5 พฤศจิกายน 2546 11:05 น.
เจือจันทร์
@บรรจงสานบานหุบบุปผอักษร
แลเรียงร้อยถ้อยลงกระทงกลอน
กรุ่นกำจรกลิ่นกำจายพระพายพัด
@กระทงความตามตั้งดั่งใบตอง
ฉันทลักษณ์ปักครรลองคล้องไม้กลัด
ธูปชั่วดีที่ดวงจิตได้คิดรัด
เทียนชีวิตติดธูปมัดจัดกระทง
@จักสมาลาโทษท่านโกรธขึ้ง
ในปีหนึ่งซึ่งละโมบและโลภหลง
ใช้ลำน้ำทำดื่มอาบล้างคราบลง
ตามประสงค์แลปลดปลงลอยคงคา
@ขอเทวาอารักษ์องค์ศักดิ์สิทธิ์
จงนิมิตช่วยปกปักป้องรักษา
กระทงน้อยนี้ลอยคว้างกลางธารา
ยังเวิ้งว้างเหว่ว้ากลางสาชล
@กระทงน้อยเจ้าลอยไปที่ใดหนอ
แห่งที่รอห่างข้างหน้าหารู้หน
อาจจะเคว้งติดจนคว้างกลางวังวน
หรือปี้ป่นลมฝนซัดกระจัดไกล
@ขอส่งใจให้กระทงที่ลงท่า
ณ คงคาสังสารวัฏอัสงไขย
อย่าล่มพลันเพราะตัณหาพัดพาไป
จงลอยไหลในธารทิพย์ฝั่งนิพพานฯ
18 ตุลาคม 2546 11:38 น.
เจือจันทร์
# หากความคิดถึงเธอคือสายลมหนาว
เวลานี้ฉันคงหนาวเสียดกระดูกเจียนขาดใจ
หากว่าเธอคือสายลมหนาว ไม่ว่าเธอจะพัดผ่านไปยังที่แห่งใด
ใจฉันขอเป็นดั่งกองไฟใช้ผิงยังที่แห่งนั้น
@ สายลมหนาวราวไล้เรียวเกี้ยวรวงข้าว
อีกรวงข้าวราวลู่เรียงเอียงอายหนี
เห็นรวงข้าวลมหนาวเกี้ยวเปลี่ยวฤดี
หน้าหนาวนี้ไม่มีเจ้าแสนเศร้าใจ
@ ห่มผ้าห่อก่อไฟผิงให้อิงอุ่น
หนาวลมหนุนหมุนกิ่งส่ายใบไม้ไหว
ใบไม้ตายกลายชื้อก่อต่อเชื้อไฟ
ลุกเชื้อไฟไว้ใช้ก่อต่อชีพคน
@ นั่งผิงไฟให้หนาวหายพอกายผ่าว
ให้ใจหนาวได้ผิงดาวพราวเวหน
จิบกวีที่ว่าหวานจากธารตน
กล่อมกมลให้ทนหนาวยามเจ้าเลือน
@ เจ้าเลือนเหมือนลมหนาวคราวพัดผ่าน
เสียดสะท้านซ่านทรวงในราวใจเฉือน
ดุจดายเดียวเปลี่ยวเปล่าดาวไร้เดือน
ยามเจ้าเลือนแม้เดือนดาวก็ร้าวราน
@ สายลมหนาวราวสายไหมไว้ทอถัก
ห่วงใยรักไว้ถักทอก่อความหวาน
ลงลายรักร้อยอักษรเป็นกลอนกานต์
ยามหนาวนานได้อ่านห่มให้ลมอาย
@ ความคิดถึงยังตรึงจิตให้ติดเจ็บ
ลมหนาวเหน็บพัดผ่านไปให้ใจหาย
หากคืนนี้ดวงแดสิ้นลงดิ้นตาย
ขอเพียงได้แค่เพียงหนึ่ง...คิดถึงเธอ
# เธอถามฉันด้วยบทเพลงคำถามว่าคิดถึงเธอไหม?
ฉันทำได้เพียงตอบคำถามด้วยบทกวีบทนี้
แม้เธอจะเคยบอกกับฉันว่า
บทกวีเป็นเพียงเล่ห์ลิ้นลมลวง จะแต่งอย่างไรก็แต่งได้
แต่สำหรับฉัน..บทกวีคือหยาดน้ำตาของดวงดาวที่ใช้เวลากลั่นตัวทั้งคืนจนกลาย
เป็นหยาดน้ำค้างบริสุทธิบนยอดหญ้ายามเช้า เพื่อที่จะสื่อความหมายที่ว่า
คิดถึงเธอ
1 ตุลาคม 2546 03:48 น.
เจือจันทร์
@เธอหน้าใสไฮโซแต่โสโครก
หมกเชื้อโรคหมักหมมผายลมเหม็น
อาบน้ำหอมย้อมกลิ่นเฉาทุกเช้าเย็น
ฉากที่เห็นเช่นเล่ห์ลิงใช่จริงจัง
@ท่าผู้ดีมีตีนแดงตะแคงข้าง
ทำมือห่างตีนห่างอย่างฉมัง
ช่างน่าจูบลูบใบหน้าด้วยบาทัง
ใช้แต่ตังค์เหยียบชนต่ำจนฉ่ำตีน
23 กันยายน 2546 23:21 น.
เจือจันทร์
@เสียงขลุ่ยเศร้าเราสื่อมาคราลมโบก
เสนาะโศกสะอื้นน่าน้ำตาไหล
ด้วยว่านางน้องห่างนาหนีหน้าไกล
เพียงผิวไปไล้คนงามตามสายลม
@ลมรำเพยเชยชื่นระรื่นร่ำ
กล่อมคืนค่ำคลายคืนฟื้นจากขื่นขม
ข่มความเจ็บเหน็บระกำช้ำระทม
ใจจ่อมจมล่มสลายละลายลง
@หอมกลิ่นโมกก็โศกคลายหายสลด
แม้นไม่หมดลดกลิ่นนางจนจางหลง
กรุ่นกลิ่นนางหรือจางลดจนปลดปลง
กลิ่นยังคงทรงโบกจนโมกอาย
@โถความรักแรกเริ่มมักเติมสุข
ยามความทุกข์รุกรักมาน่าใจหาย
จากกลมกลืนเกลียวกลมมากลับกลาย
ให้วุ่นวายว้าเหว่ในเวลา
@เสียงขลุ่ยเราที่เป่าไปจากใจเศร้า
แม้นเงียบเหงาก็งดงามยามโหยหา
แม้นใกล้ใจแต่อย่างไรก็ไกลตา
พี่ห่วงหาด้วยห่วงหวงดวงกมล
@เปรียบดั่งลมคารมชายหมายปลิ้นปล้อน
เจ้าเนื้ออ่อนจักขอเทียบเปรียบดังสน
หากต้องลมคราใดยามได้ยล
โอ้ต้นสนโอนเอนไหวในทุกครั้ง
@เจ้าจากไกลไปศึกษาหาความรู้
ขอยอดชู้จงพากเพียรเรียนดังหวัง
ยามใจท้อจงต่อเติมเสริมพลัง
ให้ความหลังคอยรั้งหลักด้วยรักเรา
@ต้นกระสังยังพลิใหม่ออกใบเขียว
ดอกกระเจียวยังเกลื่อนกล่นอยู่บนเขา
เห็ดระโงกโคกเห็ดไคยังได้เอา
ขลุ่ยเลาเก่ายังเป่าคลอรอเจ้าคืน
7 กันยายน 2546 13:54 น.
เจือจันทร์
@ ภาพฝันที่ฉันวาดนั้นขาดวิ่น
ริ้วรอยบิ่นสิ้นงามแล้วความหมาย
เสื่อมสาดซัดกัดกร่อนจนกลับกลาย
ทะเลทรายทลายทะลักผลักแผ่นดิน
@ สิ้นสายน้ำหลามล้นเคยท้นเจิ่ง
สูญป่าเยิงยางยูงฝูงปักษิณ
สิ้นเกสรภมรเหย้าเฝ้าโบยบิน
สูญอาสินสิ้นอาศัยใช้ชีพยัง
@ อำนาจใดก็สิ้นไร้ในอำนาจ
หวังไม่อาจวาดไว้ได้ดังหวัง
พลังใดก็สิ้นไร้ในพลัง
กายผุพังดั่งใจบาดขาดจากกาย
@ ฟากฟ้าใสถูกไฟเผาเป็นเงาแสด
แสงแดดแผดเผาเราแต่เงาหาย
โหมคลื่นยักษ์ทะลักเข้าภูเขาทลาย
ลาวาสายไหลซัดกัดกร่อนกัลป์
@ ช่วยฉันด้วยใครก็ได้ช่วยฉันด้วย
ช่วยฉันด้วยช่วยฉันตื่นฟื้นจากฝัน
ปลุกฉันทีปลุกฉันทีปลุกให้ทัน
ก่อนชีพฉันพลันสลายไม่หายใจ