3 กุมภาพันธ์ 2552 11:49 น.

รักแรก...ของอินสวน

อินสวน

รถลากซุง..ห้อตะบึงมุ่งหน้าสู่ปางไม้ห้วยเกิน...ซึ่งห่างไกลออกไปจากตัวอำเภอไม่น้อยกว่า 50 กิโลเมตร รถวิ่งไปตามถนนลาดยางได้ไม่นานนักก็เลี้ยวเข้าทางแยก ถนนลูกรัง รถเริ่มลดความเร็วลง ด้วยสภาพทางที่ขรุขระ รถจึงโคลงเคลง จนเด็กน้อยอินสวนที่นั่งอยู่บนรถเริ่มรู้สึกเวียนหัว แม่จึงควักยาดมออกมาสูดดมและจ่อเข้าจมูกของอินสวนสลับกันไปมา ฝุ่นตลบอบอวลหันมองไปด้านหลังไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ นอกจากฝุ่น........วันนี้เป็นวันแรกของการปิดภาคเรียน อินสวนตื่นเต้นมากที่จะได้ไปหาคุณพ่อ พ่อของอินสวนนัดหมายให้แม่และอินสวนโดยสารรถลากซุงของคนรู้จัก เพื่อเดินทางไปหาพ่อ พ่อเป็นทหารแต่ต้องเข้าไปสอนหนังสืออยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่าหมู่บ้านหัวนา อินสวนก็ไม่เข้าใจหรอกว่าจริงๆแล้วพ่อเป็นครู เป็นทหารหรือเป็นอะไรกันแน่ รถวิ่งไปประมาณ 1 ชั่วโมงเห็นจะได้ อินสวนเริ่มหายเวียนหัวแต่คุณแม่อาเจียนจนนับครั้งไม่ถ้วนลุงคนขับรถลากซุงคนนั้นบอกว่าอดทนอีกนิดเดียวก็จะถึงปางไม้แล้ว...จริงอย่างที่บอก  ไม่นานนักรถก็ถึงที่หมายและจอดที่ปางไม้เขาเรียกว่าปางไม้ห้วยเกิน.....มองไปทางไหนมีแต่ท่อนซุงเต็มไปหมด   ที่ปางไม้มีคุณลุงท่าทางใจดีมารอต้อนรับอินสวนและแม่..ลุงแนะนำตัวเองว่าชื่อลุงต๋อ เป็นผู้ใหญ่บ้าน ครูให้มารอรับลูกและเมีย  ครูสอนหนังสือเด็กๆ รออยู่ที่โรงเรียน ลุงต๋อพูดพร้อมกับสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วอธิบายให้เราสองแม่ลูกฟังว่าต้องเดินลัดเลาะเขาไปอีกไกลกว่าจะถึงคงเลยเที่ยงวัน แม่แสดงสีหน้าละห้อย แต่อินสวนกลับตื่นเต้นลิงโลดที่จะได้เจอหน้าพ่อ
	ทางเดินแคบๆคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปตามไหล่เขาบางจุดมองลงไปเป็นเหวลึกน่าวาดเสียว  ลุงต๋อทำหน้าที่เป็นลูกหาบ สัมภาระของแม่ทั้งหมดยกให้เป็นหน้าที่ของลุงต๋อ อินสวนมีกระเป๋าเป้สะพายหลังใบเล็กข้างในบรรจุขนมและหนังสือการ์ตูน......จากเช้า..เข้ายามสาย...จวบจนจะเที่ยง แสงตะวันที่สาดส่องเริ่มร้อนแรง ช่วงนั้นเป็นหน้าแล้งช่วงต้นเดือนมีนาคม ใบไม้ร่วงเกือบหมดป่า โชคดีที่ต้นไม้บางต้นยังพอมีใบหนาพอให้อาศัยร่มเงาเป็นจุดพัก ณ จุดพักบนไหล่เขามีผู้หญิงวัยกลางคนและเด็กหญิงวัยไล่เลี่ยกับ 
อินสวนนั่งรออยู่ ซึ่งเป็นเมียและลูกสาวของลุงต๋อนั่นเอง  ทราบตอนหลังว่าชื่อป้าเลาส่วนเด็กหญิงขนตางอนและแก้มแดงคนนั้นชื่อแดง ....อินสวนนึกขอบคุณแม่ลูกทั้งสองที่มีทั้งน้ำและอาหารกลางวันคือหมกไข่มดแดง มาช่วยบรรเทาความหิวกระหาย ก่อนออกเดินทางต่อ
	แว่วได้ยินเสียงไก่ขัน พร้อมทั้งเสียงสุนัขเห่ามาแต่ไกล ลุงต๋อบอกว่าใกล้ถึงแล้วไม่นานนักอินสวนเริ่มได้ยินเสียงคนร้องตะโกนดังโหวกเหวก จับใจความได้ว่าลูกและเมียครูมาถึงแล้ว....พอเข้าเขตหมู่บ้านลุงต๋อชี้ให้อินสวนมองไปบนเนินที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร อินสวนเห็นพ่อยืนโบกมือหย๋อยๆแล้วมีเด็กนักเรียนชายหญิงหลายคนวิ่งตามมาสมทบแล้วโบกมือให้อินสวน ด้านหลังของพวกเขาเป็นอาคารหลังเล็กๆหลังคามุงหญ้าคา มีธงชาติไทยโบกไสว....อินสวนตื่นเต้นมากที่ได้เจอหน้าพ่อ และจะได้รู้จักเพื่อนใหม่..........บ้านพักของพ่อเป็นบ้านไม้หลังใหญ่เจ้าของบ้านย้ายไปอยู่อีกหลังหนึ่งกับลูกสาวและลูกเขย ก็เลยยกบ้านหลังนี้ให้พ่อได้อาศัยอยู่อย่างสบาย..หมู่บ้านหัวนามีจำนวนครัวเรือนตั้งอยู่รวมกันไม่ถึง 30 หลัง พออินสวนและแม่ไปถึงคนเกือบทั้งหมดหมู่บ้านโดยเฉพาะแม่บ้านและลูกเด็กเล็กแดงต่างพากันไปรวมตัวกันที่บ้านพักของพ่อ ทุกคนมาทักทายด้วยความเป็นมิตร มีบางคนซุบซิบกันว่าเมียครูอ้วนแต่ก็สวย
ลูกชายครูก็หน้าถอดแบบมาจากพ่อ แถมจะรูปหล่อกว่าพ่อเสียด้วย แม่เอาเมี่ยงและยาสูบ ตลอดถึงขนมลูกอมออกแจกจ่ายให้เป็นของฝากจากเมียครูโดยถ้วนหน้า...หลายคนกลับไปบ้านแล้วกลับมาใหม่พร้อมผักหวานบ้าง ถั่วแปบบ้าง หรือไม่ก็ไข่มดแดง มีบางคนเอาปลาย่างเนื้อย่างมาให้ก็มี
	บ่ายวันนั้นอินสวนได้รับการแนะนำตัวจากพ่อให้รู้จักเพื่อนๆ ว่าตอนนี้อินสวนเรียนอยู่ชั้น ป.5 เพิ่งจะสอบไล่ขึ้นชั้น ป.6 เพื่อนๆร้องอู้ฮูด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน เพราะโรงเรียนของพ่อมีสูงสุดแค่ชั้นป.4 ทุกคนเรียนรวมกันหมดเพราะมีครูคนเดียว นักเรียนของพ่อไม่ว่าชั้นไหนลายมือสวยทุกคน อินสวนนึกแล้วหวั่นๆอยู่ว่าจะเขียนหนังสือลายมือสวยสู้พวกเขาได้ไหมหนอ...พ่อคงต้องขายหน้าแน่แล้วคราวนี้  แต่ก็ดีที่อินสวนอ่านหนังสือได้แตกฉานชัดเจน และท่องสูตรคูณได้ถึงแม่สิบสองจึงพอกู้หน้าครูเอาไว้ได้.......พอตกค่ำทุกบ้านจุดตะเกียงแสงวับๆแวมๆกันทั่วทั้งหมู่บ้าน แล้วเสียงที่อินสวนไม่เคยได้ยินก็ปรากฏขึ้น นั้นคือเด็กนักเรียนทุกคนในหมู่บ้านอยู่บ้านใครบ้านมันพากันตะเบ็งเสียงอ่านหนังสือ เสียงดังเจื้อยแจ้วไปทั่งทั้งหมูบ้าน เพราะทุกคืนตอนหัวค่ำครูจะออกตรวจตรา ว่ามีเด็กบ้านหลังไหนไม่อ่านหนังสือ แล้วจะถูกลงโทษในวันรุ่งขึ้น ไม่รู้ว่านั่นเป็นกลยุทธ์ของพ่อได้หรือเปล่าที่จะบังคับให้นักเรียนอ่านหนังสือ
	อินสวนใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหัวนานานกว่า 10 วันทุกวันมีแต่ความสนุกสนาน ได้ออกไปเล่นน้ำ ดำน้ำที่เย็นใส ในลำนำแม่ขะนิง ได้เรียนรู้และรู้จักวิธีการแทงปลาในซอกหินใต้น้ำ ได้ช่วยเพื่อนทำอาหารที่เรียกว่าหลามปลาด้วยกระบอกไม้ไผ่ รู้จักวิธีการก่อไฟที่ไม่ต้องใช้น้ำมันก๊าดหรือแอลกอฮอลเป็นตัวช่วย มีบางวันที่เล่นซุกซนเช่นดำน้ำไล่จับกัน จนเอาแก้มไปถูกับโขดหิน เพื่อนๆพากันเกี่ยงที่จะพาอินสวนไปส่งที่บ้าน เพราะกลัวถูกครูดุ ทุกเวลานาที ของช่วงเวลาคือความสุขของอินสวน ไม่เคยมีภาพเหตุการณ์ใดเลือนลางไปจางความทรงจำ......วันสุดท้ายที่อินสวนต้องกลับบ้านเพื่อนๆพากันมายืนแอบอยู่ข้างกอไผ่สีสุกหน้าประตูบ้าน ทุกคนอาลัยอาวรณ์ที่เพื่อนชื่ออินสวนต้องจากไป...ครูเรียกให้ทุกคนออกมาหา บางคนก็เอามะขาม บางคนเอามะม่วงลูกเล็กๆมายื่นให้อินสวน มีของฝากจากเพื่อนๆมากมายนับไม่ถ้วน.......คนสุดท้ายที่เดินออกมาจากข้างกอไผ่คือเด็กหญิงแดง..เธอมาพร้อมกับห่อหมกไข่มดแดงที่ยื่นให้...เธอแอบมองอินสวนแบบอายๆแล้วมีหยดน้ำตารื้นขนตางอน...มันคงเป็นความรักที่บริสุทธิ์ของเด็กน้อย
อินสวนยังจดจำและตราตรึงจวบทุกวัน........วันนี้แดงพาลูกสาวมาหาหมอที่โรงพยาบาลลูกสาวของแดงหน้าตาเป็นพิมพ์เดียวกับแดงในตอนนั้น........อินสวนกลับมานั่งยิ้มในห้องทำงาน..ไม่รู้ว่าน้ำตาไหลออกมาแต่เมื่อไหร่...ใจอยากย้อนอดีตกลับไปบ้านหัวนาอีกจังเลย....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินสวน
Lovings  อินสวน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินสวน
Lovings  อินสวน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินสวน
Lovings  อินสวน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอินสวน