4 มิถุนายน 2546 17:46 น.
เจรนัย
เมื่อแสงลับก็กลับสงบเงียบ
ทุกสิ่งเรียบแนบอิงนิ่งสนอง
เหลือแต่จันทร์ยอแสงแรงเรืองรอง
ที่ประลองแสงดาวบนเมฆา
เห็นแต่เงาคลอบคลุมหมดทุกที่
สรรพสิ่งสิ้นสีไม่มีค่า
ได้แต่รอแสงแรกสุริยา
ใจก็ล้ากว่าจะเช้าแสนเศร้าใจ
ไม่มีเธอเคียงกายเช่นก่อนเก่า
อันตัวเรายากนักจักทนได้
สิ้นที่รักสิ้นสมัครแสนวิไล
ก็ดั่งใจเราก็สิ้นชีวินตาม
19 พฤษภาคม 2546 23:28 น.
เจรนัย
มีคุณยายอายุไขกว่าเจ็ดสิบ
ขายทองหยิบแถวเกษตรเขตบางเขน
ลูกทั้งสี่มีแต่คนเหลวเยี่ยงเลน
ไม่เคยเห็นหน้ามันมากว่าสิบปี
คนที่หนึ่งมันฉลาดเรียนวิศวะ
ไปทำงานเป็นกะกับบริษัทสี
เงินเป็นแสนแต่ถึงยายนั้นไม่มี
มีแต่เที่ยวเริงนารีทุกๆคืน
คนที่สองก็ใช่ย่อยมันเรียนหมอ
จบสอพลอจนได้ดีนี้สุดฟืน
แต่ยายเจ็บกับไม่เหลียวแทบทนกลืน
ไม่มีเงินมันมันไม่ฟืนรักษายาย
คนที่สามนั้นเป็นสาวจบบัญชี
มีไมตรีอยู่พักหนึ่งแล้วจึงหาย
เอาอะไรมาให้เซ็นแล้วก็กลาย
สุดท้ายรู้เป็นหนี้ตายตั้งหลายใบ
คนที่สี่นี้ไม่อยากจะพูดถึง
เรียนไม่จบอดได้ซึ้งให้สดใส
ออกจากบ้านหายหน้าตาไปแสนไกล
แต่จดหมายนั้นมีให้อยู่ทุกวัน
ในที่สุดก็มาถึงวันเกิดยาย
แต่ลูกหลานก็ยังหายอะไรนั่น
เลวสิ้นดีไอ้พวกนี้ทำไมกัน
พันธ์ไหนนั่นมันถึงเลวจนเหม็นคาว
แต่กิ๊งก่องหน้าบ้านยายเริ่มดังส่ง
ลูกสุดท้องก้มกราบลงตรงแทบเท้า
แม่ครับแม่ผมขอโทษทุกเรื่องราว
แล้วไปอยู่กับเขาที่ชานเมือง
ทุกวันนี้ยายไปอยู่แถวเมืองนน
มีชีวิตเหมือนหลุดพ้นหนทางเก่า
ลูกที่รักใช่เรียนดีมีแต่เขลา
ธรรมซิเคล้าชีวิตชื่นรื่นเริงใจ
19 พฤษภาคม 2546 22:51 น.
เจรนัย
ช่วงเวลานำเรื่องราวมาเล่าขาน
เป็นตำนานบอกข่าวเมื่อคราวหลัง
คนต่อคนรุ่นต่อรุ่นหมุนเวียนกัน
ร่วมสร้างสรรค์เป็นนิทานนาฬิกา
มีทั้งเศร้าเคล้าน้ำตาเมื่อมาอ่าน
หรือที่สุขแสนหวานก็สรรหา
ที่ขบขันครืนเครงก็สุดคณา
แสนเลิศรสตามเวลาจะหมุนไป
7 มีนาคม 2546 18:59 น.
เจรนัย
โค้งสุดท้ายไม่ว่าใครต่างมุ่งหวัง
เพื่อถึงฝั่งหมายมั่นจะศึกษา
มหาลัยใครก็อยากจะเข้ามา
แต่หนทางลำบากหนาเหลือกำลัง
ไม่มีพวกไม่มีทีมไม่มีพ้อง
เมื่อเข้าห้องเตรียมสอบกันทุกท่าน
ทิ้งเรื่องเพื่อนทิ้งเรื่องพ้องเพื่อชีวัน
แล้วสู้กันกับตัวเองหลายชั่วโมง
สอบคณิตต่ออังกฤษก็แทบบ้า
มาสอบไทยต่อวิทยาเกือบตายโหง
เจอสังคมตอนปิดท้ายก็ลงโลง
คิดจะโกงก็ไม่ได้เดี๋ยวตายฟรี
คะแนนออกก็ต้องลุ้นกันอีกรอบ
ว่าการสอบจะได้ไปมอไหนนี่
ที่เลือกไว้จากคะแนนแย่สิ้นดี
มันจะมีทางติดได้อย่างไร
แล้วผลออกบอกว่าได้ม.บูแล้ว
พ่อแม่แก้วอยากตะโกนจนเสียงหาย
ทนลำบากเพื่อได้พรประดับกาย
ได้เรียนในมหาลัย...เอ้าไชโย
น้องที่กำลังEnt ก็พยายามเข้านะ...เพื่อตัวเองและคนที่คุณรัก!
5 มีนาคม 2546 19:47 น.
เจรนัย
สานวิญญาณบรรพชนคนสยาม
ที่เล่าตามนามกวีศรีอักษร
สืบตำนานแผ่นดินถิ่นบิดร
ที่ได้สอนสั่งข้ามาช้านาน
เราคือผู้สืบทอดตามสมัย
ให้เมืองไทยคงวิจิตรเช่นคำขาน
เลือดกวีแผ่ซ่านเช่นสายธาร
ที่ล่องผ่านทั่วสยามงามฤดี
มรดกเช่นนี้หาเทียมไม่
เราชาวไทยควรประจักษ์ในศักดิ์ศรี
ปล่อยวิญญามาลิ้มรสบทกวี
ให้ลือนามสยามศรีกวีทอง