา ระอาใจ
ต้องขื่นไว้ อย่าให้รอง ต้องธรณี
วันพรุ่งนี้ มีอะไร ให้ฝันอีก
จึงขอปลีก หลีกลบ หลบหนี
จากความรัก และผีเสื้อ พวกอัปรีย์
กว่าชีวี จะมอดไหม้ บรรลัยกัลป์
11 ตุลาคม 2545 21:04 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
If there were no words no way to speak
I would still hear you
แม้ไร้เสียง สำเนียงหวาน สานเป็นถ้อย
ฝีปากน้อย มิคล้อยเอ่ย เผยขับขาน
ฉันได้ยิน แม้สิ้นเสียง สำเนียงฆาณ
เสียงเธอผ่าน ขานรับ กับหัวใจ
If there were no tears no way to feel inside
Id still feel for you
แม้ไม่เห้น หยาดน้ำค้าง กลางแววตา
รินระรวง ร่วงหล่นมา น้ำตาไหล
แต่ฉันเห็น หยาดน้ำตา จากหัวใจ
ฉันรู้ได้ มือกุมไว้ กลางใจเธอ
And even if the sun refuse to shine
Even if romance ran out of rhyme
You would still have my heart.
Until the end of time
Youre all I need, my love,
My valentine
แม้สิ้นแสง แรงกล้า พระอาทิตย์
จะตามติด ชั่วฟ้าดิน สิ้นเสมอ
แม้ไร้สิ้น คำหวาน กานท์กลอนเกลอ
จะมีเธอ ผู้เดียว ไม่เหลียวใคร
All of my life
Ive been waiting for all you give to me
Youve opened my eyes
And showed me how tolove unselfishly
ชั่วชีวัน ฉันเฝ้ารอ ขอสักหน
ใครสักคน ที่แบ่งปัน ไม่หวั่นไหว
สอนให้ฉัน เรียนรู้รัก ถักสายใย
จึงเห็นได้ ในความงาม ตามครองธรรม
Ive dreamed of this a thousand times
Before but in my dreams I couldnt love you
more
I will give you my heart until the end of time
Youre all I need,my love,
My valentine
เฝ้าใฝ่ฝัน เป็นพันยาม ถึงความรัก
ใจประจักษ์ รักแจ้ง แถลงย้ำ
ให้อกเอ่ย เผยวจี ที่ควรจำ
ขอเอ่ยคำ พร่ำว่ารัก เธอผู้เดียว
9 ตุลาคม 2545 00:02 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
La lune trop blême
Pose un diadème
Sur tes cheveux roux
La lune trop rousse
De gloire éclabousse
Ton jupon plein trous
La lune trop pâle
Caresse lopale
De tes yeux blasés
Princesse de la rue
Soit la bienvenue
Dans mon coeur blessé
The stairways up to la butte
Can make the wretched sigh
While windmill wings
Of the moulin
Shelter you and I
Petite mandigotte
Je sens ta menotte
Qui cherche ma main
Je sens ta poitrine
Et ta taille fine
Joublie mon chagrin
Je sens sur tes lèvres
Une odeur de fièvre
De gosse mal nourrie
Et sous ta caresse
Je sens une ivresse
Qui manéantit
The stairways up to la butte
Can make the wretched sigh
While windmill wings
Of the moulin
Shelter you and I
Mais voilà quil flotte
La lune quil flotte
La princesse aussi
La la la la la
La la la la la
Mon rêve évanoui
Les escaliers de la butte
Sont durs aux miséreux
Les ailes des moulins
Protègent les amoureux
Par Jean Renoir
โอ้จันทร์จ๋า จันทร์เจ้า ใยเศร้าส้อย
จันทร์ดวงน้อย กับรอยแผล แลสับสน
สงสารจันทร์ ดูจันทร์เจ้า ราววกวน
มงกุฎหม่น บนสีซีด กรีดจันทร์ทอง
จันทร์สีหม่น ปนเศร้า ดูเจ้าเหนื่อย
ใจฉันเนือย สงสารจันทร์ ฝันหม่นหมอง
กระโปรงเจ้า เว้าแหว่ง แสงซีดรอน
ใครมากร้อน กร่อนรัก ของจันทร์จวง
จันทร์สีซีด กรีดแสงกร้าว ราวมุกดา
กับแววตา ระอาอิด ตะขิดขวง
เจ้าหญิงน้อย ณ ถนน บนจันทร์รวง
อยู่กลางทรวง ดวงใจฉัน เสมอมา
โอ้เจ้าหญิง แห่งจันทรา น่าสงสาร
เธอซมซาน รานร่ำใจ ให้โหยหา
แต่ใจฉัน เฝ้ารักเธอ หญิงจันทรา
หญิงจันทร์จ๋า จอมใจ ของใครกัน
หญิงจันทร์เจ้า มือคู่น้อย ที่คอยรัก
ฉันประจักษ์ จับรักไว้ ให้คงมั่น
สองมือน้อย สิบนิ้วเรียง เพรียงสัมพันธ์
คู่ใจฉัน กับสองมือ ที่เฝ้ารอ
ไออกอุ่น กรุ่นกลิ่นรัก สลักจิต
เพียงชีวิต ใกล้ชิดร่าง เอวบางหนอ
ฝีปากสาว ปนเศร้า เฝ้าเคลียคลอ
ฉันเฝ้ารอ ขอจูมพิต ปลอบสักครา
สงสารจันทร์ จันทร์เจ้า ใจร้าวราน
เศร้าสิปาน ว่าพิษไข้ กล้ำกรายหนา
ทันใดนั้น ใจฉัน ต้องเปิดตา
ตื่นผวา ท้ารับ ความเป็นจริง
โอ้ใจฉัน ฝันไป ไรหรือเล่า
ก็ตัวเรา มันหมาวัด อาจเอื้อมหญิง
ทั้งเช้าเย็น พระท่านทาน ของเหลือทิ้ง
ริรักวิ่ง ดื้อรั้น หาจันทร์จวง
โน่นลิบลิบ กระพริบจันทร์ สิพลันจาก
ฟ้ากระชาก จวงใจ ไปแดนสรวง
โอ้เจ้าหญิง แห่งดวงจันทร์ ฉันโดนลวง
อยู่ในห้วง ของความฝัน กับความจริง
บันได้จะไต่เต้าไปหาเธอช่างหนักหนาสาหัส และเจ็บปวด
ทุกสิ่งที่เราต่างกัน ได้กีดกั้นความรัก ของฉัน ที่ฝันจะมีให้เธอ ฉันจึงไม่มีวันจะรักเธอได้เลย
แปลมาจากเพลงฝรั่งเศส sound track ของ moulin rouge
เนื้อหา บางอย่างอาจจะไม่ได้ตรงตัว ตามความหมายทุกคำ เนื่องจากต้องตีความเปลี่ยนคติแบบฝรั่งเศส มาเป็นแบบไทย ๆ จึงทำให้คำบางคำ คลาดเคลื่อนไปบ้าง เช่น ในเพลงใช้ความเปรียบ ว่า มูลดินที่ริมกังหัน ไปหลงรัก พระจันทร์เข้าให้ แต่คนไทยไม่พูดแบบนี้
คติไทย มีอยู่สองแบบ คือ กระต่ายหมายจันทร์ แล้วก็ดอกฟ้ากับหมาวัด
ผมจึงใคร่ขออนุญาตใช้ หมาวัด กับดวงจันทร์ เนื่องจากว่า อยากให้สัมพันธ์กับปริบทของภาษาต้นฉบับให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผมยังยินดิรับฟังความคิดเห็น ตำหนิติเตียนจากท่านผู้รู้ทั้งหลายครับ
ขออนุญาตโพสต์ไว้ด้วยความถ่อมตัว
4 ตุลาคม 2545 22:13 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
หยาดน้ำค้าง กลางพรมหญ้า ระดาเด่น
ไอลมเย็น เล่นไอหมอก หยอกแสงใส
แสงตะวัน ระลั่นร่อน อ้อนออดใจ
สายลมไล้ ไล่ระลอก หยอกพราวพรม
เห็นดอกหญ้า ถลาเด่น เล่นลมอ่อน
หยาดเกสร อ้อนฟ้า ว่าสุขสม
ดอกหญ้ายิ้ม พิมตา น่าภิรมย์
สุขผสม รมระลั่น สนั่นใจ
แต่รู้ไหม ใจฉันแค้น แสนรันทด
ใจสลด เพราะความรัก ต้องหวั่นไหว
ก็ริเด็ด ดอกฟ้า มาพิมใจ
ไม่เจียมใจ ใจจึงช้ำ ระกำทรวง
อยากจะเป็น เช่นดอกหญ้า ถลาลม
เจ้าหลอกล้ม เล่นลมฟ้า นภาสรวง
เกล็ดเกสร เจ้าเฉลย ไม่เคยทวง
ทุกข์ทั้งปวง ไม่ล่วงท้า ดอกหญ้างาม
แต่ใจฉัน มันดื้อด้าน ปานฉะนี้
เจ็บฤดี ไม่มีจำ จึงย้ำถาม
อดชมชาติ หยาดน้ำค้าง กลางพรมงาม
เพราะมัวตาม หาความรัก ในมายา
25 กันยายน 2545 11:37 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว จะขอกล่าว
ถึงเรื่องราว ของเจ้าชาย กับเจ้าหญิง
ความรักเกิด ที่หาดยาว ราวเรื่องจริง
ความรักของ เจ้าหญิงเม็ดทราย กับเจ้าชายแสงตะวัน
เช้าแล้ว...... นกทะเลน้อยแอ่ว โบยบิน
โผยผิน ส่งเสียง สังสรรค์
ร้องเรียกปลุก ให้เจ้าชาย แสงตะวัน
ตื่นจากฝัน ที่ขอบฟ้า หว่างขุนเขา
ฝ่ายเจ้าชาย รีบเร่ง แต่งตัว
ใจระรัว ตื่นเต้น ในยามเช้า
ก็แอบรัก เจ้าหญิงแสนสวย ที่หาดยาว
ชื่อเจ้าหญิงเม็ดทรายขาว พราวโฉม แห่งท้องทะเล
อนิจจา หารู้ไม่ ในความเป็นจริง
ว่าเจ้าหญิง ไปหลงรัก ขุนทะเลสุดเท่ห์
ทุกคืนวัน ได้พันผูก คลื่นทะเล
สาดผสม ปนเป ดั่งคลื่นใจ
ครั้นเจ้าชาย แสงตะวัน พลันได้เห็น
เม็ดทรายล่อ ล้อคลื่นเล่น เห็นหวั่นไหว
เจ้าชายน้อย ค่อยสะอื้น ขื่นอาลัย
ชลนัยน์ ไหลพรากพราก กลางทะเล
แล้วจึงคิด พิจารณา ความเป็นจริง
ว่าเจ้าหญิง อยู่ใกล้ชิดทะเลคราม จึงหันเห
ก็ขอบฟ้า มันกั้นอยู่ จึงรวนเร
ไม่มีเล่ห์ ไปพรากทะเล จากเม็ดทราย
คิดคิดแล้ว อยากจะตาย กลางฟากฟ้า
แต่ต้องฝืน ขื่นอุรา แม้ใจข้าสลาย
แสงตะวัน มีหน้าที่ให้แสงสว่าง ต่อพื้นโลกและเม็ดทราย
เกิดเป็นชาย ต้องเสียสละ ความสุขส่วนตน
จึงเปล่งแสง แรงกล้า พระอาทิตย์
แสงสะกิด ทะเลคราม งามขึ้นอย่างหน้าฉงน
แสงสะท้อน กับเม็ดทราย พรายระยับระยน
ลมพัดสน ริมทะเล เหล่ธารา
จะขอกล่าว คำกล้า ว่าขอโทษ
อย่าเคืองโกรธ กันเลยนะ เม็ดทรายจ๋า
อันความรัก ใช่ห้ามได้ เหมือนวาจา
แม้ไม่เห็น คุณค่า จะลาไป
จะขอเปลี่ยน ความรัก ไปเป็นแสง
ให้เป็นแรง เจิดจ้า สว่างไสว
ให้เจ้าหญิง เม็ดทราย รายร้อง ผ่องอำไพ
เก็บใจไว้ ที่ขอบฟ้า ทะเลคราม
เย็นแล้ว......นกทะเลน้อยแอ่ว กลับบ้านกัน
ฝ่ายโลมาดั้น พลันแหวกว่าย ให้วาบหวาม
ดำผุด ดำว่าย ใต้ขอบคราม
ริมขอบน้ำ ขอบฟ้า ขลิบทอง
เจ้าชาย แสงตะวัน จะขอลา
หลังจากเลิก ทอแสง แรงกล้า จะลาน้อง
เหนื่อยแล้ว ขอไปนอน ผ่อนความครอง
ฝากแสงทอง ที่สาดส่อง ให้ปฐพี
นี่แหละ นิทานกล่อมเด็ก
ชีวิตเจ้า ยังเล็ก ช่างสุขี
เจ้าเติบใหญ่ เมื่อไร ความรักมี
จะได้เรียน รู้ชีวี ที่เป็นจริง