24 มีนาคม 2547 11:10 น.
เจือจันทร์
๑ สินธุมาลีร้อย เรียงคำ
ตั้งมั่นจิตน้อมนำ ต่างแก้ว
ค่าน้ำนมลูกจำ ใจจด
คุณมารดายิ่งแล้ว เยี่ยงพรหม
๒ เก้าเดือนแม่อุ้มท้อง ทุกข์ทน
ฟูมฟักให้ลูกตน เติบใหญ่
หวังคลอดเจ้าได้ยล ใจชื่น
ยามย่างยามเคลื่อนไหว หวั่นเจ้าสะเทือน
๓ คราถึงกำหนดคลอด ครบเดือน
แม่ทรมานเหมือน ชีพสิ้น
สติเริ่มรางเลือน ราวดับ
ครั้นเห็นลูกร้องดิ้น กลับยิ้มพริ้มพราย
๔ หนึ่งแม่เลี้ยงลูกน้อย กลอยใจ
เหนื่อยยากสักเพียงใด ไป่บ่น
จักเลี้ยงลูกเยี่ยงไร แม่ทราบ
อุ่นเลือดในอกข้น แม่พร้อมยอมพลี
๕ สิบลูกผู้เติบใหญ่ ขึ้นมา
กลับไร้ซึ่งปัญญา เลี้ยงแม่
ส่งบ้านพักคนชรา คิดได้
ไม่มีให้แม่แม้ น้ำใจจางจาง
๖ นี่หรือคือหนทาง แทนคุณ
แด่แม่ผู้เกื้อหนุน ชีวิต
ฤ แม่ผู้อุ้มบุญ ได้บาป
ควรจักคิดสักนิด โดยจิตกตัญญู
23 มีนาคม 2547 14:09 น.
เจือจันทร์
๑ แสนเศร้ากมล
จำจากบ้านตน แรมไกล
๒ เหตุที่จากไป
เข้ามหาลัย ร่ำเรียน
๓ ไปด้วยใจเพียร
จักอ่านจักเขียน ฝึกปรือ
๔ หวังรู้หนังสือ
เป็นปีกกระพือ โบยบิน
๕ จึงจำร้างถิ่น
น้ำตาไหลริน ร่ำลา
๖ พ่อจ๋าแม่จ๋า
รับเถิดลูกยา กราบกราน
๗ เด็กน้อยวันวาน
วันนี้ห่างท่าน แล้วหนอ
๘ น้ำตาไหลคลอ
ยามจากแม่พ่อ อาวรณ์
๙ เสียงแม่ให้พร
เสียงคำพ่อสอน แว่วดัง
๑0 นกเจ้าคืนรัง
เรากลับหันหลัง สวนทาง
๑๑ ขึ้นรถไฟราง
แลกวิญญาณร่าง เดิมพัน
๑๒ จักปั้นความฝัน
หอบเอารางวัล หวลคืนฯ (บ้านเรา)
22 มีนาคม 2547 02:34 น.
เจือจันทร์
๑ มิ้งมิ้งหรีดหริ่งร่ำร้อง เป็นท่วงทำนอง
ของหน้าร้อนแดดแรง
๒ หลากหลายสีสันแมลง ตัวสีแดงแดง
ดำดำร่ำร้องระงม
๓ ไอร้อนระอุล้อลม เคล้ากลิ่นลั่นทม
สูดดมกลิ่มหอมจางจาง
๔ กลีบเจ้านั้นแสนบอบบาง คล้ายผิวเนื้อนาง
นิ่มน้องเคยเกี้ยวรำพัน
๕ เสียงเจ้าเคยเฝ้าจำนรรจ์ ยามย่ำสายัญ
คู่กันสวรรค์สรรมา
๖ เปรียบดั่งน้ำคู่มัจฉา วิหคคู่ฟ้า
บุปผาเคียงคู่ภมร
๗ นึกแล้วให้แสนอาวรณ์ ยามตื่นยามนอน
ใจหายไม่วายอาลัย
๘ ยิ่งยามลมพัดกิ่งไกว สุดแสนหวั่นไหว
ยามไกลสุดคิดถึงนวล
๙ นกน้อยร้องไกลในสวน คล้ายจักยั่วยวน
ให้แสนรัญจวนป่วนทรวง
๑ เหลียวมองลั่นทมช่อรวง เห็นลั่นทมร่วง
ยิ่งห่วงจนทรวงระทมฯ
20 มีนาคม 2547 20:01 น.
เจือจันทร์
@แว่วจักจั่นสั่นเสียงจำเรียงแจ้ว
จากพุ่มแนวแถวพงดงพฤกษา
เคล้าไอแรงแสงจันทร์รัญจวนตา
สิเน่หามายาแห่งราตรี
เสียงเรไรเริ่มร้องจนก้องป่า
แทรกขึ้นมาจังหรีดเริ่มดีดสี
ราวบรรเลงโหมโรงมโหรี
ซิมโฟนี่ออเครสต้าแห่งป่าดง
ลมสีไผ่ร่วมวงบรรจงขับ
ให้เดือนหลับดาวใหลฤทัยหลง
กล่อมน้องเจ้าเฝ้าสดับให้หลับลง
เพลงจักส่งสร้างสรรค์ให้ฝันงาม
วอนอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทั่วทิศา
อันสัมมาประสงค์ซึ่งองค์สาม
ขอปกป้องน้องพี่นี้ทุกยาม
กลีความกามต่ำอย่ากล้ำกลาย
แว่วจักจั่นสั่นเสียงจำเรียงแจ้ว
พี่ฟังแล้วหวั่นไหวให้ใจหาย
หากคืนหนึ่งซึ่งจักจั่นพลันสิ้นตาย
แล้วจักหมายใครเล่ากล่อมเจ้านอนฯ
19 มีนาคม 2547 21:00 น.
เจือจันทร์
@ ค่ำคืนนี้ไยคนดีจึงร่ำไห้
เป็นเช่นไรไปหรือเจ้าจึงเศร้าหมอง
บนใบหน้าไยน้ำตาจึงไหลนอง
ด้วยห่วงน้องในทุกยามจึงถามมา
คืนนี้หนาวแม้นดาวเดือนก็เลือนหมด
น้องรันทดหมดหนทางจักวางขา
ด้วยคนเคยเดินร่วมเรียงเคียงกายา
มาเลิกลาเลือนลับไม่กลับคืน
ความระทมมันถมทับแทบดับจิต
ดังชีวิตปลิดปลงไปไม่อยากฝืน
ราวเรี่ยวแรงเริ่มร่วงโรยไร้แรงยืน
ความขมขื่นนี้ขัดเขินเกินรำพัน
@ หยดน้ำตาเจ้าหลั่งมาหยาดลงแก้ม
คืดหยาดแต้มเพชรเก็จงามให้ความฝัน
ถือเสียว่าบุญทำมาหาคู่กัน
สายสัมพันธ์จึงมาล้างห่างมลาย
@ แสงส่องฟ้าทางทิศาตะวันออก
จักไล่หมอกหยอกน้ำค้างให้ห่างหาย
แล้วไออุ่นจักกรุ่นซ่านผ่านผิวกาย
คือความหมายของยามเช้าหนอเจ้าเอย