13 ตุลาคม 2551 23:17 น.

กล่าวหาเหล่าหนุ่มสาว

เจรนัย

มีแต่คนกล่าวหาเหล่าหนุ่มสาว
ว่ามัวหลงมอมเมากับแสงสี
ได้แต่สุขสนุกสนานกันเปรมปรีย์
ชาติบัดสีชิบหายไม่สนใจ

ผู้ใหญ่เอ๋ยผู้มีวิสัยทัศน์
โปรดรู้จักการมองชีวิตใหม่
ที่เป็นอยู่เช่นนี้ดีเท่าไหร่
หรือจะให้กู่ก้องร้องตะโกน

เดินขบวนสวนสนามไม่เข้าเรียน
ได้แต่เพียรอุดมการณ์ที่โลดโผน
ยอมพลีร่างขวางลูกปืนยืนกระโจน
มาเสี่ยงโดนทิ้งชีวิตที่มีมา

มันโบราณนานเนาแล้วนะครับ
ให้ย้อนกลับไปใหม่คงจะบ้า
โลกวันนี้ก็ยากเย็นเหลือคณา
แล้วมาหาว่าเราไม่ได้ความ

เศรษฐกิจซับซ้อนก่อนเคยเห็น
ที่มันเป็นเช่นนี้เพราะใครถาม
สร้างอะไรให้เราได้เดินตาม
จะได้ข้ามผ่านพ้นแสนยากเย็น

ค่าครองชีพสูงลิบแพงชิบหาย
จะอดตายกันแล้วดูก็เห็น
วิถีทางต่างไปอย่างที่เป็น
ใช่โลกนี้จะมีเว้นเช่นทุกวัน

งานมีสิบจบเป็นร้อยใครคอยได้
เดินลอยชายไม่มีหรอกครับท่าน
ใครได้งานนั่นล่ะคนสำคัญ
เล็กใหญ่นั่นไม่ฝันแค่มีกิน

โลกตอนนี้ใช่จากผู้ใหญ่หรือ
จะมาถือโทษเด็กผิดมหันต์
สังคมใช่เกิดได้เพียงชั่ววัน
อยู่ที่คนจะสร้างสรรค์ด้วยกันไป

ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่หรือเด็กน้อย
ที่จะคอยสร้างให้ชาติเติบใหญ่
ทุกคนต้องร่วมกันด้วยหัวใจ
ชาตินิยมสร้างได้ถ้าคำนึง... 

				
6 มีนาคม 2551 11:08 น.

@ เด็กน้อยกินขนม @

เจรนัย


กินช้าช้าไม่ต้องรีบนะหนูน้อย
เดี๋ยวจะพลอยติดคอเป็นเรื่องใหญ่
ขนมอะไรน่ากินเชียวหวานใจ
แบ่งพี่บ้างได้ไหมจ้ะคนดี

ดูสิแหมนั่งกินทำตาแป๋ว
หยิบกินแล้วหุบปากเคี้ยวเร็วรี่
คงอร่อยน่าดูเลยน่ะสิ
ถึงได้ถือชิ้นนี้ไม่ยอมวาง

ใครหนอใครทำผมให้หนูนะ
ดูน่ารักแกละกะเป็นสองหาง
ส่งประกวดนางงามอาจมีทาง
หนูซะอย่างน่ารักอย่าบอกใคร

ขนมนี้อร่อยก็จริงอยู่
แต่หนูหนูอย่าลืมในเรื่องใหญ่
แปรงฟันด้วยนะจ้ะอย่าลืมไป
เดี๋ยวฟันผุอดกินใหม่ล่ะแย่เลย...
				
5 มีนาคม 2551 12:40 น.

@ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง...@

เจรนัย

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
ควันดำมืดทะมึงทึงปกฟ้า
ประชาธิปไตยในโลกแห่งมายา
มีแค่พรางหลอกตาไปวันวัน

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
หาเสียงเหม็นหึ่งดูน่าขำ
โปรยเงินซื้อเสียงเป็นร้อยพัน
แล้วยืนยันเป็นประชาธิปไตย

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
นักการเมืองหนักอึ้งตัวใหญ่
ผลาญบ้านผลาญเมืองแทบบรรลัย
ยังจะไปหน้าด้านว่าทำดี

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
บรรดาพรรคที่คำนึงในศักดิ์ศรี
เงินสนับสนุนได้กันจนเปรมปรีย์
จะนึกไหมเป็นภาษีประชาชน

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
การเมืองเหม็นฉึ่งดูสับสน
คนใครย้ายกันพัลวน
ใช่จะมาดูคนที่ผลงาน

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
ตอบย้ำความคนึงน่าสงสาร
อดีตของการเมืองเหมือนนิทาน
แค่มองผ่านปล่อยไปไม่สนใจ

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
รุมโต๊ะฉุดดึงกันไปใหญ่
เปิดทางญาติโยมอย่างสมใจ
เข้าไปล้างผลาญประชาชน

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
การเมืองเป็นถึงผลิตผล
จ่ายมากก็ได้มากตามงบดล
นี่หรือหนทางประชาธิปไตย

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
ประชานิยมถมบึงอื้ออึงใหญ่
แล้วบอกว่าคือคำตอบของคนไทย
จะรู้ไหมว่าคือภาพลวงตา

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
ผู้นึกถึงหวงคำนึงจิตรักษา
ประเทศไทยยั่งยืนหรือสิ้นครา
ก็อยู่ที่คุณค่าแห่งการเมือง

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
โปรดอ่านซาบซึ้งถึงเรื่อง
เพื่อไทยก้าวสู่ความรุ่งเรือง
ไม่ใช่เหลืองเพราะโดนทาด้วยความทราม...				
9 พฤศจิกายน 2550 16:00 น.

@เมื่อชีวิตทำได้แค่เฝ้ามอง@

เจรนัย


๑
คิดดูช่างน่าอิจฉา...
ที่บางคนเกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ฝัน
ชีวิตบางครั้งอาจได้แค่อยู่ไปวันวัน
ไม่ทานทันก็ได้แต่แก่ชรา

๒
นั่งมองผู้คนมากมาย...
ในความหลากหลายอาจมีสิ่งที่เราปรารถนา
จะมีสิทธิบ้างไหมในชาตินี้ที่เกิดมา
เป็นผู้ยืนอยู่ข้างหน้ามากกว่าที่จะเป็นผู้ดู

๓
ตรงแถวหลังด้านใน...
อาจไม่ใช่ที่นั่งที่จัดไว้อย่างสวยหรู
ไม่ใช่จุดสำคัญที่ใครต่อใครต่างเฝ้าดู
เป็นแค่จุดที่ฉันนั่งอยู่คนเดียวอย่างเดียวดาย

๔
ได้แต่นั่งเงียบเชียบ...
ถึงจะแต่งตัวเนี๊ยบแต่มันก็ไม่มีความหมาย
ความสนใจไม่ได้อยู่ที่ฉันยกเว้นแต่เพียงฉันจะตาย
ถึงตัวฉันหายก็ยังไม่มีใครล่วงรู้เลย


๕
ความจริงน่ากลับบ้าน...
ระงับอาการความอิจฉาก่อนที่ฉันอาจเฉลย
ภาพที่เห็นแสนบาดตากว่าที่เคย
คนเฉิ่มเชยอย่างฉันมันก็มีหัวใจ

๖
แท้จริงอยากมีโอกาส...
ให้ได้วาดลวดลายตระการตามที่ฝันใฝ่
แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้โอกาสในครั้งต่อไป
ชีวิตอาจไม่ยาวไกลกว่าที่มันจะเวียนมา

๗
อาจล้มประดาตาย...
ถ้าไม่ได้สมหวังดังคำที่เขากล่าวว่า
แต่สำหรับฉันก็นับว่ามันคุ้มราคา
ที่ได้ลองวิชาตามความปรารถนาของตัวตน

๘
เอาเถอะนะตัวเรา...
แม้ว่าเขาอาจไม่เห็นว่ามันจะเป็นผล
จะพยายามจนกว่าชีวิตจะไม่อาจทานทน
แม้เทวดาจะไม่ดลก็ขอทนต่อสู้ด้วยตัวเอง


๙
สักวันคงจะมี...
ในวันที่เราได้หลุดจากโลกแห่งการข่มเหง
โดยวาจาท่าทางและการยำเกรง
ทาละเลงอยู่บนโลกที่แต่งแต้มภาพมายา

๑๐
จะขอสู้ดูสักตั้ง...
สิ่งที่เห็นเป็นพลังที่มาจากการริษยา
เป็นแรงผลักดันให้หลุดพ้นจากสิ่งที่บังตา
ให้ก้าวหน้าตามหัวใจที่ทะนง

๑๑
คงจะมีโอกาสบ้าง...
ที่ได้เดินตามทางที่ใจต้องประสงค์
ขอสัญญาไว้เป็นดั่งเจตจำนง
ว่าจะคงตั้งมั่นในใจกาย

๑๒
ถึงหรือไม่ไม่สำคัญ...
แค่ขอให้คืนวันของฉันนั้นมีความหมาย
แม้ว่าชาตินี้อาจไม่มีอะไรจารึกไว้ก่อนตาย
ก็นับว่ายังไว้ลายที่ได้ก้าวตามฝันมา


๑๓
สุดท้ายก็ได้คิด...
ว่าชีวิตคนเราอาจไม่เป็นไปตามใจถวินหา
มีหลายคนต้องดิ้นรนกว่าจะผ่านพ้นมันมา
ไม่ใช่ว่าได้มาเพราะโชคลาง

๑๔
และนี้คือสัจธรรม...
อันผลกรรมแห่งการกระทำนั้นเป็นการสรรค์สร้าง
ต้องต่อสู้ฝ่าฟันในความเป็นจริงของแนวทาง
ถึงจะได้ไปจัดวางยังสุดปลาย

๑๕
กล่าวขานทุกคนทราบ...
ต้องขอกรอบขออภัยกับความหมาย
ที่ดูอาจจะเป็นสิ่งที่เข้าใจยากไปมากมาย
ก็แค่เรื่องที่วางเรียงรายมาจากวิญญา

๑๖
ไม่ขอเป็นสิ่งถูกใจ...
เพราะอาจจะมีสิ่งใดที่มีคุณค่ามากกว่า
เพียงแต่อยากให้สิ่งนี้ได้ย้ำเตือนกาลเวลา
ว่าคุณค่าจะมีมาถ้าลงมือ.
				
8 พฤศจิกายน 2550 18:40 น.

เป็นบ้าอะไร(วะ)

เจรนัย

 
*คำเตือน*  
คำกลอนนี้มีการใช้ภาษาหยาบคาย จึงควรใช้วิจารณญานในการอ่าน(นะจ้ะ)


---------------------------

 
อะไรวะมึงเป็นบ้า	อะไร
ทำตัวดูประหลาดไป	ไอ้บ๊อง
บ้าบ้าบอบอไป		มึงเต็ม  เปล่าแฮ
เดี๋ยวระวังอาจจะต้อง	อยู่ศรี  ธัญญา

กินรังแตนหรือไร	ไอ้มึน
เดี๋ยวดีเดี๋ยวทะมึงทึง	หรือบ้า
สงสัยหมากัดจึง	ควรฉีด  ยากัน
เป็นงี้ทุกวันบ้า	เห็นแล้ว  มึนแทน
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจรนัย
Lovings  เจรนัย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจรนัย
Lovings  เจรนัย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจรนัย
Lovings  เจรนัย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเจรนัย