16 กันยายน 2550 15:18 น.
เก็จถะหวา
คนมีคู่รู้อยู่ก็ยังรัก
ต้องปกปักครอบครัวเธอก็เห็น
ไม่เข้าใจเลยหนาแม่เนื้อเย็น
หรือจะเป็นรองเขาเศร้ากะไร
ลูกเมียเขาเขานั้นก็สุดรัก
มอบใจภักดิ์รักเล่นหรือไฉน
คนเขามีเจ้าของต้องหลีกไกล
ขออย่าให้ตัวเจ้าเข้าพัวพัน
ฉันแอบเห็นน้ำตาเธอรินไหล
เขาคงไม่มาหาตามที่ฝัน
เจ้าของเขาห่วงหวงตามกักกัน
ล้อมกรอบกั้นเอาไว้ไม่ให้เจอ
เขารักเธอก็รู้เพราะใกล้ชิด
ลืมถูกผิดอ่อนเปลี้ยตอนเมียเผลอ
ชายเจ้าชู้หว่านคำพร่ำรักเธอ
อย่าหลงเพ้อหลงเงาเศร้าไปไย
รักทำไมให้ใจเราว้าวุ่น
รักไม่อุ่นอย่างคิดจิตหวั่นไหว
รักไม่แน่แปรเปลี่ยนตลอดไป
รักทำไมให้ช้ำกับชีวี
ป่วยการรักไร้ค่าอย่าเลยเถิด
เดี๋ยวจะเกิดปัญหาพาหมองศรี
กลับใจเถิดฟ้าอภัยให้คนดี
เลิกเสียทีเถิดหนอทรมาน
จากบทเพลง รักเขาทำไม คลิกดูเนื้อเพลงได้ที่นี่
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ainne&month=05-2007&date=14&group=5&gblog=83
15 กันยายน 2550 21:19 น.
เก็จถะหวา
เมื่อเธอฉันมั่นใจร่วมในรัก
สุขใจนักความรักช่างยิ่งใหญ่
แสงอาทิตย์ลาลับดับมืดไป
แสงรักไซร้ส่องทิวาแลราตรี
เธอและฉันรวมกันในวันใด
ยามมีใครเคียงข้างช่างสุขี
นางพญารักคนป่าช่างแสนดี
สวรรค์มีจริงแท้แน่นิรันดร์
ได้ตระหนักในค่าแห่งความรัก
ได้ประจักษ์ความดีที่เคยฝัน
จักถนอมรักนี้ชั่วชีวัน
ต่างรำพันชื่นสุขทุกค่ำคืน
อนิจจาความฝันนั้นสลาย
ก็เป้าหมายเธอนั้นเป็นคนอื่น
ไม่มีรักยิ่งใหญ่ที่ยั่งยืน
ฉันต้องฝืนข่มใจเธอไม่แล
จากเนื้อเพลง
ความรัก รวมตัววันใด
ดวงอาทิตย์ยิ่งใหญ่ ยังเล็กกว่าเสี้ยวธุลี
อาทิตย์ สิ้นแสงยามราตรี
แสงรักสว่างทุกที่ ไม่มีราตรีทิวา
เธอฉัน รวมกันวันใด
รวมความรักยิ่งใหญ่ ใครเห็นจะต้องปรีดา
เธอสวย งามเหมือนนางพญา
ยอมรับรักคนป่าน่าบูชาน้ำใจ
โอ้ความฝัน ไม่ใช่ความจริง
สายตาเธอกลิ้ง มองผ่านฉันไป
ฉัน เหมือนผ้าฝ้าย เธอผ่านไปมองผ้าไหม
ชาตินี้ รักยิ่งใหญ่ จึงไม่เคยมี
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nilz&month=28-08-2007&group=30&gblog=268
14 กันยายน 2550 19:10 น.
เก็จถะหวา
กินอยู่อย่าง เรียบง่าย คล้ายเก่าก่อน
เราหลับนอน ฝันดี มีความหมาย
เป็นชาวนา หน้าดำ เดินตามควาย
สุขสบาย มิกังวล เรื่องจนมี
ทำงานที่ สัมมา หาเลี้ยงชีพ
ไม่เร่งรีบ แข่งขัน ชั้นศักดิ์ศรี
ปลูกผักไว้ รอบบ้าน เหมือนของฟรี
รั้วกินได้ สดดี มีวิตามิน
ทั้งปลอดสาร ปลอดภัย ไม่ต้องซื้อ
นี่แหละคือ พึ่งตน คนท้องถิ่น
เศรษฐกิจ พอเพียง เลี้ยงชีวิน
อย่าดูหมิ่น ไร่นา มีมานาน
ชีวิตคน จนมี ล้วนสมมุติ
หากรู้หยุด พอเพียง เลี่ยงร้าวฉาน
แบ่งกันกิน กันใช้ สุขสำราญ
ไม่ต้องการ สุขใด ไหนอีกเลย
14 กันยายน 2550 07:52 น.
เก็จถะหวา
หอมกลิ่นแก้วราตรีที่กลางสวน
จิตรัญจวนป่วนปั่นใจฉันเศร้า
คืนจันทร์หม่นที่นี่เคยมีเรา
ยิ่งหงอยเหงาย้ำใจให้ร้าวราน
เธออยู่ไหนยามนี้มีบ้างไหม
ยังอ่อนไหวคิดถึงซึ้งคำหวาน
รสรักชื่นสุขใดไม่เปรียบปาน
แว่วแว่วผ่านยังหวนทวนตามลม
วันฟ้าหม่นฝนพรำน้ำตาตก
ในหัวอกสะท้อนนอนขื่นขม
คนเคยรักกลับกลายไม่ชื่นชม
ร้างรักล่มลาไกลใจอาวรณ์
จากวันนั้นจวบวันนี้ที่ใจเหงา
ฝืนทนเอางานอยู่เป็นคู่สอน
ทำทำทำต่อสานงานทุกตอน
ผลก่อย้อนกลับมาน่ายินดี
คงยินดีกับตนเองอย่างเอกา
คนเหว่ว้าเงียบเหงาเขาหลีกหนี
จะมีใครเมตตาและปราณี
มอบใจที่จริงจังมายังเรา
ปลอบใจตนเช่นคนที่หาญกล้า
ขอใจอย่าอ่อนแรงและขลาดเขลา
ก็แค่นี้ทนฝืนชื่นสุขเอา
ขอเพียงเราเลิกฝันนั้นก็พอ...................
13 กันยายน 2550 23:07 น.
เก็จถะหวา
โลกมนุษย์เปลี่ยนไปไม่ยั้งหยุด
รีบเร่งรุดพัฒนาพาสดใส
ทางสังคมวัตถุก้าวหน้าไกล
คนรุ่นใหม่ไฮเทคด้วยเทคโนฯ
ธรรมชาติโลเลไม่เหมือนก่อน
ขาดขั้นตอนหมุนเวียนเปลี่ยนอักโข
น้ำท่วมท้นบ้านเมืองกันใหญ่โต
ไม่อาจโต้ป้องกันอันตราย
ถ้าไม่เร่งซ่อมแซมนั้นคงแย่
คนเอาแต่มุ่งผลจนเสียหาย
อากาศน้ำอาหารคงวอดวาย
ล้วนกลับกลายเป็นพิษลองคิดดู
มาช่วยกันคืนสู่ธรรมชาติ
ช่วยชีวาตม์โลกไว้ให้คงอยู่
มีภูเขาต้นไม้ไว้ชื่นชู
ปรับสมดุลย์กอบกู้โลกของเรา