1 ตุลาคม 2547 10:04 น.
อิงฟ้า
จำได้ไหมคนดี ความรักของเราเริ่มก่อตัวเมื่อไร
ความรักของเราเริ่มจากอินเตอร์เน็ต
เมื่อที่หลายๆคนเคยบอกว่า "รักออนไลน์ไม่ใช่รักแท้"
แต่พอมาถึงทุกวันนี้ "ความรักออนไลน์กลับกลายเป็นรักแท้ของใครบางคน"
จากการเริ่มพูดคุยกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า
**วันแรกที่รู้จักกันก็คงเป็นความบังเอิญนะ ( วันนี้ได้เพื่อนเพิ่มขึ้นอีก 1 คน)
**วันที่สองเราเริ่มทำความรู้จักกันมากขึ้น ( คุยไปเรื่อยล่ะ)
**วันที่สามเรา เริ่มหัวเราะ การที่ได้พูดคุยกับเพื่อนคนนึงมันทำให้เราเริ่มยิ้มได้
**วันที่สี่เราก็ยังพูดคุยกันปกติ...มีอะไรก็เล่าสู่กันฟัง
เวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน>>>>จากเดือนไปเป็นปี
จำได้ว่าช่วงนึงเราต่างก็ออนไลน์ไม่ได้ แต่เราก็ยังคุยกันทางเมล
บางทีกว่าจะได้ตอบเมลก็ข้ามวัน......
เพราะเราต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ.....คือ เรียนหนังสือ
ถึงจะไม่ได้คุยกันโดยตรงแต่ก็ยังดีกว่าเงียบหายไป
ถึงจะออนไลน์ไม่ได้แต่ฉันก็ยังคิดถึงเธอทุกวัน
ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคิดถึงเธอ
ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นอย่างไร ( ไม่มีใครตอบได้..แม้แต่ฉันเองก็ตอบไม่ได้)
เกือบ 2 ปี แล้วนะที่เราได้รู้จักกัน
เราได้ผ่านความรู้สึกหลายอย่างมาด้วยกัน
ผูกพัน >>>> คิดถึง >>>> ห่วงใย >>>>> รัก
แต่บ่อยครั้งที่เราต่างก็เก็บความรู้สึกนี้ไว้
ไม่บอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความรู้สึกนั้น
(ทำได้แค่เพียง...." แอบรัก" เท่านั้น )
ฉันไม่รู้ความรู้ความรู้สึกเธอ..ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่รู้ความรู้สึกฉัน
ต่างฝ่ายต่างไม่พูด.......มันพูดยากนะ
ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ถ้าพูดไปแล้วต้องทำให้อีกฝ่ายนึงต้องเจ็บปวด
สู้อย่าพูดอะไรเลยจะดีกว่า...ไม่อยากให้คำพูดเพียงไม่กี่คำ
มาทำลายมิตรภาพและความผูกพันระหว่างเรา......
บางทีถ้าฉันพูดไป อาจทำให้เธอลำบากใจและอาจเสียเธอไป
ฉันจึงเลือกไม่พูดดีกว่า....จนบางครั้งเธออาจคิดว่าฉันดูเฉยๆ
บางทีเธอก็ว่าฉันแปลกไป ( เธอรู้สึกว่าฉันแปลกไป )
แล้วเธอล่ะแปลกไปรึเปล่า ( ฉันก็รู้สึกไม่ต่างกับเธอ)
ทุกครั้งที่คุยกัน เธอมักจะบอกฉันก่อนเสมอว่า " คิดถึงนะ "
เมลทุกฉบับมักจะลงท้ายว่า " คิดถึงนะ "
ตอนที่คุยโทรศัพท์ก็ลงท้าย " คิดถึงนะ "
ฉันไม่ได้เบื่อที่จะฟังคำนี้หรอก ..........
( แต่ทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า
วันนึงเธออาจจะไม่พูดคำนี้กับฉัน )
วันนั้นวันที่เธอเมลมาเธอเรียกฉันว่า " สุดที่รัก "
เธอบอกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะที่บอกรักฉัน
แล้วเธอไม่คิดเหรอว่า คนที่อ่านเมลเธอน่ะก็รู้สึกไม่ต่างกับเธอ
ขอบคุณกาลเวลาที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับเธอ
ขอบคุณกาลเวลาที่ทำให้เรารักกัน
ขอบคุณนะกับความรู้สึกดีๆ ขอบคุณที่เธอคิดถึงฉัน
ขอบคุณที่เธอเรียกฉันว่า " สุดที่รัก "
ขอบคุณความรู้สึกฉันที่รู้สึกว่าเธอ คือ " สุดที่รัก " เช่นกัน
ขอบคุณความรู้สึกฉันที่ไม่ผูกพันกับใคร....นอกจากเธอ
ขอบคุณความรู้สึกฉันที่ไม่คิดถึงใคร....นอกจากเธอ
ขอบคุณความรู้สึกฉันที่ไม่ห่วงใยใคร....นอกจากเธอ
ขอบคุณความรู้สึกฉันที่ไม่รักใคร....นอกจากเธอ
มาจนถึงวันนี้ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
9 กันยายน 2546 15:50 น.
อิงฟ้า
วันนั้น เป็นวันที่เราได้ไปเข้าค่ายด้วยกัน เป็นค่ายของชมรมหนึ่ง ที่รวบรวมนักศึกษาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์แห่งนักอนุรักษ์มาเข้าค่ายด้วยกัน วันนั้นทีไปก็มีคนที่รู้จักบ้างไม่รู้จักก็มาก และผมก็ได้พบกับคนๆหนึ่ง ที่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรที่พิเศษไปกว่าคนอื่นๆ แต่ว่ายังไงไม่รู้ผมพยายามที่จะจับตามองเธอทุกฝีก้าว เธอไม่ใช่คนสวยอะไร หน้าตาดูไปก็ธรรมดา แต่ก็เป็นเรื่องที่แปลกสำหรับผมที่ปรกติผมจะมองแต่คนสวยๆ ตามธรรมชาติของผู้ชาย แต่สิ่งที่ทำให้ผมพยายามมองเธอมาตลอดก็คือความรู้สึกอะไรบางอย่างเหมือนมีคำถามให้ต้องพยายามที่จะต้องหาคำตอบออกมาให้ได้เหมือนกันว่าเธอเป็นคนที่ผมคุ้นเคยมากแต่คิดไม่ออกสักที
คืนนั้นเป็นคืนแรกบนดอย ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ เราทุกคนต่างก็มานั่งหลบไอหนาวมาพึ่งไออุ่นจากกองไฟกองเล็กๆที่ให้แสงสลัวๆแต่ว่าก็สามารถให้ความอบอุ่นกับเราได้ ถึงแม้จะไม่อุ่นมากก็ตาม แต่ก็มันทำได้ดีที่สุดแล้วล่ะ สำหรับกองไฟกองนี้ ที่คนได้มานั่งหลบไอหนาวกันทีนี่และตอนนั้นเป็นตอนที่ผมได้อยู่ไกล้ชิดกับเธอมากที่สุด เรานั่งผิงไฟอยู่ตรงกับข้ามกัน และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่ผมจะได้เห็นหน้าของเธออย่างชัดๆสักที ผมจึงพยายามมองหน้าของเธอตลอดที่นั่งผิงไฟอยู่ ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังมาก้องหูว่า นี่นายน่ะ มองอยู่ได้เห็นมองอยู่ตั้งนานแล้วนะ แอบชอบเขาล่ะสิ จากคำพูดคำนี้ทำให้ผมแน่นิ่งพูดทำอะไรไม่ถูก เพราะรู้สึกอายที่ถูกถามตรงๆแบบนี้ ผมเกือบจะตอบคำถามนั้นออกไปแล้ว แต่ก็มีเสียงเดิมพูดต่อมาอีกว่า เพื่อนของเราน่ารักใช่ไหมล่ะ ถ้าสนใจเราติดต่อให้ได้นะ ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้วช่างเป็นน้ำเสียงที่ดูไร้เดียงสา ซึ่งดูแล้วเธอไม่รู้สึกเลยว่าคนที่ผมจ้องมองใช่ใช่เพื่อนของเธอแต่ว่าเป็นเธอนั่นเอง
แต่จากคำพูดคำแรกของเธอกลับทำให้ผมยิ่งชอบ และรู้สึกสนิทสนมกับเธอมาทันที คืนนั้นผมกลับไปนอนพร้อมกับคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าทำไมถึงได้รู้สึกกับเธอขนาดนี้ทั้งที่เพิ่งได้พบกันแท้ๆ
โป้งๆๆๆ ตื่นได้แล้วครับ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน เรามาเข้าค่ายกันนะครับ ไม่ใช่กำลังนอนอยู่หอ ตื่นครับ ตื่นๆ เสียงดังของไม้ที่กระทบกับปี๊บ บวกกับเสียงของรุ่นพี่ บังคับให้เราต้องตื่นมาตั้งแต่เช้า ทุกคนตื่นมาด้วยอาการเซื่องๆซึมๆ บางคนก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตื่น เพราะคิดว่านี่คงจะเป็นการตื่นเช้าที่สุดในรอบหลายเดือนของทุกคน ส่วนตัวผมนั้นก็เช่นเดียวกันตื่นมาด้วยอาการสลึมสลือ แต่กลับตาสว่างขึ้นมาทันที เมื่อได้พบกับรอยยิ้มหวานๆจากใบหน้าของเธอคนนั้นที่ยิ้มมาให้กับผม อื้อ วันนี้ช่างเป็นวันที่สดใสเสียจริง ผมบอกกับตัวเองไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกันรึเปล่า
เราสองคนเริ่มที่จะสนิทกันเรื่อยๆ เพราะว่าได้ทำกิจกรรมหลายอย่างร่วมกันเริ่มที่จะพูดคุยกันแต่ส่วนใหญ่ก็มักจะกัดกันซะมากกว่า เพราะว่าเธอเป็นคนที่ช่างพูด หรืออาจจะเรียกว่าพูดมากได้เลยล่ะ เธอจะคอยแซวผมอยู่เรื่อยเวลาที่เจอกัน จะคอยถามผมว่าเพื่อนของเธอเป็นยังไงบ้าง ไม่สนใจบ้างเหรอ อะไรทำนองนี้ แต่กลับไม่รู้เลยว่าการเป็นแม่สื่อแม่ชักให้คนอื่น กลับเป็นการชักนำให้คนอย่างผมให้ชอบเธอขึ้นไปเรื่อยๆ
ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าผมชอบเธอตอนไหน แต่ที่รู้คือตอนนี้ผมได้ชอบเธอเข้าแล้ว ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเองนะว่าเธอก็คงจะชอบผมบ้างเหมือนกันเพราะว่าเธอมักจะยิ้มให้กับผมอยู่เสมอเวลาที่เจอหน้ากัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำแบบนี้กับคนอื่นบ้างรึเปล่า แต่ว่ามีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเธอชอบผมก็คือผมเคยหยิบก้อนหินก้อนเล็กๆมาสองก้อน เป็นก้อนหินก้อนกลมๆธรรมดาๆ ผมได้ให้เธอเก็บใว้ก้อนหนึ่งซึ่งเอก็ได้รับใว้แล้วก็เก็บใว้ตลอดเวลา ผมแอบสังเกตดูเธอ เห็นตอนที่เธอทำอะไรต่อมิอะไร แต่ผมก็ไม่เคยเห็นเธอปล่อยให้ก้อนหินก้อนนี้ออกจากมือของเธอเลย ถึงแม้ว่าจะดูเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการทำงานของเธอ ราวกับว่าก้อนหินก้อนนี้มีความหมายกับเธอยิ่งนักแต่บางทีผมก็อาจจะคิดไปเองก็ได้แต่เมื่อ ผมเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกดีใจถึงแม้เธออาจจะไม่ชอบผมแต่เธอก็ไม่ได้ทิ้งขว้างของที่ผมได้ให้ใว้กับเธอถึงแม้มันจะไม่มีค่าอะไรเลยก็ตาม
ถึงวันที่จะต้องกลับ ในใจหนึ่งผมก็รู้สึกดีใจที่ได้พบกับเธอ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่จะต้องจากเธอไปแม้ว่าจะแค่ไม่ได้เจอกันบนค่ายแต่เราก็ยังมีโอกาสเจอกันได้อีกที่มหาวิทยาลัย
แล้วผมก็แน่ใจว่าผมได้เจอคนที่ตามหามานานแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเป็นคนที่เธอกำลังตามหาอยู่หรือเปล่า แต่ว่าผมขอเชื่อในโชคชะตาสักครั้งและหวังว่าด้ายแดงของเราทั้งสองคงจะเชื่อมติดกัน
เรื่องราวต่อจากนี้ผมไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับผมหรือไม่ ผมไม่สามารถที่จะให้คำตอบได้ คนที่จะสามารถให้คำตอบได้ก็คงจะมีเพียงกาลเวลากับโชคชะตาของเราเท่านั้น
4 มิถุนายน 2546 15:50 น.
อิงฟ้า
ในวันสุดท้ายก่อนวันคริสต์มาส ฉันรีบไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ต
เพื่อซื้อของขวัญที่ฉันไม่ได้ซื้อไว้แต่เนิ่นๆ
เมื่อฉันเห็นผู้คนทั้งหมดที่นั่น ฉันก็เริ่มบ่นกับตัวเอง
ฉันคงต้องเสียเวลาเป็นชาติที่นี่แน่ๆ ฉันควรไปที่อื่นดีกว่า
คริสต์มาสนี่ทำให้รู้สึกแออัดและน่ารำคาญขึ้นทุกๆปีจริงๆ
สิ่งที่ฉันอยากจะทำคือเอนตัวลงนอนแล้วก็หลับไปและตื่นขึ้นมาเมื่อเวลานี้ผ่านพ้นไปแล้วจริงๆ แต่ถึงยังไงฉันก็ยังไปที่แผนกของเล่น
และฉันก็เริ่มหัวเสียเกี่ยวกับราคาของมันและแปลกใจว่า เด็กๆเนี่ยเล่นของเล่นที่แพงขนาดนี้เชียวหรือ ขณะที่กำลังเดินดูของอยู่ในแผนกของเล่นนั้น
ฉันสังเกตเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง อายุประมาณ 5 ขวบ กำลังอุ้มตุ๊กตาไว้แนบกับอก เขาค่อยๆลูบผมของตุ๊กตานั้นและมองดูอย่างเศร้าสร้อย
ฉันสงสัยว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะเอาตุ๊กตาไปให้ใครกัน
เด็กผู้ชายคนนั้นหันไปหาหญิงชราที่อยู่ข้างๆ "คุณย่าแน่ใจหรือฮะว่าเงินของผมมีไม่พอ หญิงชราตอบว่า หลานก็รู้นี่ว่าหลานมีเงินไม่พอที่จะซื้อตุ๊กตาตัวนี้หรอก
หลังจากนั้นหญิงชราก็บอกให้เขารออยู่ตรงนั้นประมาณ 5 นาทีระหว่างที่เธอจะไปเดินดูรอบๆ
แล้วเธอก็จากไปอย่างรวดเร็ว เด็กชายยังคงอุ้มตุ๊กตาอยู่ในมือ
ในที่สุดฉันก็เริ่มเดินเข้าไปหาเขา
ฉันถามเค้าว่าเค้าจะเอาตุ๊กตาตัวนั้นไปให้ใคร มันเป็นตุ๊กตาที่น้องสาวของผมชอบที่สุดฮะ และเธอก็อยากจะได้มันมากเป็นของขวัญวันคริสต์มาส
เธอมั่นใจมากว่าซานตาคลอสจะให้ตุ๊กตาตัวนี้แก่เธอ
ฉันบอกเค้าว่า ซานตาคลอสจะให้ตุ๊กตานี้แก่น้องสาวของเขาแน่ๆ
และก็ไม่ต้องกังวลหรอก
(มาถึงตรงนี้ นึกหละสิครับว่า เรื่องนี้ จะเหมือยนกับเรื่อง
ปกติทั่วๆไปที่คุณเคยอ่าน เดาผิดแล้วหละครับ ลองอ่านต่อสิครับ...)
แต่เขาตอบฉันด้วยท่าทางเศร้าสลดว่า
ไม่หรอกฮะ ซานตาคลอสไม่สามารถเอาตุ๊กตานี้ไปให้เธอในที่ๆเธออยู่ตอนนี้ได้
ผมจะเอาตุ๊กตาตัวนี้ไปให้แม่
แม่จะได้เอาตุ๊กตานี้ไปให้เธอเมื่อแม่ไปที่นั่น
ดวงตาของเขาเศร้ามากขณะที่เขาพูดต่อไป
น้องสาวของผมไปอยู่บนสวรรค์
พ่อบอกว่าแม่ก็จะไปเหมือนกันในเร็วๆนี้
ผมก็เลยคิดว่าแม่น่าจะเอามันไปให้น้องสาวของผมได้
หัวใจของฉันเกือบจะหยุดเต้น เด็กชายเงยหน้ามองฉันแล้วพูดว่า
"ผมบอกพ่อให้บอกแม่ว่าอย่าพึ่งไปให้รอผมจนกว่าผมจะกลับจากซุปเปอร์มาร์เก็ตฮะ
แล้วเขาก็หยิบรูปที่น่ารักมากของเขาซึ่งกำลังหัวเราะให้ฉันดู แล้วก็บอกว่า
"ผมอยากให้แม่เอารูปนี้ไปด้วยฮะเธอจะได้ไม่ลืมผม
ผมรักแม่ฮะและผมก็หวังว่าเธอจะไม่ต้องจากผมไป
แต่พ่อบอกว่าเธอต้องไปอยู่กับน้องสาวของผม
แล้วเขาก็จ้องมองตุ๊กตาอีกครั้งอย่าอาลัย
ฉันรีบคว้ากระเป๋าตังออกมาอย่างรวดเร็ว
หยิบธนบัตรออกมา 2-3ใบ แล้วพูดว่า ทำไมเราไม่ลองตรวจดูอีกที เผื่อว่าเราจะมีเงินพอ
"ตกลงฮะ เขาพูด ผมหวังว่าผมจะมีเงินพอนะฮะ
ฉันแอบใส่เงินของฉันลงในกระเป๋าตังของเขาโดยไม่ให้เขาเห็นแล้วเขาก็เริ่มนับมัน
มันไม่ได้มีเงินแค่พอซื้อตุ๊กตาเท่านั้น แต่ยังเหลืออีกด้วย เด็กชายพูด
"ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเงินให้ผมฮะ เขามองฉัน แล้วพูดเสริมว่า
"ผมอธิษฐานกับพระเจ้าก่อนนอนเมื่อวานฮะ
ว่าขอให้ผมมีเงินพอที่จะซื้อตุ๊กตาตัวนี้เพื่อแม่จะได้เอาไปให้น้องสาวของผมฮะ แล้วพระองค์ก็ได้ยิน
ความจริงผมอยากได้เงินที่จะซื้อกุหลาบสีขาวให้แม่ด้วยฮะ แต่ผมไม่กล้าขอมากเกินไป
แต่พระองค์ก็ให้เงินผมมากพอที่จะซื้อทั้งตุ๊กตาและกุหลาบ
แม่ของผมชอบกุหลาบขาวฮะ
2-3 นาทีต่อมา หญิงชราก็กลับมา
ฉันเดินออกมากับรถเข็นของฉัน(รถเข็นที่ใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตอะ)
ฉันซื้อของจนเสร็จด้วยความรู้สึกที่ต่างจากตอนมาโดยสิ้นเชิง
ฉันไม่สามารถเอาภาพของเด็กชายคนนั้นออกจากจิตใจฉันได้
หลังจากนั้นฉันก็จำข่าวที่อยู่ในหนังสือพิมพ์เมื่อ 2 วันก่อนได้
มันบอกว่าคนขับรถบรรทุกที่เมาเหล้าคนหนึ่งขับรถชนรถอีกคันหนึ่งที่มีหญิงสาวคนหนึ่งกับเด็กหญิงตัวเล็กๆในรถ
เด็กหญิงคนนั้นเสียชีวิตทันที แต่แม่ของเธออยู่ในขั้นบาดเจ็บสาหัส
ครอบครัวของพวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะดึงปลั๊กเครื่องช่วยหายใจดีหรือไม่
เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่สามารถดีขึ้นไปกว่าขั้นโคม่าได้
ครอบครัวนี้จะเป็นของเด็กชายคนนั้นรึเปล่านะ
2 วันหลังจากได้พบกับเด็กชายคนนั้น
ฉันอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ว่า หญิงสาวคนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว
ฉันไม่สามารถหยุดตัวเองไว้ได้ที่จะไปซื้อกุหลาบช่อหนึ่ง แล้วไปที่ Mortuary
ซึ่งร่างของหญิงคนนั้นได้ถูกเปิดให้คนได้ดูและอธิษฐานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนฝัง
เธออยู่ในนั้น
ในโลงศพของเธอในมือมีดอกกุหลาบสีขาวดอกหนึ่งกับรูปถ่ายของเด็กชายคนนั้น
และมีตุ๊กตาวางอยู่บนหน้าอก
ฉันออกไปข้างนอกทั้งน้ำตารู้สึกว่าชีวิตของฉันได้เปลี่ยนไปตลอดกาล
ความรักที่เด็กผู้ชายคนนี้มีให้แม่และน้องสาวของเขานั้นจะยังคงอยู่ยืนยาวสุดแก่การจินตนาการ
แต่เพียงแค่เศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น
คนดื่มเหล้าคนหนึ่งก็ได้พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเค้า
5 มีนาคม 2546 13:33 น.
อิงฟ้า
มีผู้ชายอยู่ 5 ประเภท ที่ผู้หญิงจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความยินดี
1.????????= ถอดเสื้อผ้าออกสิ
2.????????= อ้ากว้างๆ หน่อยสิ
3.????????= ประตูหน้าหรือประตูหลังครับ
4.????????= ถ้าคุณเอาไอ้นี่เข้าไปแล้ว คุณจะชอบมันแน่ๆ
5.????????= ถ้าคุณถอนออกตอนนี้ คุณจะเสียใจนะครับ
ลองทายสิว่าผู้ชาย5คนนี้คือใคร
ดูเฉลยข้างล่างครับ
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
x
เฉลย
1.หมอ
2.หมอฟัน
3.คนส่งนม
4.นักตกแต่งภายใน
5.นายธนาคาร
26 กุมภาพันธ์ 2546 10:21 น.
อิงฟ้า
เอ่ยคำลากับความรัก
ขอสัญญาว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ช้ำใจ
แม้ต้นซากุระที่สั่นใหวในสสายลม
ก็ยังผลิดอกออกมาในไม่ช้า
หยาดฝนที่โปรยปรายในฤดูร้อน
ไหลเคียงข้างหยาดน้ำตาที่หลั่งริน
ภาพความทรงจำที่ซับซ้อน
ภาพในละครที่ฉายซ้ำในฤดูใบไม้ร่วง
ทำไมต้องเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กับแผลเดิมๆอยู่แบบนี้
แต่ยังไงก็สู้ต่อไป
นี่คือความมหัศจรรย์ของชีวิต
ทุ่มเททุกอย่างให้กับความรัก
หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ซ้ำใจ
รองเท้าที่สึกไป
กับฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน
จงผ่อนคลายแล้วเก็บอดีตใว้ที่ไหนสักแห่ง
แล้วเผชิญกับทิวทัศน์ใหม่ที่ไม่เคยเห็น
มันคงไม่ไกลจากที่นี่
อยากจะลืมความปวดร้าวไม่รู้จบ
แล้วไกล้ชิดเธอให้มากกว่านี้
คิดใครครวญครั้งแล้วครั้งเล่า
ยังคงใขว่คว้าหาฟ้าที่สดใส
รักเธอเหลือเกิน
แม้เรื่องนี้กับเรื่องนั้นจะไม่เกี่ยวกัน