29 มิถุนายน 2547 04:26 น.
อาภาภัส
ร้อน ..แรงไฟร้อนลดอดทนไหว
ร้อน..ทรวงในคุเพลิงเหลิงเหลือผลาญ
ร้อน..นอกเนื้อเชื้อไฟไม่ทรมาน
ร้อน..รักรานขานไขใยสิ้นแรง
ลม..กรรโชกโบกแรงกระหน่ำโหม
ลม..ถาโถมโคมคุลุหน่ายแหนง
ลม..อำลาหนีฟ้าผิดสำแดง
ลม..จำแลงแปลงเปลี่ยนเวียนอารมณ์
งม..หาใจในโลกอันปรวนแปร
งม..รักแท้ทอดถอนสุดแข็งขม
งม..ทะเลเร่ร้างทางงายงม
งม..คารมหลงเก้อเธอลาไกล
ทางเบื้องหน้าป่ารกพกว่างเปล่า
ทาง..ลำเนาเถาใจไต่ต่อไหม
ทาง..ตื้อตันฝันอยู่คู่กันไป
ทาง..เดินใหม่ปลายวาดวนหนทาง
สร้าง..เสาหลักปักเลนเบนไปเรื่อย
สร้าง..ช้าเฉื่อยผุกร่อนเกินขัดขวาง
สร้าง..สะพานสานคำย้ำเลือนลาง
สร้าง..แกนกลางกว้างเกื้อเอื้อตัวตน
รัก..ละไมใสสวยช่วยชูช่อ
รัก..แตกกอก่อเกิดบันดาลผล
รัก..ตามรักสุขซึ้งทุกใจคน
รัก..เอ่อล้นล้อมห่วงหนึ่งดวงใจ
27 มิถุนายน 2547 09:34 น.
อาภาภัส
กลอนหก
ไร้แรงบิน
รอนรอนอ่อนล้ารวยริน
โดดเดี่ยวผินผกตกหงาย
ร่อนร่วงเร่ร้างเดียวดาย
ตราบตรายกายกกพกเงา
คืบคลานผ่านวันผันเดือน
ยลยินเยือนวอดว้างเฉา
อนาถหนอท้อแท้ตัวเรา
ชีพอับเฉาถ่วงธาตรี
เกาะคอนขับเคี่ยวหรรษา
ชุบกายาไร้หมองศรี
แวดล้อมมวลเหล่ากินรี
ท่วงท่าทีชดช้อยเพลิน
ทำราวพราวเพริศเลิศฟ้า
สูงสง่าเทียมเมฆลอยเหิน
ยิ่งใหญ่แกร่งไกรเก่งเกิน
โฉบเฉี่ยวเนินแนวพนาวัน
พรานล่าพารุดทรุดโทรม
ขายเข้าโดมแดนฝากฝัน
คนเป็นเริงเล่นเต้นพลัน
ลืมทุกข์ทันทวีเทวษปลง
สุขกายอยู่ใยไฝ่จิต
สุขสนิทโอบอ้อมน้อมหลง
สุกใจไหม้หมดร้าวลง
สุขสุกคงคลุกเคล้าชีวิน
มองมุ่งพุ่งหาหนทาง
เวียงวังร้างสายทรัพย์สิน
ทนสู้อยู่สร้างแรงบิน
จนกว่าสิ้นอินทรีย์มลาย
ชีวิตของนกอินทรีย์ผู้ยิ่งใหญ่ในฟากฟ้า ถูกพรานล่ามาสู่แดนที่ให้ผู้ชมเพลินการละเล่น
วันแต่ละวันอยู่อย่างลำเค็ญ ขาดการแลเหลียว ผู้คนไม่ได้มาเที่ยว โดดเดี่ยวเกาะคอน ทนทุกข์ไร้แรงบินจร เปรียบชีวิตคนปนละคร ใหญ่ใดราญรอน ทางสุดมุดเดี่ยวเดียวดาย ท้ายตายกายกลบจบกลอน
อาภาภัส
๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๗
บ้านพระประแดง
23 มิถุนายน 2547 07:20 น.
อาภาภัส
รักจากดวงใจ มอบไว้ในสายลม
หวังเพียงชื่นชม พบพานมิ่งสมร
โฉมเจ้างามงอน กว่าใครในนคร
อีกเอื้ออาทร โอบไออุ่นชุนใจ
หากยื้อลมห่มรัก คงอ้างว้างเดียวดาย
ด้วยลมจางหาย ลึกลับสิ้นแสงใส
มีเพียงมวลควัน ที่ดูพรั่นรำไร
แกว่งมาแกว่งไป ดั่งชิงช้าเอนโอน
บนทางเวลา ใครต่างหาคู่ตน
เราบ่เห็นหน คนมิมีดั่งโขน
สวมหน้าสง่าตน ดูดั่งชำเชิงโชน
ลอกสิ้นกากโคลน มิรู้ว่าเช่นไร
แลกดวงใจรัก ที่พักมานานเนิ่น
ไกลสุดเขาเถิน ระทวยระทมไหม
ฟ้าเผยสว่างศรี ก่อเกิดกอหัวใจ
แล้วเหตุไฉน ลืมเสียงดนตรีคลอ
นานแล้วสินะ ที่ลืมเราหรือนี่
ใครคนแสนดี ที่ชี้ทางรักหนอ
อยู่หนแห่งใด รู้ไหมเราเฝ้ารอ
เอื้อนเอ่ยคำพ้อ เพียงเผยเอ่ยคำหวาน
ธาราไหลเรื่อย ล่องตามชลธาร
ภมรลิ้มสุมาลย์ หมายมุ่งผสมผสาน
รักของนิ่มน้อง จากใจไว้จักจาร
ฝากผ่านกลอนกานท์ รักฉันนั้นเพื่อเธอ
21 มิถุนายน 2547 07:27 น.
อาภาภัส
แหงนมองดาวพราวอยู่ลู่ทางฟ้า
เหมือนแลหาคนไกลใจฝันถึง
ทุกคราคิดติดรักมักคะนึง
ใครคนหนึ่งมิรู้ว่าคือใคร
แสนสงสัยใยเขาแฝงตนหรือ
มิรู้ชื่อ แววตายังหลงใหล
อยากให้เขามาเคียงมิจากไกล
แต่เศร้าไฉนดาวดวงลวงราตรี
ฟ้าคืนแรมดาวพร่างอย่างเริงร่า
ชุบชีวามวลขนมิหม่นศรี
ปลุกหัวใจปักรักถักวจี
ล้วนมากมีเรียงถ้อยร้อยลำนำ
เอาดาราพาเดือนเป็นเพื่อนฝัน
เอารักมั่นผูกปมคารมขำ
เอาเงาจันทร์แทรกรำคืนฝนพรำ
เอาฝันลำเทลงบนอารมณ์
แล้วเสกสรรแสร้งเสสิเนหา
แล้วบอกว่ายังรักหวังสุขสม
แล้วครวญครำชำหนักรักระงม
แล้วตรอมตรมตามต่อล้อลางเลือน
หากว่าแม้นชีวามาบรรลุ
หากรักคุไฟใจใสเชือดเฉือน
หากฝันได้ฝากไว้ในดาวเดือน
หากรักเยือนขอเธอเป็นดวงใจ
อ่านสนุกๆค่ะ เขียนกระทันหันก่อนไปทำงาน
อรุโณทัย อาภาภัส
๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๗
19 มิถุนายน 2547 11:09 น.
อาภาภัส
สองมือขุดคุ้ยเขี่ยเกลี่ยผืนดิน
หวังทรัพย์สินงอกกอก่อสืบสาน
หลุมไม่ลึกโรยเม็ดหยาดแรงงาน
นำรดผ่านนำคำนำเอื้อใจ
เฝ้าเวียนวนทนทวนสวนกระแส
เหลือบตาแลรอบข้างกว้างไฉน
ต่างลีลาชีวิตขีดกันไป
ต้นเติมใจจรัสแสงแห่งทางเพียร
บางคราพบครบคำลำเลิศนัก
ตราตรึงรักหลงใหลในงานเขียน
คนหนอคนเหนือคนล้นราวเทียน
สว่างเวียนอักษรารุ่งเริงแรง
แหละบางครั้งยั้งจิตมิคิดต่อ
ด้วยความข้อขอขัดจัดผวนแผลง
หลากรวมรสอดอายหลายบทแสดง
ยื่นเยือนแย้งยะยิ้มยอดยามเย็น
ย้ายยะย่างย่องหยอกหยอดยาหยี
รานระรี่ลี้เลือนฤาหราเหร็น
ทรุดซึมซับซาบซ่านซึ้งเซียนเซ็น
มากมายเม่นมัวมวลเมืองหมายมอง
เป็นปรกป่าแปลกไซร้ใจมนุษย์
ใสบริสุทธิ์ยังสาดเติมคลำหมอง
กากกระดาษจักวาดวางใจจอง
มิถูกต้องลบไล้เสริมใหม่พลัน
พื้นที่ว่างห้องหทัยใยปล่อยเชื้อ
ทาทับเกลือโรยเค็มเต็มติดฝัน
อนาถหนอหน่อเน่าเค้าขาดครัน
เขียนกลอนคั้นสรรค์ฟ้า ป่ามนุษย์