19 กุมภาพันธ์ 2555 17:40 น.

เป็ดไล่ทุ่ง

อิสรชัย รัตน

เป็ดไล่ทุ่ง
                                                                                                                        
	ถนนฝุ่นลูกรังเส้นนี้เชื่อมต่อจากถนนสายหลักที่เป็นถนนคอนกรีตอย่างดีเป็นเส้นทางสัญจรของผู้คนที่ผ่านมาใน พื้นที่แถบนี้  เพิงที่พักที่ตั้งอยู่ข้างกลางทุ่งข้างทางเป็นทั้งที่ทำงานและที่พักผ่อนหลับนอนหลังเสร็จสิ้นงานประจำวันของเด็กหนุ่มวัยก่อนเกณฑ์ทหารที่เดินทางมาจากที่ราบสูง  การเดินทางออกจากบ้านในวันนั้นมีความคิดเดียวคือการหางานทำ  จนมาลงรถประจำทางที่ชลบุรีแล้วเดินลัดเลาะสอบถามผู้คนที่พบระหว่างเดินหางานทำจากในเมืองจนเดินออกมานอกเมืองและถึงเพิงพักที่กลายเป็นที่ทำงานในกาลต่อมา
	ลุงที่พักอยู่ในเพิงแห่งนี้ไล่ต้อนฝูงเป็ดจากทุ่งที่อยู่ติดกับเพิงพัก  จำนวนเป็ดที่ไล่ต้อนนั้นมีจำนวนมากทีเดียวแต่ความสามารถในการไล่ต้อนให้เป็ดเข้าไปอยู่ในรั้วตาข่ายนั้นถือว่าทำได้อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์อย่างชำนาญ  เป็ดไม่น้อยกว่าสองพันตัวเข้าไปอยู่รวมกันที่ลุงทำตามหน้าที่ทุกวัน  แต่วันนี้ลุงแปลกใจที่เห็นเด็กหนุ่มสองคนที่มีเพียงชุดเดินทางอยู่เพียงชุดเดียว ไม่มีเสื้อผ้าอื่นติดตัวนอกจากผ้าขาวม้าที่คาดเอว  หลังซักถามจนรู้ที่ไปที่มานั้นแหละเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็มีที่นอนในเพิงพักพร้อมลุงและอาหารที่ได้รับการจุนเจือจากลุงในวันนั้น และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งของเด็กหนุ่มทั้งสองคน
	พรุ่งนี้ ข้าจะบอกเอียให้รับพวกแกทั้งสองคนช่วยทำงานที่นี้  เมื่อสอนจนเป็นงานแล้วข้าจะกลับบ้านต่างจังหวัดเสียที
	อ้าวทำไมล่ะลุง พวกผมไม่ได้มาแย่งงานลุงนะ
	ลุงบอกเอียไว้นานแล้ว ถ้ามีคนมาแทนและดูแลได้ลุงจะได้กลับบ้านเสียที
	นั้นคือสิ่งที่รับรู้และหลังจากนั้นอีกสิบห้าวันลุงก็เดินทางจากไป  ทิ้งให้ผมและเพื่อนรับหน้าที่ดูแลเป็ดไล่ทุ่งแทนลุง  ผมและเพื่อนอยู่อย่างประหยัดเงินที่ได้รับจากเอียนายจ้างวันละร้อยบาทต่อคน ล้วนต้องใช้จ่ายกันอย่างประหยัด เสื้อผ้าที่มีคนละชุดก็ค่อยมีเพิ่มขึ้นเมื่อเอียซื้อมาให้โดยหักเงินจากค่าจ้างรายวันอีกวันละยี่สิบาทจนกว่าจะครบจำนวนเงินที่จ่ายไปกับเสื้อผ้าคนละสามชุด  
	แปลกแต่จริงนี่คือชีวิตเริ่มต้นของสง่าชายหนุ่มที่มีแต่ความคิดอยู่ในหัวตามคำสั่งสอนของแม่ว่าเราต้องซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ทุกเช้าการเก็บไข่เป็ดที่อยู่ในเล้าขนาดใหญ่เป็นสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะต้อนเป็ดให้ออกไปหากินในท้องทุ่งและแหล่งน้ำที่ขุดไว้เป็นบึงขนาดใหญ่  ช่วงสายเอียจะมาขนไข่เป็ดไปส่งที่ตลาดทำอยู่อย่างนี้จนรู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นเริ่มต้นและจบลงอย่างไร  แต่จากจำนวนเป็ดที่มีหนาแน่นนั้นทุกวันจะมีเป็ดตายอันเกิดมาจากการเหยียบกันแล้วแต่เหตุการณ์  ถ้าคืนไหนเป็ดตกใจจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งเช้ามามีซากเป็ดที่ตายมากว่าปกติ  การขายซากเป็ดนั้นเอียจะนำไปส่งที่ตลาดพร้อมไข่เป็ดทุกวัน ราคาซากเป็ดที่เอียนำส่งนั้นตกตัวละยี่สิบห้าถึงสามสิบบาท

	อาคมเพื่อนของสง่ามองเห็นช่องทางในการหารายได้  ในการขายซากเป็ดที่ตาย แทนที่จะเก็บซากเป็ดส่งให้เอียทุกตัวก็แอบเอาไว้บ้างเพื่อนำไว้ขายเอง เพราะอาเอียไม่มีทางจะรู้หรอกว่าเป็ดตายวันละกี่ตัว  เพราะมีรถรับซื้อซากเป็ดเข้ามารับซื้อถึงพื้นที่ทุกวันเพียงเท่านี้รายได้ย่อมเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน  ค่ำวันนั้นอาคมจึงปรึกษากับสง่าเพื่อแบ่งปันรายได้จากการขายซากเป็ด  แต่สิ่งที่อาคมหวังนั้นสง่าไม่เห็นด้วยเพราะเป็นการเบียดบังผลประโยชน์ของนายจ้างเป็นการทำในสิ่งที่ไม่ต้องถูก  
	อาคมมองหน้าเพื่อนแล้วส่ายหน้าที่ความคิดของเพื่อนไม่ตรงกับความคิดของตน ผลประโยชน์มองเห็นอยู่ตรงหน้าทำไมถึงโง่ขนาดนี้  เมื่อเพื่อนไม่ร่วมมืออาคมจึงเกิดแนวคิดที่จะทำคนเดียวเพียงแต่ขอให้เพื่อนอยู่เฉยๆ อย่าพูดมากไป  ซึ่งสง่าก็ไม่ได้สนใจยังคงทำหน้าที่ของตนเช่นเดิม  
	หลังจากนั้นอาคมมีเสื้อผ้าใส่ที่หลากหลายมากขึ้น สีสรรของเสื้อเปลี่ยนไปต่างจากสง่าที่ยังคงมีเสื้อผ้าไม่กี่ตัวอยู่เช่นเดิม  เอียมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความครุ่นคิดแต่ไม่ได้สอบถามจากใครคนใดคนหนึ่ง  
******************
	รถมอเตอร์ไซดที่รับซื้อซากเป็ดบีบแตรเป็นสัญญาณเสมือนบอกให้รู้ว่ามีซากเป็ดเชิญนำมาขาย   แต่เสียงแตรที่ส่งสัญญาณวันนี้ไม่คุ้นหูของสง่ามากนัก  แต่สิ่งที่สง่าเห็นก็เป็นเช่นทุกวันที่ผ่านมา  อาคมจะรีบนำซากเป็ดที่ซุกซ่อนเอาไว้จากการไม่ส่งให้เอียครบจำนวนเช่นทุกวัน 
	อาคมนำซากเป็ดไปที่รถมอเตอร์ไซด์  ที่ท้ายรถมีเข่งบใบใหญ่สำหรับใส่ซากเป็ดที่รับซื้อ วันนี้มีจำนวนห้าตัว อาคมส่งเสียงบอกขณะที่นำเป็ดไปถึง
	ห้าตัว  ตัวละยี่สิบบาท ก็เป็นหนึ่งร้อยบาท คนรับซื้อพูด
	ครับ  หนึ่งร้อยบาท อาคมพูดขณะที่เดินมาถึงรถมอเตอร์ไซด์  แต่เป็ดทั้งห้าตัวก็หล่นกองอยู่ที่พื้นไม่ถึงมือผู้รับซื้อแต่อย่างใด นอกจากเสียงที่แหบแห้งหลุดออกมาจากลำคออย่างยากเย็น อาเอีย  อาคมพูดจบก็ทรุดนั่งกองอยู่ที่พื้น
	ลื้อทำอย่างนี้ทำไม นั้นคือสิ่งที่อาเอียถามและเรียกให้สง่าขึ้นจากทุ่งมาให้สอบถามทันที
	ลื้อทำอย่างนี้ทำไม สง่า เอียถามกว่าที่สง่าจะอธิบายให้เข้าใจก็ใช้เวลาไม่น้อย    ว่าได้ตักเตือนแล้วแต่ไม่เชื่อฟัง จึงไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะนี้ก็คือเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน เมื่อเป็นอย่างนี้ผมยินดีขอให้ดำเนินการกับผมได้เพราะรู้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องแต่ไม่บอกกล่าวให้เอียได้รับรู้
	เอียมองสง่าที่ก้มหน้านิ่งหลังพูดจบ  ซึ่งสิ่งที่เอียสงสัยมาตลอดว่าสง่าคงไม่มีส่วนในการทำด้วยนั้นคงเป็นจริงเพราะสง่ายังคงเป็นสง่าที่ยากจนอย่างเดิม ต่างจากอาคมที่มีเสื้อใหม่ใส่มากขึ้น 	สง่าไม่ผิดหรอก ผมผิดเอง ผมเป็นคนที่ไม่ให้สง่าเข้ามายุ่งในสิ่งที่ผมทำ เอียจัดการผมคนเดียว สง่าไม่เกี่ยว อาคมยอมรับอย่างลูกผู้ชายในส่งที่ตนเองทำ
	เอีย อย่าส่งอาคมเข้าคุกเลยนะให้โอกาสมันเถอะ สง่าพูดร้องขอต่อเอีย
	หลังจากนั้นสง่าอยู่เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งเพียงคนเดียวส่วนอาคม  เอียไม่เอาโทษตามที่สง่าร้องขอ  เด็กหนุ่มทำหน้าที่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยและพยายามบอกให้เอียรับคนมาเพิ่ม ซึ่งแม้เอียจะรับปากแต่งานเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง ไม่ใช่งานที่น่าสนใจสำหรับคนทั่วไป  สง่ารับรู้ในสิ่งนี้ได้เป็นอย่างดี
	สิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่สง่ารับรู้ได้คือลูกสาวของเอียได้มาขลุกที่นี้ดูแลการทำงานของสง่าบ้างในบางวันและเริ่มมาถี่ขึ้น  จนในที่สุดสง่าก็ได้รับรู้จากเอียว่าที่ให้ลูกสาวมานั้นเพราะเห็นว่าสง่าเป็นคนดี ขยัน จึงอยากได้มาเป็นลูกเขยถ้าไม่คิดอะไรมากลูกสาวของเอียแม้ไม่สวยแต่ถ้าสง่าไม่ขัดข้องเอียจะยกลูกสาวให้และจะสร้างเรือนหอให้ที่นี้เพื่อดูแลเป็ดไล่ทุ่งเป็นอาชีพต่อไป
	หลังเอียพูดให้สง่าฟังในวันนั้น สง่านอนคิดสิ่งที่ได้ฟังมาสง่ามองเห็นความร่ำรวยที่จะตามมาในอนาคต  แล้วลูกสาวของอาเอียละตนเองชอบหรือไม่ สง่านอนคิดสิ่งนี้ตลอดเช่นกันแล้วสง่าก็รู้แล้วว่าจะตัดสินใจสิ่งนี้อย่างไร
	เอีย  มองเห็นเป็ดอยู่ในเล้ายังไม่ได้ออกไปตามทุ่ง  ไข่เป็ดยังไม่ได้เก็บ แล้วสง่าไปไหน  อาเอียมองไปจนทั่วก็ไม่เห็น  จึงเดินเข้าไปที่กระท่อมที่พัก จึงรู้คำตอบ
	ผม ขอบคุณเอียที่มีน้ำใจให้ผมมีงานทำ  แต่ผมไม่ได้รักลูกสาวเอีย ผมจึงขอลาก่อน
ผมจะไปหางานใหม่  ผมไม่กล้าบอกเอียกลัวเอียไม่ให้ออก ผมขอบคุณเอียที่หวังดี  
	เอียถอนหายใจด้วยความเสียดายคนงานที่ทำงานด้วยหัวใจอย่างสง่า  แต่เอียเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้สง่าต้องลาออก  แล้วลูกสาวละรู้ถึงแผนของพ่อหรือไม่ วันนี้ใครจะเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง เอียรีบกลับไปที่บ้านเพื่อนำคนงานที่ช่วยอยู่ที่บ้านให้มาดูเป็ดไล่ทุ่งก่อนจะมีคนงานใหม่
                                                      ******************
	เอีย  ลูกสาวหนีออกจากบ้านแล้ว นี่จดหมาย 
	อาเอียทรุดนั่งกับพื้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นจดหมายของลูกสาวที่หนีไปกับสมปองคนทำสวนที่อาเอียหวังจะให้ไปเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งแทนสง่าในวันนี้  
                           ****************
				
27 มกราคม 2555 21:25 น.

เกมตามล่า

อิสรชัย รัตน

บนเตียงผ้าสีครีมที่กลมคืนกับวอลเปเปอร์ที่ครีม มีรูปกุหลานสีชมพูดอกเล็ก มองโดยรอบแล้วสวยสะดุดตายี่ง  ร่างเด็กสาวบนเตียงที่หลับตาพริ้มจะด้วยความเขินอาย หรือไม่กล้าสบตาก็ตามแต่ร่างนี้ได้บอกให้รู้ว่าพร้อมแล้วสำหรับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เรื่องราวที่มาจากความพร้อมของกันและกัน หากแต่ความพร้อมในครั้งนี้แลกด้วยเงินตรา
	เธอบอกว่าอยากได้เงินเพื่อนำไปใช้ในการซึ้ออุปกรณ์การเรียนในการเปิดภาคเรียน ไม่อยากทำในเรื่องนี้หรอกแต่ภาวะความจนทำให้ต้องเสี่ยงหากแม่รู้ว่ามาหาเงินด้วยวิธีการนี้แม่คงเสียใจ  นั้นคือสิ่งที่รับรู้ก่อนที่เธอจะมานอนอยู่ตรงหน้า
	อายุของเธอไม่น่าจะเกินสิบห้าปี  เป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง ถ้าตำรวจจับได้อนาคตต้องนอนในคุก แต่กามมารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่เคยนึกถึงเหตุที่จะตามมา  หากมุ่งแต่จะปลดปล่อยความอยากแห่งกามตัณหาก็เท่านั้น ร่างที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่นี้มองแล้วก็ยิ่งชวนให้มอง แล้วจึงค่อยๆ เอนร่างลงนอนแนบชิดมือกอดผ่านกายของเธอ หากแต่กอดไว้แน่นิ่งไม่ได้ใช้มือลูบไล้ตามเรือนร่างอย่างที่ใจเคยคิดตั้งแต่ต้น
	ทำไมความอยากแห่งกิเลสจึงยอมหยุด ไม่รุกล้ำต่อไปอย่างที่ตั้งใจ หรือสามัญสำนึกแห่งคุณความดีมันมาค้ำคอเอาตอนนี้ จึงทำให้ไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิด หากแต่นอนกอดร่างของเด็กน้อยเอาไว้ราวกับปกป้องให้ปลอดภัย 
	ตกใจตื่นเมื่อมีเสียงเอะอะโวยวาย เมื่อมีตำรวจและเสียงผู้หญิงที่ชี้หน้ามา
 นี่แหละค่ะคุณตำรวจที่มันพาลูกดิฉันมาข่มขืน ต้ายผู้ชายตัณหากลับ อยากกินหญ้าอ่อน ไม่กลัวเวรกรรม
ผมไม่ได้ทำอะไร คุณตำรวจถามเด็กดูก็ได้ ผมตกใจแต่ก็มีคำพูดเพื่อปกป้องตนเอง พร้อมกับใช้สายตามองไปที่เด็กน้อยเพื่อให้เขาได้ตอบตำรวจ
ทำ หรือไม่ทำ คุณก็มีชื่อว่าพรากลูกเขามาจากพ่อแม่  โดยที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ตำรวจกล่าว
ผมช่วยเขาจากชายหนุ่มที่กำลังจะซื้อบริการเธอนะ ผมบอกตำรวจ
อ๋อ ช่วยจากเด็กหนุ่ม เพื่อจะนำมาสนองกามตนเองนะสิ แม่ของเด็กพูด
เด็กน้อยไม่พูดไม่จา เอาแต่ก้มหน้านิ่ง ไม่บอกให้รู้ว่าเธอรอดจากการถูกรุมโทรมจากเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นอย่างไร  ทำไมเด็กน้อยไม่พูด เอาแต่ก้มหน้านิ่ง จนตำรวจนำผมมาโรงพัก  
ผมอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ตอนแรกที่เสนอราคาจ่ายค่าตัวสูงจนเธอยอมมากับผมแทนเด็กหนุ่มแต่เมื่อมาถึงโรงแรมความคิดที่จะกระทำไม่ได้มีอีกเลยหากแต่เป็นความสงสารที่เธอเล่าให้ฟังถึงความเดือดร้อนในความเป็นอยู่ของครอบครัวที่ไม่มีเงินเป็นค่าอาหารและการเรียน  
แต่ผมรู้แล้วว่าในบางครั้งเราแม้จะมองว่ารอบคอบแล้วก็ยังเป็นเหยื่อเช่นกัน โดยเฉพาะเหยื่อที่มาจากการสร้างคราบน้ำตาแห่งความสงสาร ความเวทนาจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
	คืนนี้อย่าลืมคุยกับไอ้แก่ให้จ่ายเงินเพื่ออิสรภาพล่ะ แล้วแบ่งกัน ส่วนอีหนูให้อยู่กับตำรวจที่นี้คืนนี้ จ่าจะได้หายเหงา 
	นั้นคือเสียงที่ได้ยินจากการพูดของแม่ของเด็กหญิงกับตำรวจ ก่อนที่ร่างของผมจะทรุดลงพิงผนังด้วยความสมเพศตัวเองที่โง่ โง่ เป็นเหยื่อการหากินของวัยใสที่ทำตัวไร้เดียงสา  
	สมน้ำหน้าตัวเองจริงๆ ที่มาอยู่ในเกมครั้งนี้				
24 มกราคม 2555 22:01 น.

ใต้เสาไฟฟ้าแรงสูง

อิสรชัย รัตน

เสาไฟแรงสูงพาดผ่านระหว่างหมู่บ้าน สองหมู่บ้านทำให้บริเวณนี้เป็นลานว่างด้านหน้าของหมู่บ้านมีถนนที่ตัดแยกมาจากถนนใหญ่สายหลักแปดช่องจราจรแต่ถนนที่ผ่านหน้าหมู่บ้านมีเพียงสองช่องจราจรเท่านั้น เพิงพักเล็กสร้างขึ้นริมถนนใต้เสาไฟฟ้าแรงสูงโดยชายสูงอายุที่คำนวณโดยสายตาน่าจะใกล้เจ็ดสิบปี  ชายสูงอายุมีรถเข็นสองล้อที่ใช้สำหรับการเก็บของเก่ายังชีพ  สองหมู่บ้านที่อยู่ด้านข้างนั้นแหละคือแหล่งทำมาหากิน เพราะเป็นหมู่บ้านที่รถขายผัก ขายผลไม้ ขายกับข้าววิ่งเข้าออกทุกวัน  รวมถึงรถเข็นสองล้อของชายชราด้วยที่เข้ามาคุ้ยถังขยะเพื่อเปลี่ยนขยะเป็นเงิน
              วันใดที่ชายชราเข้ามาช้า วันนั้นสิ่งของที่เก็บได้น้อยหรือแถบไม่ได้เลยเพราะรถเข็นที่มาคุ้ยหาขยะนั้นไม่ใช่มีเพียงของชายชราเท่านั้นหากแต่มีอยู่สองถึงสามคันที่หมุนเวียนเข้าออกในแต่ละสัปดาห์ การดำเนินชีวิตของชายชรายังคงเป็นเช่นนี้อยู่เรื่อย และใกล้เพิงพักก็มีเพิงเกิดใหม่มาสร้างอยู่เพิ่มขึ้นเช่นกันแม้เป็นเพิงชั่วคราวแต่ไม่วันใดก็วันหนึ่งที่การไฟฟ้าต้องมาแจ้งให้รื้อออก เพราะไม่มีสิทธิ์มาสร้างที่อาศัยใต้เสาไฟฟ้าแรงสูง
	หลายวันมาแล้วที่ข้าพเจ้าสังเกตว่าไม่เห็นชายชราเข้ามาคุ้ยถังขยะ และอดแปลกใจไม่ได้  จึงสอบถามจากเพื่อนบ้านถึงรู้ว่า  ชายฃราได้ตายเสียแล้วในเพิงพักนั้นแหละ เห็นมูลนิธิมาเก็บศพไป คงตายเพราะความหนาวเหน็บของหน้าที่ที่ผ่านมาสามสี่วันแล้ว และเป็นความหนาวที่ต้องมีผ้าห่มกายให้อบอุ่น ชายชราอาจตายเพราะความหนาวก็ได้  นั้นคือสิ่งที่ผู้คนพูดกัน 
                    เพียงวันเดียวเรื่องราวการตายของชายชราก็เงียบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพิ่งพักของชายชราถูกรื้อทิ้งไปแต่เพิ่งที่อยู่ข้างๆ ยังคงอยู่ ชีวิตผู้คนทั้งสองหมู่บ้านยังคงครองชีวิตแบบคนเมืองต่อไป  โดยไม่รู้ว่าชายชรามีญาติพี่น้องมาติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลหรือไม่ หรือกลายเป็นผีไม่มีญาติเพราะไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าเป็นใคร 

                   เพิงที่สร้างไว้ข้างชายชราเป็นชายอีกเช่นกันแต่อายุคงน้อยกว่าชายฃราสักสิบปี วันนั้นเพื่อนบ้านบอกว่าลุงที่สร้างเพิงอยู่ใกล้ชายฃรา พูดให้คนเพื่อนที่นั่งเมาเหล้าขาวด้วยกันฟังว่าที่ชายชราตายนั้นเพราะเกิดหัวใจวายตายจากการหลับนอนกับคนเก็บขยะผู้หญิงที่หารายได้เสริมด้วยการหลับนอนกับคนไร้บ้านด้วยกันตามแต่ใครต้องการและขอเพียงให้มีเงินมาจ่ายค่าอาหารหรือเหล้าขาวสักขวดก็พึงพอใจแล้ว  และวันที่เกิดเรื่องชายชราเมาแล้วร่วมหลับนอนกับหญิงเก็บขยะขายตัวจนหัวใจวาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีใครยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงอาจเป็นเรื่องเล่าด้วยความสนุกของคนไร้งานทำก็เป็นไปด้วย  แต่ร่างชองหญิงเก็บขยะที่มีการเอ่ยถึงได้หายหน้าไปจากหมู่บ้านนี้ไปโดยไม่มีใครเห็นเข้ามาเก็บขยะอีกเลย
	ลุงเล่าว่าหญิงเก็บขยะนั้นลุงก็เคยนอนด้วยเหมือนกัน จนชายชรามาสอบถามถึงได้บอกให้รู้ว่าถ้าอยากได้เป็นคู่นอนมียี่สิบบาทจ่ายให้นางก็สามารถใช้บริการได้แล้ว  ลุงคิดว่าสิ่งที่ลุงได้บอกชายชราไปอาจเป็นต้นเหตุให้เกิดความสลดใจหลังจากนั้นก็เป็นไปได้
	แต่ก็มีคนร่ำลือเช่นกันว่าที่แกตายไปก็เพราะลุงที่สร้างเพิงอยู่ใกล้นั้นแหละเป็นคนไปกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้ชายชรา จนทำให้ชายชราช้อกด้วยความความสุขสันต์ที่ถูกลุงมากระตุ้นอารมณ์ให้คุกรุ่นด้วยความวิปริต				
29 ธันวาคม 2554 20:12 น.

รอ..วันที่รอคอย

อิสรชัย รัตน

ลูกชายไปรับจากต่างจังหวัด เนื่องจากต้องไปต่างประเทศพร้อมกับภรรยา  ในฐานะที่เป็นย่า ฉันจึงต้องจากบ้านที่ต่างจังหวัดมาปล่อยให้ตาเฒ่าของฉันเฝ้าบ้านที่ต่างจังหวัด ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่ฉันทำอย่างนี้จากการติดภารกิจของลูกชายและลูกสะใภ้  ฉันรับทราบเรื่องราวของลูกถึงความจำเป็นที่ต้องเดินทางไปพร้อมกัน เพราะในโอกาสนี้สามารถให้ภรรยาติดตามไปด้วย  ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษที่หากเดินทางไปโดยเงินส่วนตัวคงไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างนี้ การลาพักร้อนจึงเป็นหนทางหนึ่งที่นำมาใช้เพื่อจะได้เดินทางไปด้วยกัน
	ลูกชายเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ อาหารส่วนหนึ่งไว้ในตู้เย็นเพื่อให้สะดวกต่อความเป็นอยู่ และพี่เลี้ยงที่ดูแลหลานขณะที่อยู่ในช่วงปิดเทอมพอดี ทั้งสองคนที่อยู่ในวัยเรียนประถมศึกษาช่วงต้น จึงเป็นภาระที่ไม่หนักมากนัก  ในขณะที่ข่าวประจำวันแจ้งเรื่องของน้ำท่วมที่จังหวัดสิงห์บุรี และทางภาคเหนือตอนล่างที่กำลังประสบอยู่ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไรมากนักในเวลานั้น  ซึ่งลูกชายก็ไม่ได้หวั่นในเรื่องนั้นเช่นกันเพราะหมู่บ้านที่ลูกชายอยู่นั้นไม่เคยมีประวัติน้ำท่วมมาก่อน เพราะเป็นหมู่บ้านที่สูงและสร้างใหม่ของจังหวัดในปริมณฑลตอนเหนือของกรุงเทพฯ 
	ลูกชายเดินทางไปแล้ว และในช่วงคำของวันนั้นข่าวทางโทรทัศน์ได้แจ้งเรื่องประตูระบายน้ำบางโฉมศรีพังซึ่งทำให้กระแสน้ำมุ่งลงใต้มากขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่อยุธยาที่มีการสร้างเขื่อนกั้นเอาไว้เป็นอย่างดีแต่ระดับน้ำที่ลงมามากและเพิ่มสูงขึ้นก็น่าเป็นห่วง  ลูกชายโทรศัพท์มาสอบถามก็แจ้งไปตามสถานการณ์ที่เกิดและบอกให้รู้ว่าที่บ้านไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มีเพียงพี่เลี้ยงที่ขออนุญาตเดินทางไปที่บ้านที่สิงห์บุรีเพราะเป็นห่วงพ่อแม่ว่าจะประสบปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเมื่อเดินทางไปแล้วก็แจ้งกลับมาว่าขอลาต่อเนื่องจากที่บ้านน้ำท่วมหนักมาก กำลังเตรียมพาพ่อแม่อพยพไปอยู่ที่ที่ราชการกำหนด
	ฉันอยู่กับหลานสองคนแม้ไม่ได้กลัวแต่เริ่มกังวล เห็นเพื่อนบ้านพูดคุยกันว่าแนวโน้มน้ำกำลังเดินทางมาตามเส้นทางของหมู่บ้านเหมือนกัน และได้ข่าวว่าน้ำทะลายเขื่อนเข้าท่วมอยุธยาจนจมอยู่ใต้บาดาล  ฉันเสียใจที่รู้ข่าวนี้ด้วยเป็นห่วงเมืองหลวงเก่าที่มีเพียงซากจะพังไปกับกระแสน้ำเพราะอิฐเก่าหากแช่น้ำนานๆ จะเปื่อยง่าย ลูกชายไม่โทรมาสอบถามเรื่องราวอะไรซึ่งถ้าโทรมาก็คงบอกตามสภาพที่รู้จากข่าวเท่านั้น  
	ความหวาดกลัวเริ่มมีมากขึ้นเมื่อเพื่อนบ้านของลูกชายนำกระสอบทรายมาวางกันตามบริเวณรั้วรอบบ้านและหน้าหมู่บ้านมีกองกระสอบทรายวางไว้สูงเป็นเมตรเช่นกัน  หรือน้ำกำลังจะมาที่นี้  ฉันเริ่มกังวลและกลัวเพราะถ้าน้ำท่วมฉันจะไปไหน หลานสองคนฉันจะทำอย่างไร  แต่ตอนนี้ต้องหาแตรียมอาหารไว้สำรองไว้ก่อนดีกว่า 
	ฉันบอกหลานให้อยู่เฝ้าบ้านอย่าซุกซนเพราะย่าจะไปซื้อกับข้าวให้อยู่ดูการ์ตูนอย่าออกไปนอกบ้าน ย่าจะล็อกประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านไว้ ใครมาอย่าเปิดรับเป็นอันขาดรอก่อนและโทรศัพท์บอกย่าด้วยถ้ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล  ฉันบอกหลานแล้วก็ออกไปหาซื้อของด้วยความกังวลเพราะหลานทั้งสองคนไม่เคยอยู่บ้านเพียงลำพัง แต่ทำอย่างไรได้ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง
	ฉันกลับมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยได้ของมาไม่มากเพราะตามร้านไม่มีสินค้า ด้วยผู้คนแตกตื่นแห่กันมาซื้อจนของมีไม่เพียงพอ ฉันเริ่มตระหนกแล้วว่าคงจะเกิดเหตุร้ายหลังจากนี้แน่ ลูกชายไปได้เพียงสามวันแล้วและไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ฉันคิดว่าลูกชายคงไม่วิตกกังวลกับเหตุการณ์นี้แน่จึงไม่โทรติดต่อกับมา
ฉันมาถึงบ้านพร้อมกับความเหน็ดเหนื่อยแต่ของที่ได้มานั้นน้อยเหลือเกิน จะหาน้ำดื่มไว้ก็ไม่มี ข้าวสารก็หมดพรุ่งนี้ต้องออกไปหาใหม่เปลี่ยนสถานที่ไปไกลอีกหน่อยคงมีของขายบ้าง ฉันนั่งคิด  ส่วนหลานเล่นด้วยความสนุก ความทุกข์ร้อนไม่มี ข่ววคราวไม่สนใจถามหรอกเรื่องน้ำท่วม ขอให้เล่นและมีกินเท่านั้นก็พอแล้ว
	วันนั้นเพื่อนบ้านบอกข่าวร้ายว่าน้ำมาถึงด้านหลังหมู่บ้านแล้วกำลังรอดูระดับน้ำอยู่ว่าจะล้นพนังกั้นของหมู่บ้านเข้ามาหรือไม่ ฉันตกใจมากของที่จะตุนเพิ่มเติมวันนี้ต้องออกไปหา และต้องปล่อยให้หลานอยู่เฝ้าบ้านอีกวันหนึ่ง  เพราะถ้าน้ำท่วมอย่างน้อยก็มีของกิน  เสบียงที่ลูกชายและลูกสะใภ้เตรียมไว้กำลังร่อยหรอ ต้องจัดหาไว้ก่อน  พี่เลี้ยงที่ลากลับบ้านติดต่อมาเพียงว่ากำลังเดือดร้อนเรื่องน้ำท่วมเพราะบ้านจมน้ำหมดแล้วอยากได้เงินล่วงหน้าเพื่อไว้ใช้จ่าย ซึ่งฉันทำอะไรไม่ได้ให้รอลูกชายกลับมาแล้วค่อยโทรมาใหม่เพราะอย่างน้อยเงินที่ฉันมีอยู่ถ้าหากมีเหตุฉุกเฉินจะได้นำมาใช้ ในช่วงอันตรายเช่นนี้  ฉันนึกเคืองที่ลูกชายไม่ติดต่อกลับมาบ้าง อย่างน้อยการสอบถามข่าวคราวบ้างก็น่ายินดี แล้วคนที่ไปด้วยกันไม่มีใครพูดเรื่องเหล่านี้กันบ้างหรืออย่างไร
	ฉันออกไปหาเสบียงอาหารอีกเช่นวันที่ผ่านมา แต่วันนี้ตามชั้นวางต่างๆ ไม่มีสิ่งของอะไรวางไว้เลยผู้คนต่างแตกตื่นเพื่อหาอาหาร ของกินของใช้ไว้สำหรับการเผชิญหน้ากับน้ำที่กำลังประดังเข้ามารายล้อมทุกทิศทาง  ฉันคิดถึงบ้านนอกขึ้นมาทันที หากเป็นที่นั้นอย่างน้อยรอบๆบ้านยังมีผัก ผลไม้ให้เก็บเกี่ยวได้บ้าง  ทางบ้านโทรติดต่อมาให้ฉันเดินทางกลับโดยพาหลานไปที่ต่างจังหวัด แต่ฉันไม่กล้าทิ้งบ้านเอาไว้ด้วยกลัวขโมยจะแวะเวียนมาที่บ้านและถ้าเกิดเรื่องอย่างนั้นคงลำบากแน่นอน ฉันจึงขออยู่ที่นี้ต่อโดยจะออกไปหาเสบียงเพิ่มเติมแม้ต้องเดินทางออกไปไกลเพิ่มขึ้น
	ขออภัยน้ำดื่ม ข้าวสาร ไข่ไก่ บะหมี่สำเร็จรูป หมด  นั่นคือสิ่งที่พบเห็นตามห้างร้านทั่วไปที่ประกาศให้รับรู้ แม้แต่ถุงดำ ถังเก็บน้ำขนาดใหญ่  ก็ไม่มีวางจำหน่าย ประเทศไทยกำลังเกิดการตื่นตูมหรืออย่างไร
	นักการเมืองประกาศเตือนไม่ต้องตื่นตูม เพราะน้ำคงไม่ท่วมหนักอย่างที่คิด รัฐบาลสามารถรับมือได้ นั้นคือสิ่งที่เป็นข่าวเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ฉันจึงอุ่นใจอยู่บ้างและคิดว่าจะไม่ออกไปหาเสบียงอีกแล้วเพราะไม่รู้ว่ามีจำหน่ายที่ไหนนั้นเอง
	ลูกชายโทรศัพท์กลับมาแล้วสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นและขอให้ฉันตัดสินใจเอาเองว่าจะกลับต่างจังหวัดหรือว่าอยู่ต่อ ทรัพย์สินไม่ต้องเป็นห่วงของให้รักษาชีวิต  คืนนั้นฉันตัดสินใจแล้วว่าถ้าน้ำเริ่มเข้ามาในหมู่บ้านฉันจะเดินทางกลับต่างจังหวัดพร้อมกับหลานสองคน  ฉันนั่งดูข่าวที่ประกาศถึงการจำหน่ายสินค้าราคาถูก ฉันคิดว่าวันพรพรุ่งนี้ต้องรีบทำอาหารให้หลานตั้งแต่เช้าแล้วจะออกไปซื้อของถูกตามที่ได้ฟังข่าวเพื่อนำเป็นอาหารสำรองสำหรับหลาน
	..........................................................................................................................
	ฉันกลับมาหมู่บ้านพร้อมความตระหนก  น้ำท่วมถึงระดับอกแล้ว  แล้วหลานฉันเป็นอย่างไรบ้าง
ฉันเดินตะลุยน้ำมาเรื่อยๆ จนมาถึงเส้นทางที่ตรงไปยังบ้านของลูกชาย ฉันได้แต่สวดภาวนาขอให้หลานฉันปลอดภัย  ฉันลุยเดินโดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าระดับน้ำที่ท่วมนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงขึ้นจนฉันต้องแหงนหน้าขึ้นไม่ให้น้ำเข้าจมูก ฉันเริ่มกระวนกระวายว่าฉันจะทำอย่างไรต่อไป ถ้าน้ำลึกมากกว่านี้ อาหารและของใช้ที่ซื้อติดมือมา หลุดลอยไปกับกระแสน้ำหมดแล้ว
	แล้วหลานของฉันล่ะ  ยังอยู่ที่บ้านอย่างปลอดภัยหรือไม่  ศีรษะฉันปริ่มระดับเดียวกับน้ำฉันต้องใช้แขนช่วยพยุงเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปเบื้องหน้า ที่มีบ้านมองเห็นลิบอยู่ท้ายหมู่บ้าน
	.....................................................................................................................................				
19 ธันวาคม 2554 19:56 น.

เรียน...เพื่อจบหลักสูตรแค่นั้นหรือ

อิสรชัย รัตน

โลกร้อน  คือคำพูดที่ได้ยินเราได้ยินในสังคมทุกวันและต่างกล่าวขานถึงเรื่องนี้ว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยลดภาวะความร้อนของโลก ไม่ให้โลกร้อนเพิ่มขึ้น  
	หากคิดใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วพบว่า  พฤติกรรมที่เป็นการแสดงออกเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนเป็นการกระทำที่เรียกว่า ลูบหน้าปะจมูก ขาดความจริงใจในการดำเนินงานทั้งหน่วยงาน องค์กรในประเทศและต่างประเทศ  แม้แต่การดำเนินงานตามนโยบายก็ขาดความจริงจัง ทุกสิ่งที่พบเห็นเสมือนเป็นเพียงหน้ากากที่สวมใส่แสดงต่อกันว่ากำลังทำหน้าที่ลดภาวะโลกร้อน
	ภัยธรรมชาติที่ถาโถมทำลายทุกมุมโลกในวันนี้  เป็นสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าโลกกำลังร้องไห้ เพราะประสบกับปัญหาโลกร้อนอย่างรุนแรงต่อเนื่อง นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คงหยุดยั้งได้ยากเพราะทุกประเทศต่างแสวงหาความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจกันทั้งสิ้น  
	การเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจที่บอกว่าประเทศนั้นมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ พัฒนาประเทศได้ดีกว่าประเทศอื่น แต่ในความเป็นจริงแสดงให้เห็นว่าประเทศนั้นกำลังเพิ่มภาวะโลกร้อนมากขึ้น เพราะทุกสิ่งที่เป็นความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจล้วนทำลายโลก ทำลายสภาพแวดล้อม เพิ่มมลพิษ ทำลายที่ทำกินและสภาพความเป็นอยู่ของตนเองทั้งสิ้น 
                    การเรียกร้องความร่วมมือเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของโลกให้ถูกทำลายลดน้อยลงนั้น   ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องที่อยู่ในหน้ากระดาษ  ในหนังสือพิมพ์เพื่อการโฆษณาหรือในเอกสารที่บอกแค่ว่าได้ใส่ใจในเรื่องดังกล่าวยากต่อการปฏิบัติเพราะประเทศต่างๆ ต้องการเพียงเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกเพื่อความเจริญสู่ประเทศของตนเท่านั้น
น่าเสียดายที่ทุกประเทศต่างมุ่งทำลายปัจจุบันและอนาคตของตนเองทั้งสิ้น  สิ่งที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์บนโลก  กำลังคืบคลานเข้ามาและบอกให้รู้ว่าสิ่งที่มนุษย์ทุกคนร่วมกันทำลายกำลังส่งผลแล้ว  แต่มีใครหรือประเทศใดคิดจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจังและทุ่มเท  แปลกไหมล่ะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นหายนะของตัวเองและของโลกแต่ทุกคนกลับนิ่งเฉยดูดาย การกำหนดนโยบายไว้นั้นเพียงให้ดูโก้หรูว่าได้มีส่วนร่วมรักษ์โลกแล้ว
                  โรงเรียนส่งเสริมคุณธรรมชั้นนำและโรงเรียนวิถีพุทธในประเทศของเรา  ได้ตระหนักและมองเห็นภัยที่ยิ่งใหญ่ดังกล่าวแต่สิ่งที่โรงเรียนทำได้คือสอนให้ผู้เรียนตระหนักถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ต่อตัวผู้เรียนและเพื่อนร่วมโลก การคิดกิจกรรมโครงการเพื่อสร้างจิตสำนึกในเรื่องดังกล่าวโรงเรียนได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและสะท้อนข้อมูลให้ทุกฝ่ายรับทราบเป็นระยะๆ เสียงสะท้อนจากพลังบริสุทธิ์เหล่านี้ไม่มีพลังและอำนาจต่อรองมากพอที่จะทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและในโลก ได้ร่วมมืออย่างจริงจัง   ในการรักษาสภาพแวดล้อมโลกเพราะต่างคนยังมุ่งหน้ากอบโกยผลประโยชน์เพื่อประเทศของตนและพวกพ้องไม่หยุดยั้ง  ไม่รู้จะกอบโกยไปทำไมเพราะมหันตภัยที่เกิดขึ้นในวันข้างหน้าทรัพย์สมบัติที่โกงกินไป คงไม่ช่วยให้อยู่รอดได้เหมือนกับคนจนทั่วโลก
แต่แปลกไหมล่ะสิ่งเหล่านี้ทุกคนกลับมองข้าม เพราะทุกคนมองเพียงผลประโยชน์ส่วนตน ขอให้มีเงิน มีทรัพย์สมบัติ โดยไม่สนใจว่า มีไว้ทำไมในเมื่อสิ่งที่มีมาจากการทำลายโลกจนนำไปสู่หนทางแห่งวิบัติภัย
                     การเป็นครูและผู้นำทางการศึกษาในโรงเรียนที่มุ่งสร้างผู้เรียนให้รักโลก หวงแหนโลก ทำอย่างไรให้โลกอยู่รอด เป็นหน้าที่ของทุกคนต้องร่วมมือกัน โครงการ กิจกรรมที่มุ่งสอนให้ทุกคนได้รู้เพื่อรักษ์โลกจึงเกิดขึ้นมากมายในโรงเรียนทั่วประเทศและทั่วโลก  เช่น การปลูกป่า  ปลูกป่าชายเลน การรักษาป่าต้นน้ำลำธาร การแยกขยะ การนำวัสดุเหลือใช้นำกลับมาใช้ใหม่ การประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ การลดขยะพลาสติก การสร้างบรรยากาศสีเขียวให้กับแผ่นดิน เป็นต้น
                      ผู้บริหารและครูรู้ดีว่านโยบายทางการศึกษาที่มุ่งพัฒนาให้ตระหนักและรู้ในเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งดี แต่ในขณะเดียวกันส่วนอื่นของสังคมก็สอนให้ผู้เรียนเห็นเช่นกันว่า ไม่ได้ให้ความร่วมมือในการรักษ์โลกอย่างจริงใจ  หากแต่สร้างมุ่งสร้างความร่ำรวยให้ตนเองจากการทำลายสภาพแวดล้อม ทำลายทรัพยากรของโลก และเมื่อผู้เรียนออกจากสถานศึกษาไปอยู่ในสังคม สิ่งที่ได้รับจากสถานศึกษาจึงเป็นเพียง บทเรียนหนึ่งในหลักสูตร หากแต่ในชีวิตจริงไม่มีใครใส่ใจหรือนำไปปฏิบัติ
                      คุณค่าของคน อยู่ที่ผลงาน ถ้าผลงานนั้นเป็นผลงานที่สะท้อนให้เห็นความจริงใจในการแก้ปัญหา ความร่วมมือที่จะรักษ์โลก ลดสภาวะโลกร้อน ร่วมมือและช่วยเหลือกัน ทุ่มเทแรงกาย แรงใจใช้กฎหมายฉบับเดียวกันทั้งโลก  ใครทำลายสิ่งแวดล้อมคืออาญากรทำลายโลกมีบทลงโทษที่เฉียบขาด
แต่สิ่งที่เห็นเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ที่ต่างไปจากบทเรียนที่ได้ร่ำเรียนมายังคงเป็นสิ่งที่พบเห็นอยู่เช่นเดิม   ครูยังคงทำหน้าที่สอนผู้เรียนให้รักษ์โลก รักสิ่งแวดล้อมต่อไป  ส่วนอื่นในสังคมก็สอนให้เห็นความแตกต่างของบทเรียนกับชีวิตจริง  คนร่ำรวยจากการโกงกิน ทำลายป่า ทำลายแหล่งน้ำ ปล่อยสารพิษ ควันพิษ ใช้แรงงานเด็ก กำหนดนโยบายเพื่อเอื้อต่อตนเองและพวกพ้อง กำจัดสิทธิมิให้คนอื่นที่ไม่ใช่พวกตนไม่มีโอกาสทางสังคมบทเรียนในสังคมเหล่านี้เป็นบทเรียนที่พบเห็นได้ทุกวัน
                      บทเรียนในหลักสูตร ตำราเรียนและกิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียนจึงกลายเป็นบทเรียนเพื่อการจบหลักสูตรเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อจบหลักสูตรจากโรงเรียน  ทุกคนมุ่งสู่การทำลายโลก ทำลายสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน  สิ่งที่กล่าวนี้เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าการรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมในทางปฏิบัติไม่สามารถสร้างได้ในโรงเรียนเพียงอย่างเดียว  แต่ทุกองค์กร หน่วยงาน ทุกประเทศต้องร่วมมือกัน มีความจริงใจในการแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่เมื่อประสบภัยพิบัติแล้วมาตีโพยตีภายว่า โลกร้อนทำไมไม่ร่วมมือกันแก้ปัญหา 
มอง...แล้วคิด...คิดแล้วมองวิเคราะห์ จะเห็นว่าทุกวันนี้เป็นอย่างนี้จริง หรือว่าเรากำลังหลอกตัวเอง..หลอกว่าเราได้ดำเนินการ รักษ์โลก  หยุดโลกร้อนได้แล้ว				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอิสรชัย รัตน
Lovings  อิสรชัย รัตน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอิสรชัย รัตน
Lovings  อิสรชัย รัตน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอิสรชัย รัตน
Lovings  อิสรชัย รัตน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอิสรชัย รัตน