10 มกราคม 2549 19:46 น.

ปลัก

เขี้ยวพยัคฆ์

เสียงโทรศัพท์มือถือดังมาครู่ใหญ่แล้ว 

เสียงริงโทนเพลงสนุกสนานของค่ายเพลงยักษดังขึ้น   แต่ใจผมยังไม่มีอารมณ์สนุก   งานอีกตั้งพะเรอเกวียน

ผมเฝ้ามอง   นิ่งฟังกำลังตัดสินใจว่าจะรับดีใหม แต่มือที่จะเอื้อมไปหยิบกลับชะงัก แล้วชักกลับมาดังเดิม 


.........................................................

เสียงโทรศัพท์หยุดไปตั้งนานแล้ว        นานเท่าใหร่แล้ว ที่ผมไมได้ติดต่อกลับใปหาทั้งที่รู้ว่าเธอ        คงจะเจ็บปวด   แต่ผมต้องตัดใจ ก็ผมกำลังกำลังก้าวหน้าในชีวิต จะมามัวจมปลักกับบ้านป่าอย่างนั้นได้อย่างไร 

ช่วงนี้งานผมกำลังเร่ง   หาก Project นี้สำเร็จ   ย่อมหมายถึงความก้าวหน้าในชีวิตครั้งใหญ่ 
ผมคาดหวังกับมันไว้มาก   ไม่เป็นไร ปิดมือถือไปก่อน 

รู้สึกปวดหัวข้างซ้ายหนึบ       มันจะเป็นอย่างนี้ทุกทีที่โหมงาน 
แต่โอกาสอย่างนี้มีไม่บ่อยหรอก 

จำไว้
 
.

.

ตอนนี้

มือถือเปิดแล้ว    แต่ไม่มีใครโทรเข้ามาเสียที

ผมหันไปมองทัศนียภาพข้างๆ   ที่กำลังวิ่งสวนทางกับผมไป 

ฝนตกเห็นหยดน้ำพรำลงบนกิ่งใบตามรายทาง    ผมไม่ได้เห็นบรรยากาศอย่างนี้มากี่ปีแล้วนะ 
ตั้งแต่เข้ามาค้นหาชีวิตใหม่ สิ่งที่ผมเรียกมันว่า ความก้าวหน้า   โดยละทิ้งปลักไว้เบื้องหลัง ..

ความก้าวหน้าเหรอ      การแก่งแย่งแข่งขันกันซะมากกว่า    ใครมีเส้นสายมากกว่า ก็ได้ดีไป    ทั้งที่ ถ้าเทียบงานกันแล้ว ผมเชื่อมั่นว่าของผมดีกว่า 
แต่เดี๋ยวนี้ ค่าของคน อยู่คนของใคร   ถ้าผมขยันเข้าไปคลุกคลี    หรือไปเสนอหน้ารับใช้เล็กๆน้อยๆอย่างเจ้านั่นบ้าง  Project นี้ก็คงไม่หลุดไปอยู่ในมือเจ้านั่น

 
1 อาทิตย์กว่าๆก่อนเสนอ Project กับลูกค้า    หัวหน้าตัดสินใจให้เจ้านั่นรับช่วงงานนี้ต่อจากผมไปแทน(ทำไม   ไม่ให้เจ้านั่นทำเอง    เริ่มใหม่  ตั้งแต่ต้นละ ถ้าเก่งจริง  อะโธ่ )   โดยให้เหตุผลที่ฟังดูดี 
คุณยังมีอนาคตอีกไกล และอยากให้คุณผ่อนคลายบ้าง ผมว่านะ ช่วงนี้คุณเครียดกับงานมากไป 

โถ จะบอกว่า จะดันคนสนิทของตัวเองมากกว่ามั้ง   แค่นี้ ทำไมต้องเฉไฉพูดให้ดูดีไปทำไม 

หยุดคิดดีกว่า........... ลางานกลับบ้านทั้งที หลับดีกว่า กว่าจะถึงบ้าน คงหลับได้เต็มที่ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้หลับเต็มอิ่ม
 
........................................... 

.


ผ้าเย็นคะ เสียงนี้ปลุกขึ้นมา ตอนเช้า แสดงว่าใกล้ถึงบ้านแล้วสิ ผมคงได้กลับไปเจอเธอเสียที 

เห็นหลังคาบ้านเธอมาแต่ไกล รู้สึกทรุดโทรมลงไปมาก ตั้งแต่ที่เห็นครั้งสุดท้าย นานมาแล้ว ทำไมผมไม่รู้สึกปวดหัวหนึบเลย ตั้งแต่ลางานมา 

บ้านปิดเงียบเชียบ     
ไม่มีใครอยู่ คงออกไปใหนละมั๊ง รออีกสักพักคงมา 
นั่งรอตรงแคร่ รู้สึกไม้ไผ่กรอบแกรบยังไงไม่รู้ คงไม่ค่อยมีใครดูแลให้ดีเท่าไหร่ นั่น มีคนเดินมาแต่ไกล น้ามีที่อยู่ข้างบ้านเธอนั่นเอง 

.

.


กระเป่าหล่นตุบ !!!
น้ำตาร่วงมาไม่ขาดสาย 


น้าโทรฯ จากตู้สาธารณะไปวันก่อน จากเบอร์เอ็งทีแม่แกวานให้น้าโทรไปหา เหมือนครั้งก่อนๆ 

โทรไปหลายครั้ง    แต่เอ็งไม่ได้รับสาย   คงยุ่งอยู่ละสิ     ไม่งั้นเอ็งคงกลับมาได้เร็วกว่านี้ 


แกล้มตอนลุกมาเข้าห้องน้ำกลางคืน กว่าจะมีใครรู้ก็เช้าวันรุ่งขึ้น   หลังจากแกเสียไปแล้ว 

ผมเหลือบไปมองตู้โทรศัพท์ริมถนนใหญ่   เห็นเป็นกล่องเล็กเพราะอยู่ไกลลิบเป็นตู้สาธารณะที่ใกล้บ้านที่สุด         


บ้าน ที่ผมเคยเรียกมันว่าปลัก และพยายามลืมๆไป ว่าเคยคลุกดินคลุกเลนตอนเด็ก ทำไม ตอนนั้น ผมถึงไม่รับสาย 


แม่แกบ่นถึงเอ็งตลอดเลย ว่าอีกหน่อย เอ็งคงมีงานมีการ มีหน้ามีตา แล้วว่างๆจากงาน เอ็งก็คงมาเยี่ยมแก 


ผมเคยตามเธอไป ทำไร่ไถนา ในทุ่ง แต่คงไม่มีอีกแล้ว รู้สึกเค็มปร่า กับน้ำที่ไหลเข้าตามริมฝีปาก ตอนนี้ผมไม่ต้องคลุกเลน เล่นปลักควายอีกแล้ว แต่ผมยังคงจมกับปลักในใจ ที่ทำยังไงก็คงแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว 



อาการปวดหัวหนึบ กลับมาอีกแล้ว............................				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเขี้ยวพยัคฆ์
Lovings  เขี้ยวพยัคฆ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเขี้ยวพยัคฆ์
Lovings  เขี้ยวพยัคฆ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเขี้ยวพยัคฆ์
Lovings  เขี้ยวพยัคฆ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเขี้ยวพยัคฆ์