16 กุมภาพันธ์ 2553 16:23 น.
อินทรีน้อย
กรุ่นไอดินกลิ่นทุ่งยามรุ่งสาง
มิจืดจางจากใจไปซักหน่อย
ด้วยกำหนดในใจว่าใครคอย
ถึงอยู่ไกลจะย้อนรอยบินคืนรัง
จากมาไกลกลิ่นโคลนสาบทุยทุ่ง
ภาพฝุ่นฟุ้ง กองฟางข้าว คือมนต์ขลัง
ยินเสียงขลุ่ย ขับเพลง แว่วแว่วดัง
คือฉากหลังเลี้ยงมาเมื่อข้าเยาว์
ปี่ซังข้าวเป่าเพลินจนผลอยหลับ
น้องก็จับยอดหญ้ามาหยอกเย้า
ค่อยค่อยเขี่ยปลายจมูกจนจามเอา
แล้วพวกเจ้าตัวน้อยน้อยพลอยฮาครืน
ดอกจานสีแสดแดงประดับทุ่ง
น้ำหวานเจ้ายิ่งจรุงนกดาษดื่น
ให้มาชิมทิพยรสระรื่นกลืน
ข้าเคยยื่นมือสอยอร่อยชิม
ไอ้ทุยเคี้ยวเอื้องนอนอย่างเหนื่อยหน่าย
ฝูงแมลงรอบรอบกายกวนจนอิ่ม
ยามเล่นโคลนมันจึงคล้ายหลับตาพริ้ม
แมงไม่กวนก็ยิ้มกริ่มโคลนก็เย็น
นกกระยางขายาวค่อยย่องย่าง
พรานก็วางบ่วงรอขอให้เห็น
เจ้าได้กลายเป็นผัดเผ็ดในมื้อเย็น
แล้วก็เป็นกับแกล้มสุราพราน
ธรรมชาติกับวิถีชีวิตทุ่ง
พอใกล้รุ่งก็รีบตื่นกันทุกบ้าน
ควันหม้อข้าวก็ฟุ้งลอยทุกเรือนชาน
เสียงเรียกขานลูกจากหลับก็ระงม
สักประเดี๋ยวพระคุณเจ้าเราก็มา
เป็นทิวแถวงามสง่าดูเหมาะสม
แม่ก็บอกลูกน้อยนั่งประนม
พ่อก็ก้มลงไหว้ใส่บาตรกัน
แล้วค่อยไปเผชิญชีวิตทุ่ง
ตั้งแต่รุ่งจนพลบค่ำย้ำขยัน
ทำไปตามกำลังตนแต่ละวัน
ชีวิตผันให้จากไกลให้อาวรณ์
8 กุมภาพันธ์ 2553 05:34 น.
อินทรีน้อย
แมลงปอบินว่อนฟ้า, ระหว่างฝน
หยาดหยดบางเบาระคน ฉ่ำชื้น,
หยัดปีกท่องเวหน เป็นสุข
ยิ้มอย่างระรื่นรื้น ลู่ล้อเล่นลม
ฝนพรมและหยุดแล้ว โรยริน
ฟ้าเปิดแมลงโบยบิน ว่อนฟ้า
แมลงปอยิ่งโผผิน ไม่ต่าง
พบหนึ่งไม้หยุดคว้า หยอกเจ้ามาลี
มิมีธุระดอกเจ้า เยี่ยมเยียน
บินผ่านก็แวะเวียน เท่านั้น
คิดถึงจึ่งขีดเขียน ถามข่าว
แวะทักสักครู่ครั้น ก่อนคล้อยหลังเลือน
เยือนกลีบบางช่อช้อย บุษบา
ชูช่อช่างวิจิตรา มิ่งไม้
เถิดโน้มช่อลงมา ให้ชื่น
ขอฝากจุมพิตไว้ กลีบแก้วมาลา