29 ตุลาคม 2547 17:37 น.
เก่งกาจ
สวัสดีค่ะดิฉันชื่อ แก้ว ชื่อจริงของดิฉัน ชื่อแก้วมาดา เป็นคนที่กัสของพวกคุณเคยพูดถึง ดิฉันมาวันนี้จะมาเล่าเรื่องราวต่อจากกัสคะ
ดิฉันขอเริ่มเล่าตั้งแต่วันที่ฉันกับ เขา ฉันหมายถึงกัส นะคะ ไปรับน้องของคณะต่อที่ชะอำ ฉันได้อยู่กลุ่มเดียวกับเขา คุณคงอยากรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับกัสใช่ไหมคะ? ขอบอกตามตรงคะ แรก ๆ ฉันรู้สึกกับเขาเป็นเพียงเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง หาก แต่สิ่งที่เขาทำให้ฉัน ในระหว่างที่เราไปรับน้องด้วยกันที่ชะอำ มันทำให้ฉัน ตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ได้ไม่ยาก เพราะอะไรหรือคะ???
ถ้าเป็นคุณ คุณจะอดใจไหวไหม ? หากมีผู้ชายคนหนึ่งคอยปกป้องคุณตลอดเวลา จากการที่โดนพวกรุ่นพี่รุมแกล้ง แต่ฉันรู้ว่าพวกพี่ ๆ เขาแกล้งตามธรรมเนียมรับน้อง การที่กัสทำเพื่อฉัน ฉันก็รู้สึกขอบคุณ และอดประทับใจในตัวของกัสไม่ได้ เขาปกป้องฉันอย่างไรบ้างหรือคะ? ก็ยกตัวอย่าง รุ่นพี่จะสาดโคลนใส่รุ่นน้อง แต่กัสเขาก็มากันตัวฉันไม่ให้ฉันเปื้อนโคลน ในวินาทีที่เขาโอบฉัน ฉันรู้สึกอบอุ่น และปลอบภัยอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่เขามองฉัน ฉันรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยความหมาย แต่.ฉันก็ได้แต่คิดว่าฉันรู้สึกไปเอง จนฉันมามั่นใจว่าสิ่งที่ฉันเข้าใจทั้งหมดมันถูกต้อง เพราะอะไรหรือคะ ???
วันหนึ่งหลังจากที่เรากลับมาจากชะอำ ฉันเลิกเรียนดึก ในระหว่างที่ฉันกำลังเดินทางกลับหอ ซึ่งอยู่ในมหาวิทยาลัย ฉันก็พบว่ากัส รออยู่เพื่อจะไปส่งฉัน ฉันไม่อาจปฏิเสธเขาได้ เพราะฉันเอง ก็หลงรักเขาเข้าให้แล้ว อยากอยู่ใกล้เขาทุกนาทีที่มีโอกาส ในระหว่างทางกลับหอ และฉันกำลังนั่งซ้อนจักรยานของเขา ก็มีรถคันหนึ่งวิ่งตัดหน้าเรา กัสเบรกรถกระทันหัน ทำให้ร่างฉันไปชนกับร่างของกัสเข้าอย่างจัง ในวินาทีทีเราได้ใกล้ชิดกัน ฉันรู้สึกว่าหัวใจตนเองเต้นไม่เป็นจังหวะ กัสเองจะรู้สึกแบบเดียวกับฉันบ้างไหมน้า อยากรู้ใจของเขาจัง?
ไม่นานหรอกคะ เราก็มาถึงหอ ในตอนนั้นแถวหอพักไม่ค่อยมีคน ขณะที่ฉันบอกขอบคุณและบอกลาเขา จะผละจากตัวเขา มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ฉันตกใจมาก อะไรนะหรือคะ กัสเขาดึงฉันเข้าไปสวมกอดจากนั้นเขาก็พูดว่า ฉันชอบเธอ เป็นแฟนกับฉันได้ไหมสองประโยคนั้นช่างดูง่าย แต่มันทำให้ใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำเลยละค่ะ ฉันอึ้งอยู่นาน คุณคงอยากรู้ว่าใจฉันคิดอย่างไร มันเต็มไปด้วยความปิติอย่างบอกไม่ถูก ฉันผละจากเขาแล้วรีบวิ่ง แต่ไม่นาน ฉันก็หันไปเผชิญหน้ากับเขา แล้วยกมือและใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้ง ทำเป็นรูปวงกลม ที่มันมีความหมายว่า OK ในตอนนั้น คุณคงอยากรู้ว่า กัสเป็นอย่างไรบ้างหรือคะ?? เขาก็ยิ้มออกมาอย่างยินดีเหมือนกับฉัน
จากนั้นฉันกับเขาก็เริ่มคบกันอย่างจริงจัง เมื่อใดที่เราสองคนว่าง เราก็จะไปดูหนังด้วยกัน ทุกคืน หากเราไม่มีการบ้าน เราก็จะโทรศัพท์หากัน จนเพื่อนฉันที่เป็นเมดในห้อง อดแซวกันไม่ได้
ช่วงเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมา ฉันยอมรับนะคะ ว่าฉันมีความสุขมาก ที่ได้มีเขาอยู่ข้าง ๆ ถึงเขาจะเป็นคนชอบพูดจาโผงผาง จนเพื่อนของฉันอดระอาไม่ได้ แต่ฉันไม่สนใจหรอกคะ รูปลักษณ์ นิสัย ไม่สำคัญสำหรับฉัน เท่าหัวใจที่แสนดีของเขา และหากหัวใจของเขาพูดได้ คุณคงต้องแปลกใจว่าทำไม ปากของเขาถึงพูดไม่ได้อ่อนหวานเท่ากับเสียงของหัวใจของเขา ก็แหมคนปากร้ายใจหวานนี่คะ..
แต่.ทำไมละคะวันเวลาแห่งความสุขและความทรงจำอันแสนงดงามของเราทั้งสอง ถึงต้องแลกกับความเจ็บปวดชั่วชีวิตของเรา ทำไมพระพรหม ถึงไม่ลิขิตให้ฉันได้เจอกับเขา ก่อนคนรักตัวจริงของเขา
คุณคงสงสัยว่าฉันทราบความจริงได้อย่างไร ว่าเขามีคนรักอยู่ก่อนแล้ว ก็คือ..วันนั้น ฉันไปดูหนังกับเพื่อน แล้วสายตาของฉันก็ไปหยุดที่ชายหญิงคู่หนึ่ง ที่นั่งดูหนังด้วยกัน ทั้งสองคือกัสกับคนรักของเขานั่น ในใจฉัน ทั้งโกรธ และน้อยใจ ว่าเหตุใด เขาถึงทำกับฉันได้เพียงนี้.
29 ตุลาคม 2547 17:36 น.
เก่งกาจ
สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุก ๆคน ก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อกัส ครับย่อมาจากซูกัสนะครับ ผมมาวันนี้มีเรื่องจะมาเล่าให้คุณฟัง เรื่องราวความรักของผม และเธอคนนั้น หญิงเดียวในดวงใจของผม
ก่อนอื่นผมขอพูดถึงนิสัยส่วนตัวผมเลยนะ ว่าเงียบ ขรึม แต่เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา หรือที่พวกคุณเรียกว่าโผงผางนั่นแหละครับ คนส่วนใหญ่เค้าคงจะไม่ชอบขี้หน้าผมเป็นเอามาก ถ้าไม่มีหน้าตาเป็นตัวช่วย คุณคงอยากรู้ว่าหน้าตาผมมันจะดึงดูดใจสักเท่าใดกันเชียว ไม่มากหรอกครับ.. ก็ขาว คิ้วหนา จมูกโด่ง ตาคม ยิ้มมีเสน่ห์ (นั่นแน่ หมันไส้ผมแล้วสิ คิดว่าผมกำลังหลงตัวเองอยู่ใช่ไหม? แต่เรื่องจริงครับ ทว่า ผมก็ไม่ชอบโปรยเสน่ห์ให้ใครๆ นะ โดยเฉพาะหญิงสาว.. ก็บอกแล้วไง ว่านิสัยเป็นคนเงียบขรึม)
เรื่องจีบสาวไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ผมไม่ค่อยเก่งหรอก อยากจะบอกพวกคุณว่า ผมหาแฟนได้เพราะหน้าตาของผมช่วยไว้ครับ อย่างไรเหรอครับ? ก็ผมไปเจอกับแฟนผมที่งานรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัย วันนั้น รุ่นพี่ของผมบอกว่า นอกจากเราจะสนุกกับกิจกรรมของมหาลัย แล้ว เราจะสามารถหาแฟนได้จากวันนี้ แต่ผมไม่สนใจเหตุผลอย่างหลังที่รุ่นพี่เขาบอกหรอกนะ ผมไปเพราะอยากไป(ไม่เชื่อเหรอ แค่อยากไปจริง ๆนะ)
ขอเล่าต่อเลยว่า ผมรู้จักกับแฟนผมก็เพราะ เธออยู่กลุ่มเดียวกับ ผม เธอพยายามเข้ามาทำความรู้จักผม เธอชื่อ แมงปอครับ คุณคงอยากรู้ว่าผมสนใจเธอไหม ยอมรับครับ ว่าตอนแรก คิดกับเธอแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่หลังจากนั้น เธอก็ติดต่อกับผมเรื่อยมา เราโทรคุยกันทุกวัน เรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกันอยู่นาน จนผมเห็นความน่ารักของเธอ เลยตกลงเป็นแฟนกับเธอ อ้อ..ผมลืมบอกพวกคุณว่า ผมเรียนอยู่คนละคณะกับแฟนผม ผมเรียนอยู่วิศวะ แต่ แฟนผมอยู่นิเทศน์ศาสตร์
สิ่งที่ผมจะบอกกับพวกคุณวันนี้คือ ผมเพิ่งรู้ว่า ความรู้สึกระหว่างผมกับแมงปอ ไม่ใช่ความรัก เหมือนที่เคยเข้าใจ เพราะอะไรหรือครับ? เพราะผมได้เจอกับเธอคนนี้ เธอที่ทำให้ผมรู้ว่า ความรัก ระหว่างคนสองคน มันไม่จำเป็นต้องใช้เวลาศึกษากัน มันไม่สำคัญเลยว่าเธอจะเป็นใครมาจากไหน ไม่สำคัญเลยว่าเธอจะแสนดีสำหรับใคร เพราะสำหรับหัวใจของผม เธอคือหญิงเดียวที่แสนจะงดงาม
คุณอยากรู้ว่าเธอคือใคร ทำไมถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจดวงน้อย ๆของผมถึงเพียงนี้ เธอชื่อแก้วครับ เรียนอยู่คณะเดียวกับผม นิสัยเธอ ก็ธรรมดานะครับ เธอเป็นคนขี้เล่น นิสัยเด็ก ๆ คือเธอรู้สึกอย่างไรก็พูดออกมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีมารยา จนผม หลงเสน่ห์เธอเข้าอย่างจัง ผมไม่อยากใช้คำว่าหลงเสน่ห์เลย ผมขอเรียกว่า..หลงรักดีกว่าดูมันมีความหมายสำหรับผมดี
คุณคงสงสัยว่าผม จะตัดสินใจอย่างไร กับเรื่องราวความรักของผม ใช่ไหมครับ
ผมขอตอบคุณตามตรง หัวใจผมรักแก้วเหลือเกิน ผมปรารถนาเพียงแต่เธอเท่านั้น ผมอยากเห็นหน้าเธอทุกวัน อยากได้ยินน้ำเสียงอันสดใสของเธอ อยากเห็นรอยยิ้มที่แสนอ่อนหวานของเธอ อยากอยู่ใกล้ ๆเธอให้หัวใจของผม มันเย็นชื่นไปด้วยอุ่นไอความรัก แต่..ผมก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อผมมีแมงปออยู่แล้ว แต่คุณครับ .พายุแห่งความรักนั้นมันรุนแรงเหลือเกิน รุนแรงจนผมยากจะทัดทานความรู้สึกอันร้ายกาจนั้น ผมไม่อยากทำร้ายจิตใจของทั้งสองคน
แต่ผมอยากมีช่วงเวลาหนึ่งที่ผมได้มีความทรงจำที่แสนงดงามกับแก้ว ผมเลยตัดสินใจทำตามที่เสียงข้างในหัวใจของผมเรียกร้องมาโดยตลอด แม้รู้ดีว่าทางเลือกนั้นมันโหดร้ายสำหรับผู้หญิงทั้งสองคน .
27 ตุลาคม 2547 17:40 น.
เก่งกาจ
เยียร์ร่าห์เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง เธอยังจำได้ดี ไม่กี่ชั่วโมงอยู่นี้เธอยังไปเชียร์เธอและจินเซอยู่ที่ข้างสนาม แต่บัดนี้ไม่สามารถพูดคุย ยิ้มแย้มกับเธอได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
เห็นอย่างนั้นน้ำตาเธอก็ไหลรินลงมา
จบ
(ขอบคุณอีกครั้งนะจ๊ะ ที่ติดตาม )
25 ตุลาคม 2547 02:18 น.
เก่งกาจ
สวัสดีครับคุณยังจำนายเก่งกาจได้ใช่ไหมครับ วันนี้ผมจะมาเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด จากความรู้สึกของผมให้คุณได้ฟัง
คุณคงยังจำตอนที่แล้วได้ แล้วคุณคงทราบดีว่าไอ้เต้ยมันเห็นผมกับแจม พวกคุณคิดกันยังไงครับพอได้ฟังไอ้เต้ยมันเล่า เกลียดผมมากใช่ไหม ? ไม่ต้องบอกผมหรอกครับ เพราะผมทราบดีแล้วละว่าคุณจะตอบผมว่าอย่างไร แต่ที่ผมมานี้ เพื่อจะมาเล่าความรู้สึกของผมให้คุณได้ฟัง คุณคงคิดว่าผมมาแก้ตัว และเกลียดขี้หน้าคนอย่างผมเต็มที แต่ได้โปรดฟังผมก่อนเถิดครับ ผมอยากระบายความรู้สึกกับใครสักคนได้รับรู้
ตอนนั้นวันที่ไอ้เต้ยมันนัดผม ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปสาย แต่วันนั้นผมจะไปหามันทันที และวันนั้นผมก็ได้เจอแจมโดยบังเอิญ ไม่รู้เหมือนกันนะ? แต่ผมว่าดูเหมือนแจมจงใจ หากแต่ผมก็ไม่คิดอะไรมาก ผมอาสาจะไปส่งเธอที่บ้าน
วันนั้นก็เป็นวันซวยของผม เพราะกลุ่มนักเรียนที่ผมเคยไปมีเรื่องชกต่อยกับพวกเขา ดันยกพวกจะมารุมซ้อมผม แต่ผมไม่กลัวมันหรอก หากทว่า มันเหมือนรู้จุดอ่อนในใจของผม เหมือนที่คุณรู้จากไอ้เต้ยคือ ผมหลงรักแจม.. พวกมันจะรุมโทรมแจม ผมไม่อยากให้แจมเป็นอันตรายเลยพาแจมหนีออกมา ทั้งที่ร่างกายก็โดนซ้อมสะบักสะบอม
หลังจากที่หนีพวกมันมาได้ ผมก็พาแจมไปที่ทะเลที่ผมเคยช่วยชีวิตไอ้เต้ย ทันทีที่ถึงที่นั่น ผมก็ทรุดลงเพราะรู้สึกเจ็บอย่างหนัก เมื่อผมมองไปยังใบหน้าของแจม ก็พบว่าเธอร้องไห้ครับ จากนั้นเธอก็เอามือมาแตะบาดแผลผมเบา ๆ แล้วมองตาผม จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวานยิ่งนักเจ็บไหมนัยน์ตาที่เธอมองมาที่ผม ไม่เย็นชากับผมเหมือนวันก่อน ๆ ตอนที่ฉันเห็นเธอโดนซ้อม ฉันปวดใจมากเลย ทรมานใจเหลือเกินที่เห็นเธอโดนทำร้ายอย่างนั้นจากนั้นเธอก็โผกอดผมโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวแล้วเธอก็พูดต่อเธอรู้ใช่ไหมว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งห่วงใย ชายคนหนึ่งได้มากมายเพียงนี้มันหมายความว่าอย่างไรผมอึ้งมากเลยครับ ผมยินดีมาก ยอมรับเลยครับว่าลืมเรื่องที่เคยคิดว่าจะหลีกทางให้ไอ้เต้ยเสียสนิท ผมรู้แต่เพียงว่าหญิงสาวที่ผมรักก็ยืนอยู่ตรงหน้าสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุด ก็คือไขว่คว้าเธอเอาไว้ และไม่ยอมให้เธอจากผมไปไหนอีก
ผมผละจากเธอจากนั้นก็มองไปยังนัยน์ตาอันมีประกายสดใสของเธอ นัยน์ตาคู่นั้นที่จับจ้องผม นัยน์ตาคู่นั้นที่ทำให้ผมหลงรัก จนลืมไปว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนคนหนึ่งมันสำคัญกับชีวิตแค่ไหน จากนั้นผมก็บรรจงจูบริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา แล้วค่อยหนักหน่วงขึ้นด้วยความดูดดื่ม ผมไม่รู้ว่าในตอนนั้นไอ้เต้ยมันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
หลังจากที่ผมแยกกับแจม ผมก็ไปตามนัดของไอ้เต้ย แล้วผมก็เห็นมันรอผมอยู่ จากนั้นเหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่มันเคยเล่า
หลังจากที่ผมแยกกับมันในใจผมรู้สึกแปลก ๆ เป็นห่วงมันอย่างไรไม่รู้ ผมจึงย้อนกลับไปที่ทะเลแห่งนั้น ไม่มีใครเลยครับ ผมอยากคิดว่ามันกลับบ้าน แต่ก็มีบางสิ่งไม่ทำให้ผมคิดอย่างนั้นผมเห็นรองเท้าของใครคนหนึ่ง ถอดเหมือนต้องการจะเดินลงไปทะเล ผมจำได้ดีครับ มันเป็นของไอ้เต้ยเพื่อนผม ผมไม่เสียเวลาคิด ผมรีบวิ่งไปยังท้องทะเล ที่มันกำลังจะดูดกลืนร่างและวิญญาณของเพื่อนผม ในใจภาวนาขอให้มันอย่าเป็นอะไร เพราะมีเรื่องอีกมากมายที่ผมอยากปรับความเข้าใจกับมันผมงมหาร่างของมันพร้อมผุดขึ้นมาร้องเรียกมัน หากทว่าไม่มีเสียงโต้กลับ ใจผมหายวูบ แต่ใจผมยังไม่หมดหวัง ยังคงไหว้น้ำหามันอยู่นาน
จนครั้งสุดท้ายที่ผมโผล่ขึ้นมา ผมก็เห็นใครคนหนึ่งโบกมือให้ผมอยู่บนฝั่ง ผมจำได้ทันทีครับมันคือไอ้เต้ย ผมดีใจมากผมวิ่งไปหามัน จากนั้นก็ต่อยท้องมันเบา ๆทีหนึ่งแล้วพูดว่าไอ้บ้า !!แกรู้ไหมฉันนึกว่าแกจมน้ำตายไปแล้ว!!จากนั้นผมก็กอดมันครับ แล้วพูดอย่างยินดีแต่แกรู้อะไรอีกไหม ว่าฉันดีใจที่แกไม่ได้เป็นไร. น้ำตาผมคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว มันยิ้มมาให้ผมครับ เป็นวันแรกที่ผมรู้สึกว่ามันไม่ถือโทษในสิ่งที่ผมทำกับมันแล้วมันยิ้ม เพราะทุกทีหน้ามันจะเฉยเสียมากกว่า
ฉันมานี้ เพราะรู้ว่าแกมีเรื่องจะพูดกับฉัน พูดสิฉันอยากฟังเป็นเต้ยพูดพร้อมยิ้มให้กับผม ในตอนนั้นผมตัดสินใจพูดทุกสิ่งกับมันอย่างที่ตนเองตั้งใจ เหมือนกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดกับมันอีกฉันอยากบอกแกเรื่องของแจม ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้แกเสียใจ ฉันอยากบอกแกว่าฉันพยายามห้ามใจแล้ว แต่ทุกครั้งที่ฉันเห็นแจมฉันก็รู้ว่าทำไม่ได้จากนั้นผมก็มองไปที่มัน ใบหน้าของเต้ยยังยิ้มมาที่ผมเหมือนไม่นึกโกรธอะไร จากนั้นผมก็พูดต่อแล้วมองหน้ามัน ฉันอยากจะบอกแกว่า ที่ฉันพูดให้แกไปตาย ฉันไม่ได้ต้องการทำอย่างที่ฉันพูด แต่ ฉันต้องการพูดให้แกฮึดสู้ แล้วปรับเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ แกเข้าใจใช่ไหม ไอ้เต้ย ฉันไม่ได้อยากให้แกตาย ยิ่งตอนที่ฉันไปช่วยแกที่ทะเล แล้วไม่เจอแก ฉันก็รู้ว่าแกสำคัญกับฉันแค่ไหน แกรู้ใช่ไหมไอ้เต้ย แกรู้ใช่ไหมผมเสียงสั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เป็นเต้ยเพื่อนผมก็ยังยิ้มให้ผมอย่างใจเย็น
แล้วพูดกับผมว่า ฉันรู้ เพราะฉันรู้อย่างนี้ ฉันถึงได้มาหาแก และอยากบอกแกว่าแกก็เป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต
จากนั้นมันก็บอกให้ผมกลับบ้าน ก่อนจากกันผมหันไปหามันแล้วพูดกันแล้วเจอกันที่โรงเรียนนะเว้ยมันหันมายิ้ม แต่ไม่พูดสิ่งใด และวันนั้นแจมก็โทรมานัดผมเพื่อพูดเรื่องระหว่างเราเช่นกัน ผมตัดสินใจจะพบเธอในวันรุ่งขึ้น
รุ่งเช้าผมมาที่โรงเรียนด้วยหัวใจที่แสนสุข เพราะได้สารภาพผิดทั้งมวลให้กับไอ้เต้ยแล้วแต่ก็ยังเหลือเรื่องของแจมที่ไม่ได้สะสาง วันนี้แล้วสิทุกอย่างจะจบด้วยดี แต่ทันที่ผมไปถึงโรงเรียนผมก็ไม่พบเป็นเต้ย และทราบข่าวที่ทำให้ผมวูบไปชั่วขณะ
ยังไงหรือครับ ในระหว่างที่ผมกำลังเข้าแถว อาจารย์ก็บอกให้พวกเราทุกคน ไว้อาลัยให้กับนักเรียนที่พึ่งเสียชีวิตเมื่อเย็นวานนี้ เพราะจมน้ำตาย เขาคือเป็นเต้ยเพื่อนชายผมเอง ผมช็อคจนทำอะไรไม่ถูก เหมือนโดนตบหัวอย่างแรง น้ำตาผมไหลไม่รู้ตัว
แล้วเมื่อคืนวานมันคืออะไร แสดงว่าก่อนหน้าที่ผมพบกับเต้ย เขาเสียชีวิตก่อนหน้าผมแล้วหรือ แล้วทำไมผมได้เจอกับเขา แสดงว่าในเขาก็เป็นคิดอย่างนั้นน้ำตาผมก็ไหลริน เพราะผม ผมคนเดียวที่ทำให้ไอ้เต้ยตัดสินใจฆ่าตัวตาย ที่ที่ทำให้ผมกับมันก่อเกิดมิตรภาพในหัวใจ ที่ที่มันตัดสินใจฝังร่างที่ผมเคยล้อมันให้เจ็บช้ำน้ำใจแต่มันก็ไม่เคยกล่าวโทษผมสักนิด แกนี่มันเลวเสียจริง คงไม่มีคำใดในโลกที่จะมาบรรยายถึงความร้ายกาจของผมได้ดีกว่าคำนี้อีกแล้ว
แม้เป็นเต้ยจะให้โอกาสผมได้กล่าวขอโทษเขา แต่ผมจะไม่มีวันให้อภัยให้กับตนเอง ต่อไปนี้เป็นเต้ยคงไม่ต้องทรมานกับวาจาเสียดสีของทุกคนในโรงเรียนอีกแล้ว เขาคงจะพบกับความสุข
ผมตัดสินใจไม่ไปพบแจม ทั้งที่ใจจริงก็ยากลำบาก แต่ผมก็จำต้องตัดใจแล้วเอ่ยกับตนเองฉันทำชีวิตนายต้องมีน้ำตา จากนี้ไปลมหายใจที่เหลืออยู่ของฉันก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากรอยแผลแห่งคราบน้ำตานั้นเช่นกัน
จบ
23 ตุลาคม 2547 21:39 น.
เก่งกาจ
สวัสดีครับ ผมชื่อเป็นเต้ย เป็นเพื่อนกับนายเก่งกาจของคุณ นิสัยของผมละครับ ก็เงียบ ๆ อย่างที่นายเก่งเค้าบอกพวกคุณแหละครับ แต่ผมก็รักเพื่อนมาก มากแค่ไหน ให้พวกคุณเป็นคนตัดสินดีกว่าครับ
ตอนนี้ ผมจะมาเล่าตอนต่อจากที่เก่งกาจเคยเล่าไว้นะครับ ก็หลังจากที่ไอ้เก่งเพื่อนผมมันแกล้งผมจนต้องเข้าโรงพยาบาล มันแกล้งผมยังไง คุณคงทราบดี และก็อยากจะถามผมใช่ไหมว่าผมโกรธมันหรือ เปล่า ผมขอตอบว่า ผมไม่เอาคืนหรอกครับ ทำไมหรือ ครับ ก็ไอ้เก่งมันไม่รู้ว่าวันนั้นผมก็ไม่อยากเรียนเหมือนมัน เลยร่วมมือกับมัน แล้วก็ชักกระแด่ว ๆ อย่างที่คุณเห็นโดยที่มันไม่ต้องเตี้ยมกับผมสักคำ
แ ในใจพวกคุณคงไม่แปลกใจแล้วนะครับ ว่าทำไม เราสองคนถึงยังคบกันได้ ก็แบบว่า ..นะ.เหมือนกัน(กะล่อน เหมือนกันทั้งคู่ อ๊ะ..แต่ผมก็ไม่ยอมให้ใครรู้ไต๋ผมได้เหมือนไอ้เก่งแล้วกัน)
หลังจากที่หมอตรวจอาการผมแล้วเห็นว่าผมไม่เป็นอะไร เราสองคน ก็ออกมารอรถเมล์ที่ป้ายรถหน้าโรงพยาบาล อ้อ..เหตุผลที่ผมอยากโดดเรียน ก็มีอีกข้อครับ คือผมอยากเจอเธอคนนี้ คงแปลกใจละสิว่าคนไหน ?? ก็เป็นคนเดียวกับที่ไอ้เก่งมันเคยเล่าไว้นั่นแหละครับ เธอชื่อแจม ชื่อจริงชื่อจณิสตาเหมือนดาราเลยใช่ไหม ไม่ใช่แค่ชื่อที่เหมือนเท่านั้นนะครับ ความน่ารักของเธอทำให้ผมอยากจะลบปมด้อยของผมเสียให้ได้ ก็อะไรละครับ??? นอกจากไอ้อาการปากเบี้ยวของผม แต่มันก็เป็นข้อดีนะครับ เพราะไอ้ปากที่มันเบี้ยวนี่แหละ เลยได้คะแนนความสงสารมาจากเธอ
ตอนนั้น ขณะที่ผมกำลังรอรถเมล์อยู่ แจมก็ลงจากรถเพื่อจะมาหาพ่อซึ่งเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาล และทันที่ผมเห็นเธอ สายตาผมไม่เพียงหยุดจับจ้องไปที่เธอ แต่ว่าตัวผมมันไม่ขยับไปตามที่ไอ้เก่งมันเรียก เพื่อนผมมันเลยแปลกใจว่าทำไมผมไม่ยอมเดินไปกับมัน แต่ทันทีที่ไอ้เก่งมันเห็นเหรอครับ คุณคิดว่ามันจะทำอย่างไร ??
มันไม่ยอมพลาดโอกาส จนเสียฉายาคาสโนว่าของห้องหรอกครับ มันเดินตามเธอไปทันที ผมเองก็ไม่รอช้า รีบเดินตามมันไปก่อนที่มันจะคว้าสาวที่ผมหมายปอง ไปรับประทาน
แต่ในขณะที่เรากำลังเดินตาม ก็เห็นเธอทำท่าจะหยิบของบางสิ่งดูเหมือนจะเป็นกำไลครับ เธอทำมันหล่นแล้วกำไลก็กลิ้งไปกับพื้น จนเธอวิ่งไล่ตามมัน แต่เธอไม่รู้เลยว่าในขณะนั้นมีรถกระบะคันหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเธอด้วยความเร็วสูง แล้วทันใดนั้นในขณะที่รถกะบะกำลังวิ่งเข้ามาหาตัวเธอ ก็มีใครคนหนึ่งดึงร่างของเธอให้พ้นจากทางรถนั้นอย่างรวดเร็ว พระเอกขี่ม้าขาวนั้นก็คือ ไอ้เก่งครับ .. น่าเสียดายถ้าผมไม่มัวแต่ยืนตะลึงคนที่อยู่ตรงนั้นอาจเป็นผม
แต่เหมือนโชคเข้าข้าง เพราะ ในจังหวะที่ไอ้เก่งมันช่วยแจมนั้น ทั้งสองก็กลิ้งกันไปจนหัวแจมชนฟุตบาทสลบไป แล้วเวลานั้นก็มืดเสียด้วย ครับคุณคงเดาได้ไม่ยาก หลังจากที่พวกผมพาแจมไปรักษากับพ่อของเธอ เธอก็ฟื้น แล้วทันทีที่เธอฟื้น เธอเห็นผมครับ แล้วเธอก็เข้าใจว่าผมช่วยเธอเอาไว้ ส่วนไอ้เก่งมันทำแผลอยู่อีกห้องหนึ่ง
เต้ย เต้ยช่วยแจมไว้หรือแจมถาม แต่เหมือนเธอไม่อยากจะรู้คำตอบเท่าไร พร้อมยิ้มให้ผม เหมือนผมเป็นฮีโร่ในใจเธอก็ไม่ปาน เธอน่ารักนะครับคุณ เวลายิ้มแก้มเธอแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ ตาเธอก็สวยราวกับลูกกวาง เวลานี้เธอตัดผมม้ายิ่งเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นมาก ผมก็อยากจะปฏิเสธว่าไม่ใช่คนที่ช่วยเธอไว้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าพูดออกไป อาจเป็นเพราะอยากให้เธอรู้สึกว่าผมกล้าหาญเหมือนกับลูกผู้ชายคนอื่นบ้างในสายตาเธอ ผมคิดในใจว่าเรื่องราวทั้งหมดให้ไอ้เก่งเพื่อนผมมาเล่าให้ฟังแล้วกัน
จากนั้นไม่นานไอ้เก่งมันก็เดินเข้ามา น่าแปลกนะครับที่มันไม่พูดความจริงว่าเป็นอย่างไร แถมมันยังไปด่าให้เขาเกลียดขี้หน้าอีกทำไมถึงไม่ระวังตัว!!! คิดว่าตัวเองกระดูกเหล็กหรือไง ยัยบ้า !! ถ้าเพื่อนฉันไม่ไปช่วยเธอ ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไร!! มันยกความดีความชอบทั้งหมดให้ผมครับ ผมมองหน้ามันที่ตอนนี้เคร่งขรึม จนแจมนิ่งไปเลย ที่นิ่งไม่ใช่เพราะกลัวหรอกครับ แต่แจมเค้าไม่ชอบให้ใครมายืนว่าเธอปาว ๆอย่างที่มันทำ มันไม่มีมารยาท แหมก็พ่อเธอนอกจากเป็นหมอ แล้วก็ยังรวย ก็เลยติดนิสัยคุณหนูมาเป็นธรรมดา แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค ที่จะทำให้ผมรักเธอน้อยลง
หลังจากวันนั้นผมกับแจม เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเรื่อยมา แจมมักจะมาปรึกษาผมเรื่องเรียน แต่ไม่รู้ทำไม เธอชอบที่จะเข้ามาตอนที่ผมกำลังนั่งติวให้ไอ้เก่งมัน แล้วไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ต้องทะเลาะกันเหมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมามาสัก สามสี่ชาติ ไอ้เก่งมันเคยถามว่าผมรู้จักกับแจมมาก่อนหรือ ผมก็ยอมรับ แล้วบอกว่าแจมคือผู้หญิงที่ผมแอบชอบมานาน และตั้งแต่มีแจม ทุกครั้งที่ผมพบแจม ผมรู้สึกเหมือนชีวิตมันสดใสขึ้น ไม่เฉื่อยชา เซื่องซึมอย่างที่เพื่อน ๆคนอื่นเห็นกันอยู่ทุกวัน ไอ้เก่งมันได้ยินอย่างนั้นมันไม่พูดอะไรสักคำ แต่หลังจากวันที่มันถามผม พอมันเจอหน้าแจมที่ไร มันจะหาเรื่องพร้อมทั้งกล่าววาจาสามหาวใส่แจมสารพัด จนผมรู้สึกได้แล้วว่าทั้งคู่ ต้องไม่ชอบหน้ากันอย่างแรง
วันหนึ่ง ผมนัดกับไอ้เก่งไว้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นเงามันเสียที่ ผมเลยแปลกใจ ไปตามหามันเสียทั่วแล้วผมก็เข้าใจทุกสิ่ง ที่ผมเคยคิดว่าผมเข้าใจแล้ว แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักนิด
ผมหลงกลเค้าสองคน เค้าสองคนปั่นหัวผม ผู้หญิงที่เปรียบเสมือนแสงสว่างในใจของผม เปรียบเสมือน สายน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจผมให้กลับมามีชีวิตได้เหมือนคนอื่น ๆ กับเพื่อนที่ผมคิดว่ามันคือเพื่อนตายเพียงคนเดียว ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยผมทั้งที่มันก็เอาตัวเองแทบไม่รอดในวันที่ผมจะจมน้ำตาย
ทั้งสองคนทำอะไรหรือครับ ในโลกนี้จะมีสิ่งใดทำให้ผมเจ็บปวดไปได้มากกว่าเห็นคนสองคนนี้ยืนจูบกันอย่างดูดดื่ม ณที่ที่ผมเคยจะจมน้ำตาย เค้าสองคนรักกัน..ผมก็ยินดีครับ ผม ผมยินดีจริง ๆ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสองต้องหลอกผม ถึงปากผมมันจะเบี้ยวแต่ผมก็มีหัวใจ แม้ผมไม่แสดงความรู้สึก แต่ผมก็เจ็บเป็น ถ้าผมสามารถควักหัวใจดวงน้อยของผมมาให้ทุกคนดูได้ คุณจะรู้ว่าตอนนี้มันแหลกสลายเพียงใด แหลกสลายไปพร้อมกับมิตรภาพและความรัก อันจอมปลอมของทั้งสองคนที่ผมไว้ใจ
อยากรู้เสียจริง ๆ ว่าทั้งสองคน คิดอะไรอยู่ เคยเห็นผมเป็นเพื่อนบ้างไหม การที่ไอ้เก่งมันเรียก ผมว่าไอ้เบี้ยว มันยังไม่ทำให้ผมเจ็บช้ำใจ ได้กว่าการทรยศความไว้วางใจทั้งหมดที่ผมมีให้กับมัน แต่มันก็คงไม่สนใจผมหรอกครับคุณ ผมก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งที่มันหลอกใช้เท่านั้นเอง ไม่ว่าผมจะพยายามเป็นเพื่อนที่ดีต่อมันแค่ไหน มันก็คงไม่ซาบซึ้งไปถึงใจกลางหัวใจหรอกครับ
ผมตัดสินใจไปรอมันอยู่ที่ผมนัดกับเก่งไว้ แล้วเก่งไม่ยอมมา แต่ไม่อยากเชื่อครับ มันมา ตามที่ผมนัดไว้ ผมเดินเข้าไปหามัน แต่มันเหมือนไม่รู้ถึงความผิดปกติ และความปวดร้าวทั้งมวลในใจของผม ผมยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูเศร้าหมองเสียจริงในความคิดผมแต่ไอ้เก่งมันก็ไม่รู้หรอกครับ หน้ามันยังกวนทะเล้นเหมือนเดิม แล้วผมก็ถามมันว่าฉันเห็นหมดแล้วละ ฉันเห็นแกจูบกับแจม แกผมหยุดไปนิดหนึ่งแล้วมันก็ตกใจมากที่ผมรู้แกกับแจมรักกันใช่ไหมจากนั้นผมรู้ตัวว่าน้ำเสียงผมเข้มขึ้นด้วยความโกรธถึงฉันจะไม่เคยขอสัญญาว่าไม่ให้แกยุ่งกับแจม แต่แกก็น่าจะรู้ดีว่าฉันรักแจมมากแค่ไหน แล้วทำไม่ ทำไมละผมถามมันอย่างปวดร้าว ทำไมแกต้องทำกับฉันอย่างนี้น้ำตาของผมหลั่งรินลงมา ตายังคงมองมาที่มันอย่างแค้นเคืองระคนผิดหวัง มันอึ้งครับ ผมอยากจะฟังคำขอโทษจากมัน แต่สิ่งที่ผมได้มาคือ
แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงฮึ ไอ้เต้ย ฉันยอมเปิดโอกาสให้นายแล้ว แต่แจมเค้าก็ชอบฉัน แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ถ้าอยากให้แจมเค้ารัก ก็ปรับปรุงตัวเองเสียใหม่สิ ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นเด็ก ๆอย่างนี้ ผู้หญิงที่ไหนเค้าจะยอมสนใจคนอย่างแกกันเล่า พูดจบมันก็เดินจากไป แต่ผมก็ถามมันต่อว่า เดี๋ยว!!วันนั้น แกช่วยชีวิตฉันไว้ทำไม แกคงอยากเก็บฉันไว้ เพื่อหักหลังฉันในวันนี้ใช่ไหม???มันหันหน้าแล้วบอกกับผมว่าถ้าแกไม่เห็นคุณค่าของมัน แกอยากไปตายที่ไหน ก็ไปเลยไปแล้วมันก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมอึ้งสนิทกับพูดที่แสนจะเฉือดเฉือนของมัน พวกคุณ..คิดเห็นกันว่ายังไงละครับ นี่ผมผิดใช่ไหมที่อยู่รอดปลอดภัย สร้างความรำคาญใจให้กับทุกคนมาถึงวันนี้ ทำไมพวกคุณไม่ตอบผมละครับ พวกคุณไม่ตอบผมก็ทราบดีครับ ผมทราบแล้ว ผมพึ่งประจักษ์วันนี้เองว่าไม่ควรมีลมหายใจอยู่เพื่อใครอีกแล้ว เพราะชีวิตผมมันไร้ค่าเหลือเกิน.
โปรดติดตามอ่านตอนจบค่ะ