30 พฤศจิกายน 2549 08:43 น.
อ.วรศิลป์
ขอบคุณด้วยจริงใจ ทุกสายใยใจที่มี
ขอบคุณมิตรไมตรี จากทุกที่จากทุกคน
ข้อความที่ขีดเขียน ด้วยความเพียรที่หวังผล
ร้อยเรียงจากใจตน สู่ใจชนด้วยศรัทธา
เกิดมาแล้วคราหนึ่ง คิดให้ซึ้งถึงคุณค่า
ถึงคราวกล่าวคำลา ดินกลบหน้า...คนอาลัย
ร่องรอยแห่งชีวิต จากห้วงจิตคิดฝากไว้
จรรโลงงามความเป็นไทย จารึกไว้ให้แผ่นดิน
** ด้วยความขอบคุณยิ่ง **
29 พฤศจิกายน 2549 09:27 น.
อ.วรศิลป์
ท่ามกลางผู้คนมากมายในชุดดำที่เดินขวักไขว่
ชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งสงบนิ่งอยู่ที่มุมศาลา
บนตักของเขามีเด็กน้อยผู้หนึ่งหลับอยู่
ดวงตาบอบช้ำและแดงก่ำซุกซ่อนอยู่หลังแว่นดำที่เขาสวมใส่
ริมฝีปากปิดสนิท ไร้ซึ่งสุ้มเสียงเสวนากับผู้คน
ท่าทีขึงขังและเงียบขรึมทำให้มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยทักทาย
หลายคนกระซิบกระซาบและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา
ท่ามกลางเสียงอึกทึกและโกลาหล
ภายในจิตใจของชายหนุ่มกลับสงบนิ่ง
ภาพอดีตพรั่งพรูอุบัติในความทรงจำ
ชายหนุ่มพึมพำพูดกับพ่อของตนเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณของพ่อจะมอดไหม้
เป็นเถ้าธุลีในอีกไม่กี่อึดใจ
*****************
จำได้เมื่อวัยเยาว์ เคยปวดร้าวไม่เข้าใจ
เคยคิดเคยสงสัย พ่อทำไมไม่รักฉัน
น้ำเสียงและแววตา ทุกครั้งคราช่างดุดัน
พ่อเรียก...ฉันตัวสั่น งกเงิ่นพลันหวาดหวั่นกลัว
ผิดนิดหรือผิดหน่อย ไม้เรียวคอยกระหน่ำหัว
เจ็บช้ำไปทั้งตัว ริ้วรอยทั่วเพราะไม้เรียว
เข้มงวดเสียทุกอย่าง จะก้าวย่างต้องคอยเหลียว
เสียงดังแค่นิดเดียว ก็โกรธเกรี้ยวจนถอดใจ
ใช้งานฉันทุกสิ่ง ต้องรีบวิ่งช้าไม่ได้
พลาดผิดของเสียหาย พ่อบ่นได้วันทั้งวัน
โธ่เอ๋ย อนิจจา ฉันเกิดมาทำไมกัน
ในเมื่อไม่รักฉัน แล้วไยกันให้เกิดมา
บังคับและเคี่ยวเข็ญ ทั้งเช้าเย็นให้ศึกษา
ท่องบ่นอ่านตำรา ฉันระอาเบื่อเต็มที
สูตรคูณเริ่มแม่สอง พรุ่งนี้ต้องแม่สามสี่
ลายมือต้องให้ดี อย่าให้มีรอยด่างดำ
เสื้อผ้าต้องสะอาด บ้านต้องกวาดเป็นประจำ
เข้านอนแต่หัวค่ำ มิหนำซ้ำต้องสวดมนต์
ฝนตกฟ้าคะนอง ฉันก็ต้องรองน้ำฝน
เหน็บหนาวก็ต้องทน ปากห้ามบ่นมือทำไป
*********************
วันเดือนเลื่อนผันผ่าน จนฉันนั้นเป็นผู้ใหญ่
ย้อนหลังยังฝังใจ คราวถูกไม้เรียวไล่ตี
วันนี้สิ้นสงสัย ทุกสิ่งไซร้เพราะหวังดี
เคลือบแคลงที่เคยมี มาบัดนี้กระจ่างใจ
ไม่ใช่พ่อไม่รัก แต่พ่อหักฝืนทำไป
หวังเพียงฉันเติบใหญ่ ยืนหยัดได้ไม่อายคน
พ่อจ๋าลูกขอโทษ ที่เคยโกรธคราถูกบ่น
ลูกอยู่เป็นผู้คน ก็ไม่พ้นเพราะไม้เรียว
คนอื่นกี่หมื่นล้าน จะใครกันที่แลเหลียว
เพียงพ่อแต่ผู้เดียว ที่ขับเคี่ยวจนได้ดี
วันนี้ขอสัญญา จะรักษาซึ่งศักดิ์ศรี
จะทำแต่ความดี สมกับที่พ่อตั้งใจ
ชาติหน้าถ้ามีจริง ลูกหวังยิ่งขอแก้ไข
ขอเกิดกำเนิดใหม่ เป็นลูกชายพ่ออีกครา (สาธุ)
** วรรณกรรมเพื่อพ่อ **
27 พฤศจิกายน 2549 08:54 น.
อ.วรศิลป์
ดึกสงัด...ชายสูงวัยผู้หนึ่งยังคงนั่งอยู่นอกชาน
บรรยากาศภายนอกเงียบสงบ
แต่ภายในจิตใจเขากลับมิเป็นเช่นนั้น
เรื่องราวมากมายวนเวียนอยู่ในห้วงคิดคำนึง
พร้อม ๆ กับคำถามที่ดูเหมือนไร้คำตอบอีกหลายข้อ
ภาพอดีตตอกย้ำให้เขายิ่งเจ็บปวด
ความรักของเขาดูไร้ค่า...เมื่อผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขไม่เข้าใจและต่อต้าน
ความรู้สึกเก็บกดภายในพรั่งพรูลงบนกระดาษแผ่นน้อยในมือ
ก่อนจะเดินเอาไปแปะไว้ที่หน้าห้องลูกชาย
*********************
อาจจะดูเหินห่างเป็นบางครั้ง
อาจจะดูจริงจังเป็นบางหน
อาจจะดูเกรี้ยวโกรธไม่อดทน
อาจจะดูชอบบ่นสับสนความ
อาจจะดูไม่รักเจ้าเท่าก้บแม่
อาจจะดูไม่แยแสแม้ไต่ถาม
อาจจะดูเอาแต่ใจไม่ได้ความ
อาจจะดูว่าบุ่มบ่ามวู่วามเกิน
แต่ที่จริงพ่อแสนห่วงเจ้าดวงขวัญ
อีกรักมั่นพ่อนั้นไซร้ใช่ผิวเผิน
แม้บางคราวดูราวกับหมางเมิน
แต่ที่จริงห่วงเหลือเกินเจ้าลูกยา
เหตุด้วยเจ้าคือเลือดเนื้อคือชีวิต
คือดวงจิตคือทุกสิ่งของพ่อหนา
คือหัวใจคือสายเลือดคือแก้วตา
สิ่งล้ำค่าที่ค้ำจุนหนุนชีวี
พ่อหวังว่าสักวันเจ้าจะเข้าใจ
ครั้นเติบใหญ่คงประจักษ์เป็นสักขี
เข้าใจรักความอาทรและหวังดี
ที่พ่อนี้พลีเพื่อเจ้าแต่เยาว์วัย
แม้จะดูเหินห่างบ้างเป็นบางครั้ง
แม้จะดูขึงขังไม่สดใส
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด
อยู่ที่ใจพ่อรักเจ้า....เนานิรันดร์
**************************
เขาเหลือบมองกระดาษแผ่นน้อยนั้นอีกครั้ง
มือทั้งสองยกขึ้นอธิษฐานขอให้ลูกชายเข้าใจเขา....สักวันหนึ่ง
และแล้วประตูห้องนอนก็ถูกปิด
พร้อม ๆ กับเสียงถอนหายใจที่ทอดยาว
** วรรณกรรมเพื่อพ่อ **
20 พฤศจิกายน 2549 11:29 น.
อ.วรศิลป์
สองมือพ่อโอบอุ้มคุ้มสยาม
ทั่วเขตคามยามมีภัยพ่อไปถึง
สองเท้าพ่อมิเคยหวั่นหรือพรั่นพรึง
หวังเพียงถึงเพื่อปัดเป่าเหล่าเพทภัย
หนึ่งใจพ่อที่มีพลีเพื่อลูก
พ่อพันผูกลูกยิ่งกว่าสิ่งไหน
พ่อคือร่มฉัตรทองของผองไทย
แผ่ก้านใบให้ร่มเงาเนาเนิ่นนาน
หกสิบปีที่ผ่านไปให้สำนึก
ขอจารึกไว้กับตัวชั่วลูกหลาน
น้ำพระทัยอันกว้างใหญ่กว่าสายธาร
ขอสืบสานงานต่อเพื่อพ่อไทย
ให้สิ่งที่พ่อหวังได้สำเร็จ
แม้นเหนื่อยเหน็ดก็มิพรั่นหรือหวั่นไหว
ถวายพ่อซึ่งความดีที่ตั้งใจ
หนึ่งลูกไทยขอก้าวย่าง....ทางพ่อเดิน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
(วรรณกรรมเพื่อพ่อ)
20 พฤศจิกายน 2549 10:04 น.
อ.วรศิลป์
พ่อคือชายคนแรก หน้าตาแปลกที่ลูกเห็น
เลือนลางไม่ชัดเจน กระเซ้าเล่นคอยเอาใจ
คนนี้คือใครหนอ พะเน้าพะนอเคล้าคลอใกล้
ลืมตาตื่นเมื่อใด จะต้องได้เห็นหน้าตา
หนวดเคราก็รุงรัง ดูขึงขังในทีท่า
หอมแก้มทุกครั้งครา ฉันหลบหน้าพัลวัน
แม่สอนฉันเรียก " พ่อ " พ่อนั้นหนอคือใครกัน
เกี่ยวอะไรกับตัวฉัน ณ ตอนนั้นไม่เข้าใจ
จนฉันเริ่มชินตา มีพ่อยาอยู่เคียงใกล้
โอบอุ้มและแกว่งไกว น้ำเสียงใสกล่อมให้นอน
คืนเดือนเลื่อนผ่านไป สัมพันธ์ใจเกินไถ่ถอน
ความรักความอาทร ส่องสะท้อนความผูกพัน
สิ้นแล้วซึ่งกังขา พ่อนั้นหนาคือใครกัน
พระคุณล้นอนันต์ ชีวิตฉันพ่อให้มา
คือชายผู้อุทิศ ทั้งชีวิตเพื่อลูกยา
รักล้นพ้นเขตฟ้า กรุณาและปรานี
วันนี้พ่อยังอยู่ เดินเคียงคู่บนวิถี
เมตตาและอารี ที่เคยมีมิเคยจาง
เพื่อฉันพ่อให้ได้ ทั้งใจกายให้ทุกอย่าง
พสุธานภากว้าง เทียบยังห่างไกลพระคุณ
นอกจากให้ชีวิต ยังตามติดคอยเกื้อหนุน
อุปถัมภ์และค้ำจุน ฉันอบอุ่นสุขสบาย
*******************
วันนี้ขอทดแทน รักที่แสนสุดบรรยาย
ผ้าเหลืองจะห่มกาย ขอบวชให้....ทดแทนคุณ
(วรรณกรรมเพื่อพ่อ)