20 พฤศจิกายน 2552 13:19 น.
เจรนัย
ไม่รู้ว่าหนึ่งวันของวันนี้
จะเป็นอยู่เช่นนี้อีกหรือไม่
จะสั้นลงหรือยาวกว่าที่คาดไป
นานเท่าไหร่โลกนี้จะเปลี่ยนแปลง
ยี่สิบสี่ชั่วโมงหนึ่งพันสี่ร้อยสี่สิบนาที
สิ่งนี้ที่ไม่มีใครว่ามันเสแสร้ง
วันวานที่ล่วงผ่านดั่งเงินตราราคาแพง
ที่แสดงมูลค่าที่มีมาของแต่ละคน
แล้วหนึ่งวันจะสั้นลงกว่านี้ไหม
หรือไถลเพิ่มไปอีกหลายหน
ด้วยกาลนั้นไม่เท่ากันในทุกคน
แม้ชอบกลแต่เชื่อเถอะว่าเป็นจริง
หนึ่งวันของคนที่มีความสุข
จะสั้นกว่าคนทุกข์ที่ทุกข์ยิ่ง
หนึ่งวันที่รอรักห่วงประวิง
จะยาวนานแม้พิงเพียงเสี้ยววัน
เพราะเวลาผูกพันกับหัวใจ
อันดวงใจคิดไปถึงเพียงนั้น
ถ้าไม่มีนาฬิกาแจ้งช่วงวัน
เวลานั้นคงมีค่าแค่รำพึง...
18 พฤศจิกายน 2552 17:42 น.
เจรนัย
หนูเอะอะจอแจงอแงร้อง
ครูประคองโอบกอดแล้วสอนสั่ง
มาโรงเรียนวันแรกแสนเวงวัง
เพราะว่ายังไม่รู้จักใครใคร
คุณครูยิ้มจูงมือมานั่งที่
โธ่คนดีหวาดกลัวฉุดดึงใหญ่
คุณครูคุกเข่าลงยิ้มละไม
สัมผัสพลางบอกนัยไม่ต้องกลัว
พาหนูน้อยมานั่งอย่างกลัวกล้า
พร้อมเพื่อนฝูงมากหน้ามากันทั่ว
คุณครูบอกทักทายเสมอตัว
ไม่ต้องกลัวคุณครูนะคนดี
คุณครูเริ่มเล่าเรื่องที่ชวนหัว
แม้จะกลัวกลับหัวเราะไปเสียนี่
คุณครูเห็นไหมนะในตอนนี้
ต้องวางตัวท่าทีอย่าหลุดไป
คุณครูยิ้มถึงเห็นก็ลอยหน้า
เพราะกลัวว่าเด็กน้อยจะสงสัย
ก็ยังคงเล่าเรื่องน่าสนใจ
ไม่ทันไรเด็กน้อยก็มองมา
กิจกรรมมากมายแสดงเด่น
ทำนองเล่นร้องเพลงออกเริงร่า
เด็กน้อยเหนื่อยหลับสบายตอนบ่ายกว่า
ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวกลับบ้านตน
คุณแม่จ๋าวันนี้คุณครูสอน
ด้วยละครเรื่องเล่าตั้งหลายหน
วันนี้หนูได้เพื่อนตั้งหลายคน
คุณครูไม่เห็นบ่นเหมือนแม่เลย (อ้าว...ซะงั้น เหอๆๆ)
18 พฤศจิกายน 2552 16:53 น.
เจรนัย
ได้แต่ฟังเสียงส่งของนกกา
จะมานั่งเสียเวลาโกรธทำไม
เหมือนหันมาบ่นหินที่กองไว้
ไม่ได้เรื่องอื่นใดเป็นสาระ
ให้โกรธขึงบึ้งตึงคะนึงจิต
ทำชีวิตบ้าบอดูเกะกะ
ไม่สมตนทำตัวผิดฐานะ
อยากจะละให้สิ้นปล่อยวางที
ฟังคนบ้าด่าทอก็บ้าตาม
ต้องมาถามตัวเองในครั้งนี้
ว่าสมควรไหมเราจะเข้าตี
ประโคมเรื่องบัดสีให้วุ่นวาย
คงต้องหยุดสักทีจะดีกว่า
ให้คนบ้าบ้าไปจะได้หาย
บางคนนั้นบำบัดจนแทบตาย
ก็คงจะไม่หายหรอกกระมัง...
12 พฤศจิกายน 2552 16:41 น.
เจรนัย
ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ เพราะฉันและเธอ ไม่รู้จักกัน
แต่มาวันนี้ มาเป็นซี้กัน ผลประโยชน์มัน สร้างมิตรสร้างผ้อง
ไม่รู้จักหมดไม่รู้จักสิ้น จะโกงจะกิน แบ่งสินคูณสอง
ไม่ได้มาเดี่ยว ทำเกี่ยวทำดอง แต่ใจทั้งสอง แลบลิ้นขยิบตา
ไม่รู้จักพักไม่รู้จักพอ ทำตัวกำมะลอ เออชะลอลอยหน้า
ให้ข่าวเยี่ยงไร พลิกลิ้นทันตา แล้วมาบอกว่า ตนไม่สันทัด
ไม่รู้จักเขินไม่รู้จักอาย ตัวตนกลับกลาย ด้วยความกำหนัด
หลงในอำนาจ ใจขาดกิจวัตร เพราะคิดแต่จัด ทวงแค้นทวงคืน
ไม่รู้จักอยู่ไม่รู้จักดี สร้างเรื่องทุกที มีแต่รื้อฟื้น
เรื่องเก่าเรื่องแก่ ยำแย่ยำยืน นั่งเทียนเขียนขืน ฝืนข้อเท็จจริง
ไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักหย่อน กลัวโดนบั่นทอน อากรทรัพย์สิน
ขนาดโดนพัก ยังลักแผ่นดิน หนีนอกโบยบิน อยู่เยี่ยงราชา
ไม่รู้จักเขาไม่รู้จักใคร ไม่รู้ทำไม ต้องมาศึกษา
ผู้ใดผู้นี้ มีแต่โลภา ไม่เคยไว้หน้า บ้านเกิดมันนอน
ไม่รู้จักด้วยไม่รู้จักกัน เพราะว่าตัวฉัน ไม่อยากสั่งสอน
ไม่รู้คุณชาติ เหล่าบรรพกร แล้วจะไปสอน ผู้นั้นทำไม...
10 พฤศจิกายน 2552 14:45 น.
เจรนัย
ตัวกูไม่ใช่เหลืองไม่ใช่แดง
ก็แค่แสดงความคิดเห็น
ใยกูจะต้องเลือกเป็น
เหลืองแดงตะแคงตีนเดิน
ตัวกูก็เป็นชนชาวไทย
ใช่ว่าอื่นไกลที่ห่างเหิน
อยู่บนแผ่นดินอันเจริญ
ด้วยสรรเสริญแห่งพระบารมี
กูไม่เคยเลือกเป็นแดงเป็นเหลือง
ด้วยเรื่องบ้าบอที่บัดสี
อมนุษย์ที่แสนจะอัปรีย์
ขอทีไม่อยากด่าเปลืองน้ำลาย
กูไม่อยากบ้าบอแบบแดงเหลือง
แต่มีเรื่องในใจออกมาฉาย
กูไม่ยอมให้ใครมาวุ่นวาย
นำชาติไทยมาทำแกงอยู่ฝ่ายเดียว
กูก็เป็นคนไทยที่มีสิทธิ
มีชีวิตผูกติดและพันเกี่ยว
ใช้ชีวิตด้วยธรรมะอย่างกลมเกลียว
ไม่ใช่เที่ยวไปหาเรื่องใครใคร
พอทีเถอะหันมองกันเสียบ้าง
เราจะห่างเพราะความคิดหรือไฉน
แค่หนึ่งคนผลประโยชน์หรืออะไร
นี่ไม่ใช่มวยไทยกีฬามัน
อย่าให้เรื่องการเมืองเป็นการบ้าน
สร้างร้าวฉานหักหารจนอาสัญ
ไทยเป็นไทยอยู่ได้ด้วยดองกัน
ไม่เช่นนั้นจะเป็นไทยได้อย่างไร
อนาคตจะหนักหนากว่านี้ยิ่ง
นี่เรื่องจริงไม่ได้อิงนิยายไหน
ยิ่งแตกคอแล้วเราจะทำไร
ประเทศไทยจะอยู่ได้หรือพ้นคืน...