27 พฤศจิกายน 2547 14:18 น.
อาภาภัส
เช้าวันเสาร์นี้ อากาศกำลังสบาย แสงแดดต้นฤดูหนาวไม่ได้ร้อนแรง มันมีความอบอุ่นจากธรรมชาติที่เอื้อไมตรีต่อมวลมนุษย์ ....
ณ มุมหนึ่งของริมน้ำ ใกล้ๆริมกอจาก เด็กหญิงเปรี้ยวหวานนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ชายท่าริมน้ำนั้น แกว่งขาอย่างบันเทิงเริงรมย์ ก็อะไรเล่า กว่าจะปีนขึ้นมาได้ต้องใช้ความพยายามนะ
ลมต้นฤดูหนาวโชยมาเบาๆ พัดให้สายน้ำในคลอง สะท้านไหวเล็กน้อย กิ่งไม้หมดอายุหักดังเป๊าะ หล่นลงในน้ำ เสียงดังฉุ ฝูงปลาเข็ม ปลากระบอก และปลาอื่นๆที่ยังเป็นลูกปลาตัวเล็กตัวน้อย แตกฝูง ว่ายหนีห่าง แต่ชั่วประเดี๋ยวเท่านั้นนะ พอเห็นชัดว่าไม่มีอันตราย ฝูงปลาก็เวียนว่ายใกล้กิ่งไม้อยู่ไม่ห่าง อาศัยเป็นที่เกาะได้บังแดดสักนิด ก็ด้วยว่า ซากใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่ก่อน ลอยมาติดกับกิ่งไม้นั้น แล้วต่างลอยละล่องท่องท้องน้ำ
กะต๊องต่อง กะต๊องต่อง วืด วืด ไม่ใช่เสียงกิ่งไม้และใบไม้ที่ไหลล่องหรอกนะ แต่เป็นเสียงเจ้าแมลงตัวหนึ่ง
มันเป็นดาราไม่ได้รับเชิญ บินมาวน ในฉากนี้พอดี
สายตาของเด็กหญิงเปรี้ยวหวานมองตามธรรมชาติที่เป็นธรรมชาตินั้น ตาประกายฝัน อมยิ้มนิดๆ ยิ่งยามที่ก้มลงมอง ลงไปเบื้องล่าง จากโคนลำต้นที่ปีนขึ้นมาได้ แล้วยิ่งต้องยิ้มใหญ่
อิอิ ให้เธอสูงใหญ่ยังไงนะ ฮึ ฉันก็ปีนถึง เด็กหญิงเปรี้ยวหวานพูดตอบโต้กับต้นไม้อยู่ในใจ พร้อมกับนึกย้อนภาพ ที่เจ้าหล่อน นั่งมองแต่ละกิ่งไม้อยู่หลายวัน ลูบๆ แตะๆที่เปลือกของมัน และบางทีก็ตีลำต้นอย่างเบาๆ
ส่วนในใจก็หมายมั่นปั้นมือว่า ฉันต้องมีสักวันที่จะได้นั่ง อาศัยไออุ่นเธอแน่ และก็ได้อย่างวันนี้ เพียงแค่เจ้าหล่อน วางแผนการ หาม้านั่ง ของย่าที่ใช้ในครัว มาวาง แล้วก็ เขย่งเก็งกอยอีกนิด อาศัยความกล้าอีกสักหน่อย
เจ้าหล่อนก็ได้อยู่บนต้นไม้ แม้ว่าภาพของการปีนขึ้นมาไม่ได้มาแบบผู้พิชิต เพราะเจ้าหล่อนค่อยๆกระดุบ กระดุบยังกับตัวหนอนอ่อนๆ ค่อยๆคืบคลาน แล้วก็กอดลำต้นของเจ้าต้นไม้ไว้แน่น ยังกับว่า ชาตินี้ เราจะพรากจากกันไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง ที่หล่อนใช้มาตรการสมอง แล้วก็มานั่งเอ้อระเหย ยิ้มบ้างฝันบ้างอยู่นี่แหละ
เสียงนกกางเขน ทักเด็กหญิงเบาๆ จิ๊บ จิ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จิ๊บ จิ๊บ เจ้าหล่อนหันมองตามเสียงนั้น เจ้านกก็โผผิน
บินร่อนไปมา ราวกับว่าวันนี้ โอกาสดีเหลือเกิน ได้เจอเด็กหญิงนักฝัน ที่ คิดถึง ขอหอมเธอ รับลมยามเช้าจะได้ไหมจ๊ะ .... อิอิ .. ได้สิ เด็กหญิงเปรี้ยวหวาน จินตนาการเป็น บทพูดไว้เสร็จพร้อม รอยยิ้มระบายอยู่ในสีหน้าและดวงตา .. ขอบใจเธอจริงๆนะ ที่มาทักทายฉัน...แม้เพียงนิด ฉันก็ขอบคุณเธอนะ...
ขวดน้ำพลาสติกใบหนึ่ง ลอย เข้ามาในสายตาพอดี ก็สายน้ำที่อยู่เบื้องล่าง มันกรุ่น ด้วยควันอากาศ เมื่อร้อนกระทบเย็น ช่วยกระตุ้นภาพเก่าๆในใจของเจ้าหล่อน ยามนั้น เด็กหญิงเคยเขียนจดหมายให้ฟากฟ้า แล้วฝากใส่ขวดไป ถามสารทุกข์สุขดิบ และยามนี้ เด็กหญิง อยากเติมฝัน และบอกความในใจกับฟ้า ...
ท่านเจ้าขา ...ท่านรับฟังเปรี้ยวหวานสักนิดเถอะนะเจ้าคะ
..เปรี้ยวหวาน ..สงสาร คุณป้าหัวหอม ..คุณป้า เธอมีความทุกข์มาก .. เธอสอนหนังสือมานานแล้ว ..
เธอดูมีความทุกข์มาก เปรี้ยวหวานได้แอบถาม ..ก็ได้ความว่าคุณป้าไม่อยากอยู่ที่ที่ทำงานเดิม คุณป้าอยากได้ใช้เสียง พากษ์ พิธีกร หรือ ได้ทำงานหลายแบบ ที่พอเป็นประโยชน์ ไม่ใช่สอนอย่างเดียวแล้ว มีอึดอัดลึกๆที่บอกใครไม่ได้ ท่านช่วยได้ไหมเจ้าคะ ...เปรี้ยวหวานสังเกตเองนะเจ้าคะ ว่าคุณป้าหัวหอม เธอมีฝันได้ทุกรูปแบบเสมอ เธอชอบการได้เรียนรู้พัฒนา ค้นคว้าเปลี่ยนแปลง เธอบอกว่า ไม่รู้จักคำว่าแก่ สำหรับการเรียนรู้
ท่านรู้ไหมเจ้าคะ คุณป้า เธอ แสดงได้ด้วยนะเจ้าคะ เขียนอะไรๆ ให้อ่านเพลินๆ ก็ได้ เขียนจริงๆจังๆก็ได้
พูดภาษาอังกฤษก็ได้ แล้วก็ยังภาษาอื่นๆอีก เปรี้ยวหวานรู้ว่าเธอพยายามมาก คุณป้าหัวหอม ทำได้หลายอย่าง ทำกับข้าว ทำขนม ตัดผม ตัดเสื้อ จัดดอกไม้ เล่นกีฬาสารพัด ชอบหัดเล่นกีตาร์ และออร์แกน แถม เปรี้ยวหวานว่า เธอ ค่อนข้างมีจิตคิดดีนะเจ้าคะ .. แต่หมู่นี้เปรี้ยวหวานว่าเธอทุกข์ทุกข์ ยังไงก็ไม่รู้ ได้ยินเหมือนเธอพูดว่า ...
...เสียสละเพื่อความกตัญญู จนวันถึงที่ควรเป็นตัวของตัว ก็มีเพียง คำว่าแก่ เป็นรางวัล ...
เสียงดัง ฮุบ เจ้าปลาตัวใหญ่คงได้เหยื่อแล้วสินะ น้ำในคลอง แตกกระเพื่อมเป็นวง... ปลาใหญ่กินปลาเล็ก..
เปรี้ยวหวานสงสัยจัง เป็นเพราะปลาเล็ก เซ่อซ่าหรือคะ ท่านเจ้าขา หรือโอกาสเป็นเพราะปลาเล็ก ได้เป็นแค่ปลาเล็ก โตเต็มที่ก็อย่างปลาเล็ก หรือเช่นนั้นเจ้าคะ
เปรี้ยวหวาน ..เห็นคุณป้าหัวหอม เธอไม่เคยคิดเช่นนั้น เธอบอกว่า ความคิดฝัน สอนให้เกิดสิ่งใหม่มากมาย
เธอบอกว่าคนเราต้องได้ทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา แม้ว่าจะไม่เคยฝึกมา ถ้าหากจังหวะได้ทำ ความสามารถย่อมพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ... เฮ้อ .. คุณป้าหัวหอม ชอบบอกว่า คุณป้าสอบตกเสมอ
นกเขาไพร ส่งเสียงขัน สลับกับเสียงจี๊ดๆๆๆๆๆๆ ของนกกระจอก ป็อกๆ ป็อกๆ จิ๊ดๆ จิ๊ดๆ จุ๊บ มันคือจังหวะได้ไหมเจ้าคะ จังหวะในธรรมชาติที่ไม่คิดจ้องทำลาย และทำร้าย กันและกัน ย่อมให้ความสุข
...เฮ้อ..แล้วจะเป็นยังไงต่อไปดีล่ะเจ้าคะ.... เฮ้อ ....เปรี้ยวหวาน...คิดเช้านี้ มาสาม เฮ้อ แล้ว
สิ่งที่เปรี้ยวหวานทำได้ตอนนี้ คือหลับตาลง ขออธิษฐานให้เกิดสิ่งดีดีในชีวิตของคุณป้าหัวหอม..
คุณป้าหัวหอม เคยแต่งเพลงเล่นๆ สอนเปรี้ยวหวานไว้ด้วยนะ....
อันความกรุณา หลั่งมาจากดวงใจใครหนอ คนผู้นั้นเลิศลออ สุขเคล้าคลอทอความฝัน
อันความปรานี กล่อมชีวีกล่อมใจให้สุขสันต์ ล้อมรัก มากมิตร จิตรสัมพันธ์ ต่างผูกฝันสื่อประสาน
สายไยรัก
ทำดีย่อมได้ดี บอกทางชี้ บอกทางสวรรค์ รักกันโอบเอื้อ เกื้อกูลกัน นานนิรันดร์ ภัยร้ายวายเสื่อมสูญ
อันความเมตตา สุขอุราก่อ แรงหนุน รักคือรัก ฤทธิ์หวานอ่อนละมุน เกิดแรงทุนหนุนเนื่องในเรื่องรัก
คุณป้าหัวหอม บอกว่า คำว่า คงมีสักวัน มีความหมายที่สอนให้เกิดกำลังต่อสู้ เพื่อวันพรุ่งนี้
วันนี้ หากเหนื่อยนัก ก็หลับตาลงเสียก่อน ...แล้วคุณป้า ก็จะร้องเพลง..เปรี้ยวหวานหลับตาลง ..เอนตัวพิงไปตามแนวกิ่ง ต้นไม้ใหญ่พอที่จะให้เปรี้ยวหวาน หลับ.. ลมเย็นๆ หอมๆ ของดอกไม้ป่า จากอีกฟากหนึ่ง ..ลอยกลิ่นตามลม
เปรี้ยวหวาน สงสัย และมีคำถาม ถามท่านนะเจ้าคะ แก่ไซร้ไร้ประโยชน์ จริงหรือเจ้าคะ
.....นานเท่าใดไม่รู้ ที่เปรี้ยวหวานหลับ และหลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียง ตะโกนโหวกเหวกของคุณย่า
ใคร ใครเอาม้านั่ง ในครัวไปไหน หือ เดี๋ยวเถอะ กับข้าว กลางวัน แล้วก็เย็น ได้อดตามๆกัน..
.....สายน้ำยังคงไหลเลื่อนไป... น้ำใส ไหล แรง เร็ว หรือช้า ตามจังหวะ ..จริงหรือนี่
อาภาภัส 27 พ.ย 2547
18 พฤศจิกายน 2547 17:56 น.
อาภาภัส
เสียงตะลุมตุมตุม โป่ง ปง โป่งปง แล้วก็รัว สลับกับเสียงนกหวีด ปรี๊ด สนามกีฬาโรงเรียน เด็กๆดูสนุกสนาน แสดงความสามารถร้องเพลงเชียร์บอกความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สลับแทรกกับเสียงวี๊ด วี๊ด วี๊ด เมื่อลุ้น นักกีฬาฝ่ายตนเสียจนตัวโก่ง
สำหรับฉัน อยากให้เสียงที่ได้ยินนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ของการอยู่ที่นี่ ฉันไม่เคยเขียนเรื่องโรงเรียนในฝันจบแม้สักครั้ง แต่สำหรับคราวนี้
หัวใจปิดผนึก ทุกครั้งที่นึก
ใบไม้ปลอมๆ แกว่งไกวตามลม อยู่ริมหน้าต่าง มองไกลๆยังไง ยังไง ก็ใบไม้ ไม่เน่า ไม่เปื่อย แต่สกปรก เช็ดคราบฝุ่น ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
คราบเก่าๆก็สลับลาย ตลกจริง สายสกปรก เกิดริ้ว ที่ ทำให้คนที่ แยกไม่ออกว่าสิ่งใดจริง สิ่งใดปลอม แล้วยังพลิ้วว่า ฉันนี่แหละ มีชีวิต
เปลี่ยนบรรยากาศ มองน้ำในเหยือก ก้นเหยือกมีคราบกาแฟ รอยกาแฟ สีก็ไม่ขาวสินะ แต่น้ำขาวใส มีมดตายลอยอยู่ตัวหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผู้โหยและกระหายน้ำ ดื่มไปสองสามอึก ตาคอยมองมดตายตัวนั้น เป่าซากของมัน ไหว ไกล แล้วจึงจิบน้ำได้ต่อไป
ไม่น่าเชื่อเลย ฉันดื่มน้ำ เพื่อลดเครียด แต่สิ่งที่เสียดแทรก ในความคิด ฉัน เหมือนมดตายตัวนั้น
อาภาภัส 18 พฤศจิกายน 2547
17 พฤศจิกายน 2547 06:24 น.
อาภาภัส
.ใจ เอ้ย .ใจ
รถนำเที่ยวคันนั้นวิ่งปุเลงๆอย่างไม่เกรงว่า คนข้างทางจะสูดฝุ่นเข้าไปเท่าไร อาจเป็นเพราะคนขับกำลัง
ครื้นเครง คลอความคึกร่วมไปกับบรรดาสมาชิกที่อยู่ ภายในรถคันนั้น
นิสิตหนุ่มสาว ใบหน้ายิ้มแย้ม ต่างเฮฮา รื่นเริง เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย ไม่อาจดังกลบเสียงเพลงบรรดา
หนุ่มสาวหลังรถ
ใจเอ๋ยใจ เปิดได้ทั่วบานประตู อยากจะรู้หัวใจ บรรดาลูกคู่เสียงโข่ง เสียงค่อย เสียงแหบ และเสียงเสนาะ
ต่างจงใจที่จะร้องท่อนสร้อยนี้นัก จบจากท่อนสร้อยแล้ว เสียงคนแซวเก่งก็จะต่อเติมความล่ะ
ไม่รักพี่ ก็ไม่ว่า ไม่รักพี่ก็ไม่ว่า แต่ช่วยโทรหาพี่บ้างปะไร คนร้องร้องเสร็จ ตาก็ส่งยิ้มหวานไปสู่สาวๆที่นั่งเรียบร้อยอยู่ประมาณ
กลางรถ เพื่อนๆก็มองตาม ยังยังไม่ชัดว่าคนไหน ตามองตาม ปากร้องต่อ ใจเอ๋ยใจ เปิดได้ทั่วบานประตู อยากจะรู้หัวใจ
เจ้าหนุ่มคนเดิมเริ่มวาดลวดลาย หลงรักน้องคนเสื้อแดง หลงรักน้องคนเสื้อแดง ที่ชื่อ เม็ดแตง แห้งตาย
ตอนสาวๆได้ยินว่ารักคนเสื้อแดง อิอิ หลายคนก็ตัวผะผ่าว หนาวนี้ดีแน่ แต่พอฟังพ่อคนกะล่อน ต่อคำ ใครที่ชื่อเม็ดแตง
ก็เริ่มมีอาการคันคะเยอ อยากโปรยภาษานอกเวลาราชการ สะท้อนกลับบ้าง กลุ่มสาวเก่ง วาจาไม่มียอม ก็เริ่มบ้าง
เบื่อฟังคนที่พูดมาก เบื่อฟังคนที่พูดมาก ซ้ำเป็นขี้กลากนั่งข้างบันได เฮ ..เสียงสาวๆ หัวเราะกันกิ๊กกั๊ก
เวทีบนรถ ดาราไม่มีใครเชิญ เริ่มปรากฏตัว ไล่เลียงไปทีละคน .เสียงรถ เบรคดังเอี๊ยด
เอ้าเฮ้ถึง แล้วนะ ลงได้เลย บางสเหร่. ชายทะเล รวมมิตร ทุกคณะ ของชาว มศก
เรียนหนัก ตามหลักวิชาใคร วิชามัน แต่ก็ต้องมี วัน ที่เยือนเหย้า แล้วก็ผูกไมตรีกัน ทุกคณะ
บ่อยครั้ง .หนุ่มสถาปัตย์ ก็อยากจะ มีคู่จอง เพราะทั้งวันทั้งปี ทำแต่ ออกแบบ หรือไม่ก็อยู่ที่ มหาวิทยาลัย
ดุจดังบ้าน หน้ากระดาษ จะพรายแสงจนกลายเป็นหน้าสาวๆเห็นที จะยาก
ผู้นำกลุ่ม ตะโกน บอก พวกผู้ชายอยู่ เรือนหลังเล็กนะครับ ใครเอาเต้นท์มาก็นอนเต้นท์ พวกผู้หญิงนอนบนเรือนใหญ่นะครับ
และแล้ว ก็กลุ่มใครกลุ่มมัน .ครับ เจอกัน ตอนอาหารค่ำนะครับ
แดดอ่อนโรยตัว ลมทะเล พัดพลิ้ว ริมหาด เสียงคลื่นซัด สลับเสียงที่ล่องลมมาในธรรมชาติ.จนสิ้นแสงตะวัน..
หลายคน เริ่มได้กลิ่นแป้ง กระป๋อง ช่างหอมละมุน สาวๆ จะคณะไหนก็เหอะ สวยไว้ก่อน แต่มาดูหนุ่มๆสิ
เจ็ดวัน อาบน้ำหนเดียว เจ็ดวันอาบน้ำหนเดียว สาวๆ เขาไม่แลเหลียว สาวๆเขาไม่แลเหลียว อาบน้ำหนเดียวอยู่ได้เจ็ดวัน
และก็ไม่เหมือนใครน่ะแหละ หนุ่มจิตรกรรม ผู้มาพร้อมกับขวด ขวดที่ผูกสายระโยง รยางค์ ต่างระดับ ตาหวานกรุ้มกริ่ม
มิใช่เจ้าชู้ แต่น้ำจากขวดที่ดีกรีแรงๆ ลงไปแช่อยู่ในกะเพาะ ชนิด มหาสมุทร ต้องยอม แต่ก็ไม่ทุกคน หรอก หลากชีวิตนะ
ความน่ารัก ของหนุ่มจิตรกรรม คงอยู่ ตรงที่ความสนุกสนานครื้นเครง รักแท้ มีแน่ ที่จิตรกรรม รักเดียว เกลียวลายปั้น
ก็ คงหนีไม่พ้น สาวมัณฑนศิลป์ คงเพราะใกล้กันหรือเปล่าไม่รู้นะ แล้วหนุ่มจิตรกรรมจะมีอกหักไหมนี่
เคยได้ยิน พี่ๆ เขาร้อง ยามเขามาร่วมเชียร์ กีฬา ชะโอ๊ย ชะโอย ชะโอ๊ย ชะโอย ชะโอ อ่งเงย ชะโอ อ่งเงย ตกเป็นเหยื่อแร้งกา
เวลา ทีมพ่ายโดนแย่ง ลูกบาส หรือแล้วแต่ว่าพี่แกเชียร์อยู่สนามไหน แต่มักช่วยเชียร์ตลอดเพื่อสาว อักษร
วันนี้ วันที่ 16 อีกไม่กี่วันแล้วสินะ ที่ชาว มศก จะถือเป็นวันที่สำคัญวันหนี่ง ไม่ใช่เพียงวันของท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี
. ลมเอย ฝากคำส่งผ่านฟากฟ้า บอกทุกดวงใจ จงรับรู้ว่า สุขกรุ่นอุรา ยังจำมิลืม
หากแม้นห่างไกล ใจยังจำอยู่ ขอมีเราคู่ในใจเสมอ และคงสักวันอาจได้พบเจอ
หนึ่ง ฟ้า รวมฝันดังฉันเคียงเธอ รักยังพร่ำเพ้อ ศิลปากร
อาภาภัส 16 พ.ย 2547
7 พฤศจิกายน 2547 19:32 น.
อาภาภัส
...ยังจำได้ไหม..
คำว่าเพื่อน .. ตุณภาพ ที่ไม่มีระดับวัด
วันเก่าๆเล่ายังไง ก็ไม่เก่า
อ่านแล้วงงไหมคะ กับ ประโยคที่ ดู อึมครึม .. ก็ไม่รู้จะพูด ฤาจะเขียนยังไงดีนะ ถึงจะบอก กระจายเสียงผ่านฟากฟ้า ว่า ... คำว่า เพื่อน มีค่ามากนะ
...กะแค่ เดินเล่น นั่งคุย หัวเราะ วิ่งเล่น ถ่ายรูป อ่านหนังสือ ข่วยกันทำการบ้าน ช่วยกันทำเวร เดินเอื่อยๆร้องเพลงอะไรก็ไม่รู้ไปตามถนน
วิ่งแข่งกัน แล้วก็ยังมีอีกมากมาย จาระไน ไม่หมด ก็ เป็นเรื่อง ของ เพื่อนทั้งนั้น
.... นานแล้วค่ะ แล้วก็ เปลี่ยน น เป็น ย ก็ได้ค่ะ ..ทุกอย่างเปลี่ยนตามธรรมชาตินะ แต่มิตรภาพ และ ภาพ เพื่อน คง จำได้อยู่
ลองมาฟังเรื่องนี้ดีไหมคะ...
.....โอ้ โอ วันนี้ อาจารย์ มีประชุมด้วยล่ะ .. ปีนี้ก็ปีสุดท้ายแล้ว ไม่ได้ นะ พวกเราต้องมีกิจกรรมร่วมกัน ไปเลย ..งั้น วันนี้ ยกขบวนไปดูหนัง หมด ห้องเลย
... ขอโทษนะ ไป ไม่ได้ ... มันหนี โรงเรียนนะนี่...
...ไม่ได้นะ .. ตั้งแต่เรียนร่วมกันมา ยังไม่ ได้ ทำอะไร พร้อมกันหมดเลย ไป ไหน ก็ต้อง ไป ด้วยกันสิ...
...แต่ เราเป็น หัวหน้านะ ..อาจารย์มอบความไว้ วางใจ ให้ ดู แล รับผิดชอบ เราทำเสีย เอง ก็ แย่น่ะสิ ..
..ไม่ได้นะ ถ้า ไม่ ไปด้วย ไม่ ใช่ เพื่อน...
..ที่หน้าโรงหนัง โฮย คนแน่นมาก ... ท่าทางทุกคนต่างสดชื่น
แต่มี อยู่ กลุ่มหนึ่ง ไม่ชื่นด้วย ...
หนัง จะเริ่มแล้ว ... ยืน บืดไป บิดมา...สักครู่
ขอโทษ เถอะนะ เพื่อนๆ เราขอไม่ ดู เราจะกลับเข้าไปในโรงเรียน เพื่อนๆไม่ อยากเป็นเพื่อนก็ไม่เป็นไรนะ .. แต่เราจะเข้าไปรับหน้าอาจารย์ ที่โรงเรียนเอง แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้น เราจะรับความผิดนั้นเอง .. ไปนะ
..... เหตุการณ์ ... และตามวันเวลาที่ผ่าน..
ณ บัดนี้ จากจริงๆ ไป ถามพระอินทร์ กับนางเมฆขลา ว่า ฝนจะตก เวลาไหน ก็หลายคน .... ส่วนที่ยังอยู่ ก็ เสียงลอยมา ลอยไป นานๆ ครั้ง ..แล้ว ที่เห็นอยู่ตามจอแก้ว วูบไป วูบมา ก็เยอะ... ไปนั่ง เมืองฝรั่ง ก็แยะ..
แล้ว ก็ ปกครอง คุม ลูกบ้าน ลูกจังหวัด ก็มี ...
... ไม่ น่าเชื่อเลยใช่ไหม ...วันใสๆ วัยฝันๆๆๆ จะมีอะไร ให้จำได้ถึงเพียงนี้ แล้ว เพื่อน ก็ยังอยู่ ใน หัวใจ ไม่ เสื่อมคลาย
... คิดถึง จริงๆนะนี่ ... อิอิ แก่ แล้ว..
Scoop ID : 3711
Posted by :
Source : ..ใจ..
Date - Time: 07 พ.ย. 47 - 19:29
Note : ...ให้เพื่อน ๆ
ส่งให้เพื่อน เพจ-มือถือ Bookmark แจ้ง Admi
7 พฤศจิกายน 2547 17:59 น.
อาภาภัส
เย็นมากแล้วนะ ตั้งใจจะละวางงานที่ทำสักหน่อย ออกไปขี่รถเล่นดีกว่า
....สองข้างทางที่เคยมีสวนมากมากมาย บัดนี้เปลี่ยนเป็นตัวตึก และร้านค้า
บ้านคนที่อยู่กันอย่างแออัด สลับกับบ้านที่กว้างใหญ่แต่ไร้คนอยู่ ..
ถนนที่ทอดยาวไปข้างหน้านั้น ฉันเห็นภาพของการขับรถแข่งกัน
เสียงเร่งเครื่อง ที่ต่าง ไม่รู้จักกัน ไม่เจตนาที่จะแข่งกัน แต่มันเป็นทางเลือกที่ถูกกำหนดโดยความเปลี่ยนแปลงของสังคม
ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปให้เร็วที่สุด ให้ไวที่สุด ให้ได้ถึงที่สุด ..ของอะไรในคำตอบ ของใจเขาเอง
จริงจัง และ จริงใจ ก็ ควบไป บนถนนเส้นนั้นเช่นกัน
เอี๊ยด ๆๆๆ... แทร่ะๆๆๆ... โครม ...
ถอย หน่อยครับ หลีกทาง หน่อยครับ ...
.... หลายชีวิตสูญร่างไป..
...เหลือชีวิตที่ร่างยังฝันและใฝ่....
....บทเรียน ที่ สอนไว้ ให้ จริงใจ และ จริงจัง
...... ใกล้ค่ำ แล้วสินะ .. ฟ้ามืด หลายอย่าง เปลี่ยน แปร แม้ ว่า วิถีชีวิต ที่ยังเดิม ๆ แต่คงแฝง สุขที่พึงหาได้ ตาม หนทาง ที่เรา ค่อยๆ ขับเคลื่อน ช้า ..แต่บางอย่างและบางครั้ง ก็ดูเหมาะกับเวลา...