27 ธันวาคม 2549 13:36 น.
อินทรีน้อย
โลกภายนอกขับเคลื่อนไปใช่หยุดอยู่
ทุกฤดูสลับเคลื่อนเปลี่ยนแปรผัน
หมู่แมกไม้ยังผลัดใบไม่แปลกกัน
เส้นผมคนสามัญยังเปลี่ยนไป
โลกภายนอกขับเคลื่อนไปอย่างไรนั่น
ทุกวารวันไม่อาจฉุดหยุดไว้ได้
หมู่มนุษย์สลับรุ่นหมุนเวียนไป
โลกภายในข้ารกร้างอ้างว้างนัก
โลกภายนอกดูขวักไขว่ชวนไหวหวั่น
ทุกคนต่างแย่งชิงกันอยู่ไขว่ขวัก
หมู่มวลมิตรไล่ตามฝันไม่หยุดพัก
โลกภายในข้าจมปลักสำลักตรม
โลกภายนอกเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง
ทุกทุกสิ่งเดินทางอย่างเหมาะสม
หมู่มาลีผลัดช่อบ้างล้อลม
โลกภายในข้าเองก้มหน้าตรองตน
โลกภายนอกเปลี่ยนไปไม่หยุดหย่อน
ทุกบทตอนบ้างกระจ่างบ้างสับสน
หมู่มนุษย์มีสุขสมมีทุกข์ทน
โลกภายในข้าหมั่นค้นหาตัวเอง
โลกภายนอกหมอกควันดูคละคลุ้ง
ทุกขับเคลื่อนทิ้งฝุ่นฟุ้งลอยคว้างเคว้ง
หมู่แมกไม้ต้องลมดั่งขับเพลง
โลกภายในข้าวังเวงในวุ่นวาย...
17 ธันวาคม 2549 14:35 น.
อินทรีน้อย
ซมซานนานเนิ่นหนักหนา
ตามหารักปลายฝั่งฝัน
ดั้นด้นท่ามคืนและวัน
บุกบั่นท่ามทางทอดยาว
รักข้าหล่นหายปลายฟ้า
คล้ายหลบเมฆาสีขาว
ค่อยเคลื่อนเลื่อนไปคล้ายดาว
วับวาวต้องแสงตะวัน
ข้าส่งสายตาก็แล้ว
ทั้งที่ใจแผ่วสั่นสั่น
เลยส่งเสียงทักพัลวัน
เจ้าพลันหายลับกับตา
ยินคนเรียก เจ้า “เครื่องบิน”
ทุกวันผกผินเยี่ยมข้า
วันหนึ่งสองสามเวลา
ลอยผ่านปลายฟ้าเบื้องบน
ด้วยหลงรักเจ้าเข้าแล้ว
กินแห้วข้าก็ไม่สน
จะไกลแค่ไหนจะทน
ดั้นด้นหาเจ้าให้เจอ
เคยเห็นเจ้าหายตรงนั้น
ที่ภูเขาชันเสมอ
เพียงโก่งคอเห่าตามเธอ
คงได้แค่เพ้อฝ่ายเดียว
จึงออกวิ่งเดินตามทาง
ถึงแม้อ้างว้างโดดเดี่ยว
ใยรักถักจนเป็นเกลียว
แน่นเหนียวรัดรึงตรึงใจ
รอข้าด้วยนะเครื่องบิน
ได้ยินเสียงเห่าข้าไหม
ข้าเห่าจากหุบห้วงใจ
ฝากไปตามสายลมแรง
................................................
ซมซานเนิ่นนานหนักหนา
ไปตามมรรคาล้าแล้ง
นี่แหล่ะพิษรักสำแดง
ดั่งแกล้งหมาน้อยคอยตาม
7 ธันวาคม 2549 16:53 น.
อินทรีน้อย
ใจของข้าเท่านั้นที่โบยบิน
เท้าข้ายังติดดินมิเหนื่อยหน่าย
เส้นทางที่ข้าเดินอาจเดียวดาย
คนทั้งหลายก็เดียวดายดั่งข้านี้
ข้าติดปีกให้ใจได้โบยบิน
แลกเปลี่ยนอ่านอักษรศิลป์ ณ ที่นี่
เพียงข้ารักรสถ้อยร้อยกวี
มีเวทีให้แสดงจึงด้นมา
ข้าตีกรอบให้ใจได้โบยบิน
เพียงเส้นทางอักษรศิลป์สิเน่หา
เพียงในบางช่องว่างของเวลา
ด้วยคิดว่าดีกว่าปล่อยให้เปล่าดาย
ข้าเสกสรรวจีใจให้โบยบิน
ผ่านบางห้วงแห่งเจตน์จินต์ในหลากหลาย
ก็มีบ้างกลิ่นน้ำเน่ามากลายกลาย
“แต่น้ำเน่า...เงาจันทร์ฉาย...”ยังน่าชม
ข้าไม่มีหรอกปีกจะโบยบิน
เพียงตั้งชื่อยามยลยินข้าสุขสม
อินทรีน้อยบินไร้รอยในสายลม
มีท้องฟ้ากวีห่มห่อหุ้มใจ
ข้ามีสิทธิ์ให้ใจได้โบยบิน
ตามเจตน์จินต์แห่งข้าใช่หรือไม่
ฤากวีที่ร้อยข้าหลอกใคร
ฤาหลอกใจของใจของตนเอง
ข้าเพียงให้โอกาสใจได้โบยบิน
ถ้อยทั้งสิ้นไม่เคยโวว่าข้าเก่ง
เพียงอยากรักษ์กวีไทยจึงบรรเลง
ก็ด้วยเกรงแก่ตัวไปไร้ฝีมือ
ข้ายอมรับการปล่อยใจให้โบยบิน
อาจบ้าบิ่นในทีท่าโปรดอย่าถือ
บ้านกลอนไทยให้โอกาสได้ฝึกปรือ
สานลายสือตามอย่างทางกวี
ข้าจึงให้โอกาสใจโบกโบยบิน
ใช่เหิรหาว แต่เดินดินตามวิถี
ให้หมู่มิตรได้ยลบ้างบางบทกวี
ใช่หลบหนีสิ่งใดมาร่ายกลอน
"อินทรีน้อย" ชื่อแทนใจที่โบยบิน
ไม่คุ้นชินโปรดอย่าหาว่าหลอกหลอน
“ดั่งนกน้อยบินเดียวดายในดงดอน
แน่ใจหรือว่าบินจรเพียงลำพัง”
“แม้ฝูงนกที่พากันโบยบิน
เที่ยวผกผินเป็นกลุ่มใหญ่ไม่หยุดยั้ง
แน่ใจหรือนกกลุ่มใหญ่ทรงพลัง
ไม่ได้บินลำพังเพียงตัวเดียว......”
6 ธันวาคม 2549 16:06 น.
อินทรีน้อย
โลกที่กว้างใหญ่ไพศาล
ตระการรูปร่างหลากหลาย
สรรพสิ่งสีสันมากมาย
บรรยายให้หมดไม่มี
โลกที่มีสุขปนเศร้า
มีเรามีเขาทุกที่
มีคนทำชั่ว ทำดี
แสงสีมากมายนานา
โลกที่มีศิลป์ให้ชม
ดินน้ำไฟลมท้องฟ้า
ดวงดาว ดวงจันทร์ สุริยา
เมฆา ขุนเขา ทะเล
โลกมีวิชาต่างต่าง
บางอย่างชวนให้สนเท่ห์
บางอย่างชวนคิดคะเน
บางทีคล้ายเห่กล่อมนอน
มากมายหลายหลากโลกนี้
ถึงทีที่ต้องมองย้อน
หากไร้คุณพระบิดร
จิตจร ฤาได้เป็นคน
โลกกว้างหรือจะได้เห็น
ทุกอย่างล้วนเป็นผลิตผล
พระคุณท่านดอกที่ดล
จึงได้เป็นคนขึ้นมาฯ
ทุกวินาทีที่ทำดีขอน้อมบูชาพระคุณพ่อ
3 ธันวาคม 2549 05:52 น.
อินทรีน้อย
คนน่ารัก.......ของฉัน
ดวงตะวันยังสาดแสงดูสดใส
ใบไม้ร่วงยังเริ่มผลิอีกรุ่นใบ
ฟ้าหมองไปยังสดใสยามเมฆลา
คนน่ารัก.......ของฉัน
กี่ร้อยพันคนที่ตั้งปรารถนา
เจ็บเหน็บหนาวเท่าใดกว่าได้มา
ได้โปรดรู้เถิดว่าไม่กี่คน
คนน่ารัก.........ของฉัน
คืนและวันผ่านไปใยสับสน
ดาวยังคงประดับเบื้องนภดล
ใครบางคนอ้อนวอนเจ้าเลิกเศร้าตรม
คนน่ารัก........ของฉัน
ยามหนาวนั้นยังรู้หาผ้ามาห่ม
ยามทุกข์ท้อใยมัวห่วงห้วงอารมณ์
ทิ้งให้จมถมสายธารกาลเวลา
คนน่ารัก.........ของฉัน
บางความฝันอาจทำร้ายให้ปวดปร่า
หากเธอยอมลืมตาตื่นลุกขึ้นมา
ฝันร้ายนั้นก็ไร้ค่าอย่ากลัวเลย