30 มกราคม 2548 18:12 น.
อาภาภัส
มองฟ้ายามเมื่อเหงา ใจสองเราอยู่เคียงกัน
กระชับความสัมพันธ์ ระลึกมั่นก็อุ่นไอ
คือมวลในอารมณ์ ที่ก่อปมอยู่ภายใน
สร้างภาพขึ้นมาใหม่ เพื่อหลอมไว้ให้ใจคง
ใช่ว่ามิใฝ่หา เพียงรู้ว่าอยู่กลางดง
โดดเดี่ยวเรื่องชวนหลง ดุจวังพงศ์ทะเลทราย
ดูดกลืนมิคืนกลับ ชีวานับล้วนหลากหลาย
ทางทุกข์อันมากมาย มันผูกสายกลายเป็นเกลียว
กว่าแซงกำแพงคลื่น จิตตขื่น รื่นไร้เหลียว
จึงรู้ในใจเทียว ความ เริงเลี้ยวออกนอกทาง
แต่หวังก็คือ หวัง ยังกอบฝัง จิตแกนกลาง
ให้มีใครหนึ่งบ้าง และร่วมสร้างฝั่งฟ้าเคียง
อย่าบอกเพียงเลื่อนลอย และต้องคอยเก็บออมเสียง
ใจฉันวางวันเรียง มุ่งหน้าเหวี่ยงเสี่ยงหัวใจ
มาลัยหอมยอมหยุด ณ แดนดุจสกาวใส
ใครหนึ่งพึงโอบไว้ เราต่างได้ สุขเราสอง
อาภาภัส 30 มกราคม 2548
25 มกราคม 2548 07:58 น.
อาภาภัส
ไออุ่นในความรู้สึกผนึกเป็นรัก
ไม่เคยทักหรือพบก็เหมือนเห็น
มันน่าแปลกกอรักก่อไฟเย็น
กลับกลายเป็นร้อนแรงในดวงใจ
ยามว่างว่างทางเหงาเข้ามาเกาะ
ใจจำเพาะคิดถึงเธอรู้บ้างไหม
กว่ารู้ตัวก็มีเธออยู่ภายใน
เจ้าจอมใจดวงใจนี้พลีเพื่อเธอ
หากทำได้จะโอบไว้ด้วยไออก
หนาวสะทกยอมปกป้องเสมอ
รักคำนี้มีให้ใช่ละเมอ
หากเจอะเจอเธอจะรู้ความหมายคง
คิดถึงกันมันแน่แน่อยู่แล้ว
แต่ดวงแก้วอยู่ไหนยังสัยสง (สงสัย)
เหมือนไร้เงาแบบไวมันงง
เอมีองค์หรือคงมีใครคือเอ
ออดอ้อนคำส่งสายไปตามลม
ฝากชิดชมดวงใจไม่แสร้งเส
รักจากจิตคิดให้สมคะเน
คงล่องเทห่มเธอให้แทบคลาน
ก็เพราะรักกอบมาหมดทั้งโลก
เอามาโบกสร้างเป็นศาลรักสาน
แล้วเราสองครองรักในวิมาน
เธอทำงานฉันนะเก็บเงินเอง ( 5555555555555 รักที่ ซู้ด ที่ ทรุด ที่สุด )
อาภาภัส 25 มกราคม 2548 วันอังคาร
23 มกราคม 2548 05:55 น.
อาภาภัส
เติมลมใจ .เติมไฟลวง
เอกสารลมลมแล้ง ดังมาแกล้งกล่อมเราฝัน
เพลิงในใจไร้ควัน สร้างสวรรค์แล้วส่ายเวียน
หมุนชะตาพาเรา สยบเงาหลากในเศียร
มาก่อย้ำดังเทียน แม้เกลาเกรียนยังละลาย
เป็นเกาะปุ่มสุมภาพ ทะเลสาบกระแสสาย
ตราตรึงจิตพรรณราย ก่อนร่างสลายหมายสิ่งดี
ฤาชะรอยสาปเร้า ใจของเราจึงเต้นถี่
ไฟลวงสุมนารี คำศักดิ์ศรีโดนมนตรา
จิตหน่วงหนักกักเก็บ สุดจะเจ็บคุปรารถนา
ร้อยคำลวงมายา เสกอุษาหม่นแสงมัว
อบอุ่นเอื้ออวลไอ หวังละไมไร้มืดสลัว
จะเดินหน้าไม่กลัว คล้องคลอตัวคู่เคียงเตือน
ประกาศิตสายฟ้า , แกร่งและกล้ากว่าเพียงเพื่อน
มิเคยเผยใดเยือน คงลาเลือนลืมเพลงพรหม
อะไรเอยดลใจ ให้ฝักใฝ่ได้สั่งสม
เรียงคิดร้อยคารม ดุจเกลียวกลมกิจอนันต์
แล้วใดหนอเช่นนี้ หวังทวีเสริมสุขสันต์
ภาพมัวรับไม่ทัน คลื่นความหวั่นวนราญรอน
กรรมกฎเกณฑ์ขีดเส้น ตัวต่อเต้นดุจดังศร
พรูจากแหล่งอมร แล้วสะท้อนเพียงสลัม
อาภาภัส 23 มกราคม 2548
23 มกราคม 2548 00:29 น.
อาภาภัส
คะนึงครวญ
เจ้าตัวความเหงา ใยมาเกาะเรา ให้เศร้ากังวล
จงถอยหายไป ลี้ไกลลับพ้น อึดอัดสับสน อับจนอ่านใจ
ช่างน่ากลัวนัก มาทำรู้จัก แล้วผลักเสือกใส
กระเสือกกระสน ต่อตนต่อไป เพื่อทางยาวไกล แม้ไร้ใครเลย
เก็บกลืนถ้อยคำ ที่พร่าเอื้อนเอ่ย หายไปเฉยเฉย
ทิ้งวางทางหวัง กอบพลังกู้เงย เศษเสี้ยวความเสบย สักลึกศึกลา
ด้วยจิตมุ่งมั่น สู้ไต่ตามฝัน เหตุผลมีมา
แม้อาจหวั่นไหว ใจแกร่งศักดา ยึดสิ่งคุณค่า กว่างาสุกแดง
อึดอัดกัดคำ ลำนำถ้อยแถลง หัวใจโดนแกล้ง
หยิกตัวคั่วปน ยั้งบ่นแจกแจง เพชรงามคราแพง หน่ายแหนงกรีดรอย
ใช่วิ่นบิ่นขาด ล่าฝันพินาศ ซัดสาดสับสอย
สุดฤทธิ์สนิทหนัก เพียงพักหักคอย วันนี้ใยถอย เจ้ากลอยใจเอย
อาภาภัส 22 มกราคม 2548
22 มกราคม 2548 14:40 น.
อาภาภัส
สายทางหลากความคิด คือประกาศิตชีวิตตน
ก่อโทษหรือเกิดผล สุดแต่คนจะคิดไป
อายุไม่หยุดยั้ง สิ่งที่หวังกำลังใจ
จากใครคนหนึ่งไซร้ มาร่วมในแนวดำเนิน
ภาวะต่างระบบ ตกกระทบตรงขาดเกิน
หากใจยังเพลิดเพลิน จึงหวังเดินพลิกนาวา
ขอเห็นเป็นสิ่งดี บังเกิดมีกรุณา
จากชนงามเจิดฟ้า โอบกอดข้าด้วยใจจริง
สายรุ้งทอเส้นทาง ที่เวิ้งว้างคงมีสิงห์
สง่างามหนักแน่นยิ่ง ได้พักพิงตราบบั้นปลาย
สองมือจะร่วมสร้าง มิร้างห่างหรือเลือนหาย
หากแม้นชีวิตวาย ขอเคียงกายอยู่ใกล้กัน
รักแล้วให้ทั้งใจ ผืนฟ้าใหญ่ได้สุขสันต์
สิทธิ์ของความสัมพันธ์ คือรักนั้นนิรันดร
ยกเทวาเพื่อปกป้อง ด้วยรัวร้องขอคำพร
คุ้มภัยเจ้าวัยอ่อน คลายทุกข์ร้อนผ่อนบรรเทา
ครานี้ตะวันเยือน ข้ามีเพื่อนช่วยแบ่งเบา
สุขกลบถมความเหงา ขอบคุณเจ้า ดวงใจรัก
อาภาภัส 22 มกราคม 2548