17 กุมภาพันธ์ 2554 23:32 น.

"from my diary"

เงามืดบนดวงจันทร์

1.สู้ให้ถึงที่สุดแล้วหยุดด้วยคำว่าพอ

2.เกิดมาทั้งทีทำดีให้ถึงที่สุด

3.จงทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะชีวิตเราอาจไม่มีพรุ่งนี้ก็ได้

4.คนเราจะพูดให้ดีขนาดไหนก็ได้แต่จะทำได้ดีแค่ไหนอยู่ที่การกระทำ

5.ทำได้ แต่ไม่ทำก็คือ ทำไม่ได้

6.ทำได้ไม่ดี ดีกว่าทำไม่ได้

7.จงทำมันให้เต็มที่ ถึงแม้จะต้องเหนื่อย ท้อ หนักสักเท่าไร ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสที่จะได้ทำมัน

8.การหนีปัญหาไม่ได้ทำให้ปัญหานั้นหายไปแต่มันจะยิ่งทวีความรุนแรง

9.ถ้าเราบอกว่าทำไม่ได้ก็ไม่มีวันที่เราจะทำมันได้ แต่ถ้าเราบอกว่าทำได้สักวันสิ่งนั้นจะเป็นจริง

10.ถ้าเราไม่รักตัวเองอย่าหวังว่าคนอื่นจะมารัก

11.ความสุขไม่ได้หายาก เพียงแค่การได้เดินสูดลมหายใจ มองต้นไม้และสายน้ำ มันก็สุขได้				
12 มกราคม 2553 10:22 น.

เวลา สายน้ำ คำพูด

เงามืดบนดวงจันทร์

เวลา สิ่งที่ค่อยขับเคลื่อนโลกใบนี้ เวลามีแต่ความเป็นปัจจุบันและอนาคต เข็มนาฬิกามันเดินและมีโอกาสที่จะเดินต่อไปข้างหน้าแต่ไม่มีโอกาศที่จะเดินถอยหลัง เราไม่สามารถย้อนเวลากลับแก้ไขสิ่งต่างที่เกิดขึ้นในอดีตได้ แม้ว่าเราจะเสียใจกับสิ่งต่างๆที่ผ่านมามากขนาดไหนมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำได้อย่าเดียวคือทำเวลา ณ ปัจจุบันให้ดีที่สุด
     สายน้ำ สิ่งที่ค่อยหล่อเลี้ยงทุกชีวิตบนโลกใบนี้ สายน้ำเป็นสิ่งที่ไหลไปเรื่อยๆตามทางของมัน แม้ในบางครั้งเราจะเห็นมันนิ่งๆ แต่ถ้าลองหยั่งลึกลงไปจะพบว่ายิ่งลึกเท่าไหร่สายน้ำยิ่งไหลแรงเท่านั้น
     คำพูด สิ่งที่ผู้ที่กล่าวมันออกไปควรทำตามนั้นให้ได้ เมื่อพูดอะไรออกไปแล้วเราไม่สามารถดึงคำพูดนั้นกลับคืนมาได้ สิ่งที่สามารถจะทำได้เมื่อพูดออกไปแล้ว คือ รักษาคำพูดของเราให้ได้ ถ้าคิดว่าเราทำไม่ได้ก็ไม่ควรที่จะพูดมันออกไป
     เวลา สายน้ำ คำพูด คือสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถย้อนมาแก้ไขได้ จงคิดให้ดีก่อนที่จะทำอะไรลงไปชีวิตนี้ไม่ได้ยาวนานมากนัก พรุ่งนี้เราจะได้ตื่นจากการนอนหลับหรือไม่ ไม่มีใครรู้				
29 กันยายน 2552 21:29 น.

= ได้หรือไม่ =

เงามืดบนดวงจันทร์

ขณะนี้ได้มีสิ่งที่จะเขามาพิสูจน์แล้วว่าเขาจะสามารถทำได้หรือไม่ สิ่งนั้นก็คือความผิดหวังอย่างแรง เนื่องจากเขาได้ลงสมัครการแข่งขันลับๆโครงการหนึ่ง ซึ่งทุกคนต่างพูดว่า คนที่มาจากองค์กรที่เขาสังกัดอยู่จะมาแข่งทำไมยังไงก็ชนะมากันที่คนอื่นเขา 
     มันยังไม่เลวร้ายพอ มันมีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกทั้งผิดหวังและอับอาย เมื่อมีคนถามเขาว่าชนะจะแข่งต่อในรอบชิงหรือไม่ เขาตอบทันทีว่า แน่นอน เขาจะเขาแข่งต่อ
     เมื่อวันประกาศผลการแข่งขันมาถึง ปรากฎว่าเขาไม่ผ่านแม้กระทั้งรอบแรก เขารู้สึกแย่มากๆ แต่เขารู้สึกโกรธตัวเองมากกว่า เพราะว่า ขนาดเขาอยู่ในองค์กรที่มีชื่อเสียงเขายังไม่สามารถเอาชนะการแข่งขันนี้ได้ทั้งๆที่ผู้ที่ผ่านรอบแรกมาจากองค์กรที่มีชื่อเสียงน้อยกว่า มาถึงตรงนี้ไหนๆก็เล่ามาเยอะแล้ว จะบอกให้รู้ก็ได้ว่าองค์ที่เขาสังกัดอยู่คือองค์กรเกี่ยวกับอะไร องค์นั้นคือ "สำนักฝึกวิทยายุทธ์ร่างกายและจิตใจ" 
     เขาเลยมานั่งคิดว่าเหตุใดมันจึงเป็นเช่นนี้ เขาพบว่าเขาเองแระที่เป็นคนผิด เพราะว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยใส่ใจกับการทำงาน ไม่ฝึกฝน ไม่ทบทวน ไม่พยายาม ไม่คิดที่จะสู้กับคู่แข่งที่เขาเคยพ่ายแพ้มาก่อน ไม่พยายามทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ เขาได้แต่คิดว่ามันยากเกินไป คิดว่าสำนักฝึกวิทยายุทธ์ร่างกายและจิตใจมีชื่อเสียงมากเลยต้องฝึกหนักกว่าที่อื่น คิดว่าคนที่อื่นเขาไม่ได้เรียนรู้ในกระบวนท่าที่ยากและซับซ้อนขนาดนี้ 
     ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคิดผิด เพราะในวันที่เขาได้ไปแข่งขันในการแข่งขันลับๆนั้น ซึ่งคือ การประลองค้นหา 10 ยอดเจ้ายุทธภพด้านธาตุดิน เขาได้เห็นถึงความแน่วแน่ความตั้งใจจริงในตัวผู้เข้าประลองทุกคนมีมากบ้างน้อยบ้างแต่ที่แน่ๆทุกคนมีมากกว่าเรา ทุกคนคิดว่าเขาแน่เตรียมตัวมาอย่างดี พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ทุกคน 
     ต่างจากเขาคนนั้นที่มั่วยึดติดกับชื่อเสียงของสำนัก คิดแต่ว่าอย่างน้อยเขาก็มาจากที่ที่ดีกว่า แต่เขาลืมคำๆหนึ่งที่ตัวเขาเองเคยยึดมั่น คือ "ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเรร็จอยู่ที่นั้น"
     เขาเริ่มที่จะหูตาสว่างขึ้นแล้วแต่ตัวเขาเองก็ยังคิดว่าเขายังไม่พ้นขีดอันตราย เพราะต่อให้เขาคิดได้แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงมือทำ เขาต้องพัฒนาฝีมือของเขาในเวลาอันจำกัดเพราะว่าอีกไม่กีวันการประลองค้นหา 10 ยอดเจ้ายุทธภพด้านธาตุน้ำ ก็จะมาถึง เขาต้องการที่จะเอาชนะในการประลองครั้งนี้ให้ได้เขาไม่อยากเป็นไอ้ขี้แพ้ตลอดกาลอีกต่อไปแล้ว เรื่องราวของเขาคงจบลงเพียงแค่ตรงนี้ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เขาได้เรียนรู้ว่าไม่ว่ายังไงชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปเพียงแค่ว่าเราจะเลือกที่จะเป็นผู้ได้กำไรหรือขาดทุน ในยามที่เราล้มลงถ้าเรามองในอีกมุมเราก็จะพบว่าเราได้กำไรที่ได้ลงมาสัมผัสกับแผ่นดิน ทำให้เราได้รู้ว่าเราทุกคนบนโลกนี้ไม่ว่าหน้าไหนก็เป็นแค่คนเดินดินเหมือนกัน ในเมื่อเขายังเดินต่อกันได้ทำไมเราจะทำไม่ได้

                     จบบริบูรณ์

ปล.เป็นกำลังใจให้นะสู้ นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วเอาไว้ เหนื่อยนักก็เดินให้ช้าลงแต่ห้ามหยุดเดินนะเพราะต้องนี้คุณคงกำลังตามหลังคนอื่นอีกมากมาย เมื่อหายเหนื่อยก็วิ่งต่อไปไม่นานคุณก็จะตามทันและถ้าคุณใจเด็ดพอคุณก็จะกลายเป็นหนึ่งในยุทธภพ				
27 กันยายน 2552 21:46 น.

= ได้หรือไม่ =

เงามืดบนดวงจันทร์

กาลครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ มีคนๆหนึ่งพยายามที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกขององค์กรลับองค์กรหนึ่ง แต่ปรากฎว่าเขาสอบไม่ผ่าน ไม่ติดตัวสำรองด้วยซ้ำ จนเขาถอดใจหาองค์กรใหม่และปฏิญาณตนว่าเขาจะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อที่อนาคตจะได้ไม่พลาดโอกาส แต่แล้วก็เกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นองค์ที่เขาวาดหวังไว้เรียกตัวเขาเข้าไปทำงาน เขาไม่เชื่อในข่าวที่เขาได้รับ เขาโทรศัพท์ไปสอบถาม และเขาก็พบว่ามันเป็นเรื่องจริง เขาไม่ได้ฝันไป เขาดีใจมากๆๆๆ สุดท้ายเขาก็เขาไปเป็นสมาชิกขององค์กรอันสูงส่ง เมื่อเขาไปอยู่ที่นั่นจากที่เขาเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอดเขาก็กลายเป็นที่สุดท้าย เขาเลยท้อ เมื่อเขาท้อเขาก็เริ่มถอย นับวันชีวิตเขาก็แย่ลง เขาเรื่อยเปลี่ยนไป ทั้งด้านลักษณะนิสัยและจิตใจ เขากลายเป็นไอ้ขี้แพ้ไปแล้วในปัจจุบัน เขาพูดว่าเขาจะกลับตัวกลับใจหลายครั้งแล้ว หลายครั้งจน พ่อเขารู้ทันแล้วก็พูดประโยคที่เขาจะพูดมาดักคอ ณ วันนั้นเขาเริ่มรู้ตัวว่าชีวิตเขามันแย่ลงมาก แต่พ่อก็ยังให้อภัยเขาอยู่เสมอ เมื่อเขาคิดได้ไม่นานเขาก็กลับมาทำตัวแบบเดิมๆ หายใจทิ้งไปวันๆ ทำให้พ่อแม่เสียใจ เขาคิดได้ทุกอย่างว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดีมันผิดมันไร้สาระ แต่เขาไม่เคยสามารถที่จะเลิกทำตัวอย่างนี้ได้ทั้งๆที่เขาเริ่มนับหนึ่งใหม่หลายครั้งแล้วหลาายครั้งจนตัวเขาเองก็ระอา เพื่อกับชีวิตเดิมๆ แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้ทำให้ตัวเองทนรับสภาพอันเลวร้ายนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาคิดจะเป็นคนใหม่เริ่มนับหนึ่งใหม่ มาดูกันว่าเขาจะทำได้หรือไม่ เขาคนนั้นพูดว่า "เขาเคยได้ยินมาว่าไม่มีคำว่าสายเกินไป ทำไม่ได้ดีกว่าไม่ได้ทำ ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง แพ้ชนะมันอยู่ที่ใจ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ ทำไม่ไหว ทำไม่ทันฯลฯ" ที่ผ่านมาเขาได้ยินคำคมต่างๆมามากมายเขาคิดได้รับรู้ได้เข้าใจได้ แต่เขายังทำไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาต้องทำให้ได้เพราะชีวิตเขามาถึงจุดต่ำสุดแล้วไม่มีอะไรให้เสียแล้ว เขาตัดสินใจสู้แบบไม่ถอย เขาคิดว่าเขาทำได้ อยากรู้จังว่าเขาจะทำได้ไหม แล้วเรามาติดตามดูกันว่าเขาจะทำได้หรือไม่				
8 สิงหาคม 2552 22:56 น.

บทเรียนชีวิต(1)

เงามืดบนดวงจันทร์

"คนเรามักจะเห็นค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ก็ต่อเมื่อเสียมันไปและไม่มีวันได้มันกลับคืนมา" คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำกล่าวนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่เชื่อในคำกล่าวนี้อย่างจริงจัง โดยที่ไม่ได้เสียอะไรไปก่อนเพราะคนทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเองยอมไม่เชื่ออะไรง่าย จะเชื่อก็ต่อเมื่อเราได้รับประสบการณ์ตรง ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้สนใจกับคำกล่าวนี้ จนกระทั้งถึงวันนี้ วันที่ฉันได้รู้ตัวว่าฉันเสียสิ่งๆหนึ่งที่มีค่ามาก สิ่งนั้น คือ "เวลา" ฉันใช้เวลาอย่างไร้ค่ามากตลอดเวลาที่ฉันอยู่ที่นี่ ณ ตอนนี้ต่อให้ฉันอยากได้เวลาเหล่านั้นกลับคืนมามากขนาดไหน อยากย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มันก็ไม่มีโอกาสแล้ว ชีวิตฉันถือว่าฟ้าให้โอกาสฉันมากแต่ฉันก็ไม่ใช้โอกาสนั้นอย่างคุ้มค่า ฉันเชื่อว่าโชคชะตาเป็นผู้ให้โอกาสครั้งนี้ต่อฉันและฟ้าก็คงเสียใจที่ฉันไม่ใช้โอกาสที่ฟ้าเลือกที่จะให้ฉัน ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ฟ้ามอบให้และก็ขอโทษที่ใช้มันไม่คุ้มค่ากับเวลาที่ผ่านมา แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่เนรคุณขนาดนั้น เวลาและโอกาสที่เหลืออยู่นี้ ต่อไปนี้ฉันจะพยายามใช้มันให้คุ้มค่ามากที่สุดแต่ก็ไม่รู้ว่าฉันจะทำได้ดีเพียงได้แต่เชื่อได้ว่ามันต้องดีกว่าที่เคยเป็น วันนี้ฉันได้เรียนรู้ว่า "เวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากและเมื่อมันผ่านไปแล้วมันก็จะไม่มีกลับมาให้เราแก้ไขในสิ่งที่เราทำลงไปในแต่ละเสี่ยววินาทีและมันก็เป็นสิ่งที่ยุติธรรมที่สุดในโลกนี้ด้วยเพราะทุกคคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 60 นาที นาทีละ 60 วินาที ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้เวลาในแต่ละวินาทีให้เกิดประโยชน์มากแค่ไหน หรือ แค่หายใจทิ้งไปวินาทีละ 1 เฮือก ลมหายใจแต่ละเฮือกหมายถึงการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เลือกเอาว่าเราจะใช้แต่ละเฮือกของลมหายใจแสดงให้โลกรู้ว่าเรามีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ หรือ จะให้แต่ละเฮือกของลมหายใช้เป็นการใช้ออกซิเจนอย่างไร้ค่า" ส่วนตัวฉันใช้แต่ละเฮือกของลมหายใจอย่างไร้ค่ามามากพอแล้ว ต่อจากนี้ฉันเลือกที่จะใช้ลมหายใจแต่ละเฮือกของฉันเพื่อที่จะให้โลกรู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ให้รู้ว่าคนชื่อ...ยังไม่ตายจากโลกใบนี้ ที่ผ่านมาฉันเดินหลงทางและล้มลงนับครั้งไม่ถ้วน มากเสียจนฉันเองเคยยอมแพ้ ฉันเคยใช้ชีวิตอย่างผู้แพ้ ฉันเคยยอมก้มหัวให้กับอุปสรรคและขวากหนาม และฉันก็ได้รู้ว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลงเรื่อยๆ นับวันความทุกข์ก็สุมเพิ่มขึ้นๆ มันทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่าถึงแม้ว่าเรายอมแพ้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มันไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่มันคือการหนีปัญหา นับวันปัญหามันก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆไม่มีวันลดน้อยลง ทางที่ดีเราควรจะแก้ไขมัน ไม่มีอะไรเกินความสามารถคนหรอก นับตั้งแต่นี้ฉันจะลุกขึ้นสู้ต่อให้ล้มสักกี่ครั้งก็จะลุก ฉันจะเดินหน้าต่อไปอย่างมีสติ เกิดมาทั้งทีโลกต้องรู้ว่ามีคนชื่อ...อยู่บนโลกใบนี้				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเงามืดบนดวงจันทร์
Lovings  เงามืดบนดวงจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเงามืดบนดวงจันทร์
Lovings  เงามืดบนดวงจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเงามืดบนดวงจันทร์
Lovings  เงามืดบนดวงจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเงามืดบนดวงจันทร์