17 มกราคม 2553 07:29 น.

ใครหนอใครกัน

อินทรีน้อย

ใครหนอใครกัน
ค่ำคืนหนาวเช่นนั้นร่ำร้องไห้
มีหนึ่งผืนผ้าเช็ดหน้าไร้อุ่นไอ
จะยื่นให้ซับร้าวรานในน้ำตา

อยู่ที่ไหน
อยู่ที่ใจหรือฉาบไว้บนใบหน้า
หรืออยู่ในทุกหยาดหยดรอยน้ำตา
ผ้าเช็ดหน้าผืนบางเบาเอาไปซับ

ไม่อยากเจอ
ใบหน้าเธอเปื้อนน้ำตาหม่นหมองจับ
ความไหวหวั่นแบกไว้เกินกำลังรับ
วางบ้างเถิดอย่าให้ทับท่วมท้นใจ

ความร้าวรอน
ที่กัดกร่อนความงดงามความสดใส
หากเธอไม่ยิ้มสู้บ้าง ระวังไว
ยิ้มพิมพ์ใจจะไม่งามอย่างเคยแล้ว				
27 มีนาคม 2552 02:48 น.

ขอบคุณที่เธอเข้ามาอยู่ในความทรงจำ (หมอกจาง)

อินทรีน้อย

ในคืนที่นาฬิกาหมุนช้าเชื่อง
จันทร์เรื่อเรืองทอประกายปลายแดนฝัน
ในทรงจำจึงเรื่องเราเคล้าแสงจันทร์
มีเธอ,ฉัน ท่ามคืนวันที่สวยงาม

รอยบาดแผลระหว่างเราไม่มีจริง
ทุกทุกสิ่งสะเทือนใจเพราะไหวหวาม
ที่เจ็บปวดก็เพราะรักเกินนิยาม
ไม่ใช่ความเกลียดชังแต่อย่างใด

เราปิดตาเดินทางไปด้วยไม่รู้
ในลมลู่พลิ้วพัดผ่านเพียงวูบไหว
สิ่งต่าง ๆ ผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป
โปรดรู้ไว้คิดถึงเธอเสมอเลย

ฉันเฝ้ามองหาเธอ ณ ท่ามทาง
แต่เคว้งคว้างในใจไม่อาจเอ่ย
ทุกทางแยกที่เฝ้ามอง แต่ไม่เคย-
ได้พบเธอที่ไหนเลย คนเคยคุ้น

หลับตาลงยิ้มให้เธอในทรงจำ
ทุกถ้อยคำ ในเคลื่อนไหวและไออุ่น
ความรู้สึกยังวิบไหวละไมละมุน
นาฬิกาก็คล้ายหมุนช้าช้าไป

ทุกเรื่องราวระหว่างเราเหมือนย้อนกลับ
ในความเงียบทุกสิ่งสรรพคล้ายหลับใหล
แต่ "ความรัก" หรือให้เรียกว่าอะไร
ยังหมุนทวนในห้วงใจไม่เลือนลาง

นาฬิกาดูหมุนช้ากว่าเคยหมุน
ฉันขอบคุณในทุกสิ่งในทุกอย่าง
ที่นำเรามาพบกันท่ามฝันจาง
ให้ฉันได้มีเธอข้างความทรงจำ				
11 มีนาคม 2552 12:24 น.

จะผกโผบินดั่งหนึ่งนก

อินทรีน้อย

หากจะผกโผบินดั่งหนึ่งนก
หากเหาะเหินดั่งวิหกสู่ห้วงหาว
สูงลิบลิ่วไปเทียมจันทร์ตะวันดาว
คงเหน็บหนาวน่าดูอยู่สูงนัก

เคยลองแหงนหน้ามองบนยอดไม้
สูงขึ้นไปสิบวาตาประจักษ์
ก็ลองป่ายปีนปลายแทบตายชัก
ได้สักพักแลลงมาแทบบ้าตาย

ปีนขึ้นต่อก็ไม่ไหวใจมันสั่น
หนักกว่านั้นมองลงมามันใจหาย
มันหวิวหวิวว้าวุ่นกระวนกระวาย
เหงื่อเม็ดโป้งโซมกายแทบไร้แรง

ค่อยค่อยไต่ลงมากว่าจะถึง
ตอนอยากขึ้นปีนประหนึ่งความเร็วแสง
แต่ตอนลงสิลำบากอยากตะแบง
เพราะเรี่ยวแรงมีเท่าไหร่ก็ไร้ร้าง

แต่หากสูงระดับนกโบกโบยบิน
คงได้กลิ่นหวาดผวามาห่างห่าง
เพราะทั้งสูงทั้งเยียบเย็นเป็นเคว้งคว้าง
คงไม่ต่างปีนต้นไม้เท่าใดนัก

เดินแล้วล้มท่ามกงล้อก็ดีอยู่
ได้ฝึกรู้วิธีลุกไม่ทุกข์หนัก
แต่หากบินแล้วหล่นมาน่ากลัวนัก
แข้งขาหักมากกว่านั้นก็ไม่รู้				
15 กุมภาพันธ์ 2552 11:31 น.

คือเมฆา

อินทรีน้อย



เจ้าเมฆน้อยลอยล่องท้องฟ้ากว้าง
คือเมฆขาวพราวพร่างระหว่างฟ้า
เพียงไม่นานกลายเป็นฝนเทลงมา
กลายเป็นน้ำธาราใสใหลเย็น ๆ

แล้วกลับกลายคลายร่างใสสู่ขาว
เป็นไอน้ำพร่างพราวทุกเช้าเห็น
แล้วก็กลายเป็นเมฆขาวอย่างที่เป็น
แล้วก็หล่นเป็นฝนเย็นฉ่ำชื่นใจ

วนเวียนในนิยามความชุ่มชื้น
ใครรับรู้แต่ละคืนใต้ดาวใส
ในเยียบเย็นใครเห็นบ้างที่ข้างใน
เมฆผ่านวันคืนเช่นใดอย่างใดกัน

บ้างถูกรองไว้ในโอ่งใบใหญ่
บ้างก็ใส่กาต้ม บ้างใส่ขัน
บ้างตักรดตักล้างราดทุกสิ่งอัน
กว่าจะผันแผลงร่างอย่างเคย "เป็น"

กว่าจะถึงเวลาระเหยหาย
เจ้าต้องฝ่ากี่เกิดตายใครเคยเห็น
กว่าจะได้ลอยล่องฟ้าอย่างที่เป็น
เจ้าไม่รู้ผ่านทุกเข็ญหรือสุขใด

ชาวจีนแต่โบราณเล่าขานว่า
ที่บนฟ้าเพียงเมฆา "ยั่งยืน" ได้
อาทิตย์จันทร์ดาราผลัด "มา" "ไป"
เมฆเกรียงไกรอยู่ยั้งทั้งวันคืน

เจ้าสมควรมีรอยยิ้มอิ่มเอมเถิด
ยิ้มประเสริฐออกจากใจใช่เพียงฝืน
ทุกสิ่งแปรเปลี่ยนไปไม่ยั่งยืน
ต้องหล่อเลี้ยงด้วยฉ่ำชื้นจึงชื่นบาน

ที่ใดมีเมฆาลอยมาใกล้
อาจได้เห็นน้ำเย็นใสทุกถิ่นฐาน
อาจพันธุ์พืชเหี่ยวเฉา=งามตระการ
ดินระแหงเพราะแล้งนาน=ผสานดิน				
25 มกราคม 2552 01:29 น.

รักคงไม่ทำร้าย 2

อินทรีน้อย

ปลูกต้นรักต้นใหม่ให้งามกว่า
ที่ผ่านมาปล่อยไปตามสายลมแผ่ว
พัดอดีตอันอาดูรไม่เพริศแพรว
แล้วก็แล้วกันไปไม่นำพา

แต่ต้นรักต้นใหม่ต้องใหญ่ยิ่ง
เพราะเผื่อแผ่ก้านกิ่งไปสุดหล้า
ให้ร่มรักแผ่ทั่วผืนพสุธา
ไม่จำกัดกระทั่งว่าคนเกลียดชัง

แล้วจะไม่มีคำว่า "รักไม่เป็น"
น้ำตาเคยใหลกระเซ็นไม่หยุดยั้ง
จะเหลือแต่น้ำตาปลื้มประดัง
เรื่องผิดหวังกับรักนี้ไม่มีเลย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินทรีน้อย
Lovings  อินทรีน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินทรีน้อย
Lovings  อินทรีน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินทรีน้อย
Lovings  อินทรีน้อย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอินทรีน้อย