8 ตุลาคม 2547 16:10 น.
อาชา
ในวันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2547 โรงเรียนฉันได้หยุดอยู่ในช่วงของเทศกาลวันปีใหม่แล้ว ฉันจึงตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อที่จะมาทำสิ่งๆหนึ่งให้กับเธอ
ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการคิดออกแบบการ์ด จนในที่สุดฉันก็ได้แบบของการ์ดปีใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์ที่สุด นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันใส่หัวใจไปกับการทำงานด้วยโดยที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฉันเริ่มหยิบกระดาษเอ4 สีขาวสะอาดออกมา 3 แผ่น แผ่นแรกและอีกครึ่งแผ่นฉันตัดให้เป็นซองจดหมาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการทำซองที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ฉันจึงใช้เวลาไปทั้งหมด 2 ชั่วโมง จากนั้นฉันก็บรรจงร่างการ์ดลงบนกระดาษ ตัดออก แล้วทากาวติดกัน ออกมาเป็นการ์ด 3 หน้า หน้าแรกฉันเจาะรูเป็นรูปวงกลมให้พอดีกับรูปพระจันทร์ของหน้าที่สอง หน้าที่สองฉันวาดรูปพระจันทร์แทนตัวเธอ และใบไม้ใบเล็กๆที่อยู่บนพื้นดินแทนตัวฉัน ส่วนหน้าสุดท้ายฉันแต่งกลอนแปดเพราะๆให้เธอ
สักวันใบไม้ที่เปราะบางใบนี้คงจะมีโอกาสได้อาศันแรงลมพัดพาขึ้นไปถึงดวงจันทร์ สักวันหนึ่งคงจะมีโอกาส...ฉันเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควรโอกาสจะเปิดทางให้ฉันเอง
ในที่สุดการ์ดใบนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ในตอนดึก ฉันจัดแจงใส่ซองแล้วฝากแม่บ้านให้เอาไปส่งที่ตู้ไปรษณีย์ในวันรุ่งขึ้น เพราะในวันพรุ่งนี้ฉันต้องไปเที่ยวและตอนนี้ก็ยังไม่ได้จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเลย ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจดหมายฉบับนี้จะส่งถึงมือผู้รับหรือไม่ มันจะเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็ไม่รู้
เปิดเรียนอีกที่หลังจากหยุดในเทศกาลวันปีใหม่ในวันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ.2547 ตอนเช้าฉันเจอหน้าเธอแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนบ่ายเธออยู่กับฉันทั้งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่มีอะไร ตอนเย็นฉันเห็นเธอและเธอก็เห็นฉันเดินอยู่ในโรงเรียนแต่เธอก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ วันนั้นทั้งวันฉันเภาวนาให้วันรุ่งขึ้นให้ฉันได้ยินคำพูดสักคำจากเธอก็ยังดี
วันรุ่งขึ้นฉันเจอเธอแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร จนฉันปักใจคิดว่าจดหมายคงจะหายไปแล้ว ตอนเที่ยงฉันลงมาพักกับเพื่อนและเจอเธอนั่งทานข้างกลางวันอยู่ในโรงอาหาร จริงๆแล้วฉันไปนั่งอยู่ใกล้ๆเธอก็ได้ แต่บังเอิญว่าเที่ยงนั้นฉันติดงานสำคัญ..จึงต้องละทิ้งความปรารถนาของหัวใจไป
เมื่อฉันกลับมาหลังจากการสะสางงานเรียบร้อยแล้ว กลับพบว่าเธอยังคงนั่งอยู่ในโรงอาหาร ฉันว่าจะเข้าไปถามตรงๆ แต่คิดอีกทีขอไม่ดีกว่า และความบังเอิญอีกครั้งก็เกิดขึ้นเมื่อฉันมีธุระต้องเข้าไปถามเพื่อนคนที่นั่งอยู่กับเธอพอดี ฉันจึงเดินเข้าไปคุยกับเพื่อนคนนั้น
และในที่สุดเธอก็ยอมเอ่ยปากพูดกับฉันด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว
เอ้อ..ชนาธิปมิสขอบใจนะ สวยมากเลยล่ะ
คำพูดของเธออาจเป็นเพียงคำพูดสั้นๆที่ไม่ชัดเจนสำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉันแล้วถ้าเป็นคำพูดที่เธอเอ่ยมาจากหัวใจแล้วละก็..มันมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด
เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์
4 ตุลาคม 2547 22:19 น.
อาชา
ในชีวิตของคนเราจะมีสักกี่ครั้งกันที่เรารู้จักเปิดใจยอมรับในทุกๆสิ่ง ทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนเพราะความแน่นอนที่สุดก็คือความไม่แน่นอน ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้นได้เสมอ และก็เป็นหนึ่งในเรื่องเหลือเชื่อสำหรับคนอย่างฉันที่ปิดประตูหัวใจไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่ย้ายโรงเรียนประถมจากสีลมมายังโรงเรียนมัธยมในเจริญกรุง
ในวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2546 เป็นวันแรกของการเปิดเทอมอย่างไม่เป็นทางการของฉัน เพราะวันนี้เป็นวันที่เปิดโอกาสให้ครูกับนักเรียนได้รู้จักกัน เมื่อฉันเห็นหน้าเธอซึ่งเป็นครูผู้ช่วยชั้นของฉันเป็นครั้งแรกฉันก็รู้สึกแปลกๆกับเธอโดยปราศจากเหตุผล ยิ่งวันเวลาผ่านไปมากเท่าไรฉันก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นเท่านั้น อีกหนึ่งเรื่องที่แตกต่างสำหรับเธอและฉันก็คือเรื่องอายุ เธออายุมากกว่าฉัน 15 ปี ซึ่งตามกฎหมายแล้วเธอสามารถเป็นแม่บุญธรรมของฉันได้เลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอและฉันเหมือนกันก็คือเพศไง
จนกระทั่งในวันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2546 เป็นวันที่ฉันได้ไปทัศนศึกษาที่จังหวัดชลบุรี นักเรียนทั้งระดับชั้นเดินทางโดยรถทัวร์ปรับอากาศทั้งหมด 7 คัน และในขณะที่นักเรียนส่วนใหญ่กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานอยู่นั้น รถทัวร์ก็ได้เขย่า สั่น และเหวี่ยงอย่างรุนแรงไปบนพื้นถนน ทันใดนั้น โครม
ฉันมารู้สึกตัวอีกมีก็พบว่าพื้นรถมันเอียงๆชอบกล เมื่อมองไปรอบๆรถก็พบว่าบานกระจกส่วนใหญ่มีรอยร้าวและบางบานแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ ประกอบกับได้ยินเสียงร้องไห้และโอดครวญของเพื่อนๆในรถ ฉันจึงรู้ได้ว่ามันคืออุบัติเหตุ ฉันยังคงระลึกได้ว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดในตอนนี้คือรีบออกจากรถคันนี้ให้เร็วที่สุด เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากชั้นล่างของรถฉันจึงเดินตามเสียงนั้นออกไป ในตอนนี้ประตูที่มีอยู่ทั้งหมด 4 บานนั้นใช้การไม่ได้เสียแล้ว นักเรียนจำนวน 44 คนจึงต้องเดินออกไปทางช่องอะไรสักอย่างทางด้านขวาของรถ ตอนนี้ฉันออกมานอกรถและปลอดภัยแล้ว แต่ยังมีนักเรียนอีก 20 คนได้ที่ยังติดอยู่ในรถ ซึ่งสภาพของรถนั้นก็ไม่ได้ดูดีเลย หน้ารถชนเข้ากับเสาไฟ ส่วนตัวรถทางด้านซ้ายก็เอียงตกลงไปยังคูน้ำเล็กๆข้างทาง กระจกส่วนใหญ่ร้าวและแตกเป็นบางบาน นักเรียนบางคนหัวแตก ส่วนอีกคนริมฝีปากฉีกจึงต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
ในนาทีนั้นฉันเห็นเธอรีบวิ่งลงมาจากรถทัวร์อีกคันที่จอดอยู่อีกฟากนึงของถนนมายังฝั่งที่ฉันยืนอยู่ เธอถอดรองเท้าแล้ววิ่งลงมายังพื้นหญ้าที่ชื้นแฉะเพื่อเข้ามาช่วยพยุงนักเรียนทีละคนๆออกจากรถ โดยที่เธอไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร จะสกปรกมอมแมมแค่ไหน หรืออาจจะถูกเศษกระจกบาดเอาก็ได้
วันนี้เธอใส่ชุดฟอร์มเสื้อสีชมพูอ่อนและกระโปรงสีน้ำตาล
เธอเป็นครูผู้ที่สามารถสะท้อนบทบาทของความเป็นครูได้อย่างแท้จริง เธอมีหัวใจของความเป็นแม่ที่สามารถปกป้องลูกได้เสมอ เพราะเธอเป็นครูที่มีค่ามากกว่าคำบรรยายในหนังสือหรือในบทเพลง ที่สรรเสริญพระคุณของครูไว้มากมาย
เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์
17 กันยายน 2547 23:23 น.
อาชา
หากฉันได้ใจเธอมาครอบครอง
คงจะต้องจองไว้ไม่ให้หาย
จะได้อยู่กับเธอไปจนตาย
ด้วยวิธีแสนง่าย...ใส่กุญแจ
ใจของเธอนั้นดูแลยากแสนยาก
คงลำบากถ้าต้องคอยเทคแคร์
ถึงจะยุ่งจนเบื่ออยากเจือนแจ
ฉันก็แค่เก็บไว้ใกล้ๆตัว
3 กันยายน 2547 22:48 น.
อาชา
โอ้!ตะวันพราวแสงอยู่ไกลนัก
ไม่รู้จักพักผ่อนบ้างหรือหนา
ทุกๆวันฉันมองเธออยู่ทุกครา
อยากรู้ว่าเวลาใดจะใกล้เธอ
โอ้!ตะวันได้โปรดอย่าไปไหน
โปรดอยู่ใกล้ใจฉันอยู่เสมอ
เพราะเธอนั้นทำให้ฉันได้พบเจอ
คำว่า รัก รักแท้นิรันดร์กาล
1 กันยายน 2547 22:01 น.
อาชา
เช้านี้ฝนตกปรอยๆ
ท้องฟ้ารอคอยเธออยู่
ฉันนึกถึงเธอให้รับรู้
ฉันภาวนาให้เธออยู่คู่กาย
บ่ายนี้มันช่างเงียบเหงานัก
นกบินเหมือนกับจะเรียกหา
ฉันคิดถึงเธอตอนจากลา
ฉันภาวนาให้เธออยู่ไม่ไกล
เย็นนี้ฟากฟ้าถูกระบายด้วยใจฉัน
นกโผบินพลันหันหา
เหมือนกับตัวเธอเดินเข้ามา
ฉันคิดถึงเธอทุกห้วงใจ