22 กุมภาพันธ์ 2548 19:48 น.
อาชา
บุคคลในดวงใจ
คงอยู่ในใจของฉัน
เธอบ่นทุกวี่วัน
เพื่อให้ฉันเป็นคนดี
ทำโดยไม่หวังผล
บ้างทุกข์ทนก็ยังมี
ทำได้ทั้งชีวี
เพื่อวันนี้ศิษย์ของครู
26 พฤศจิกายน 2547 22:13 น.
อาชา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างวันอังคารที่ 27 มกราคม - วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2547 เรื่องนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นถ้า กระทรวงศึกษาธิการ ไม่มาตรวจโรงเรียน
27 ม.ค. 47
ตอนเช้าในขณะที่ฉันยืนเข้าแถวรอลงไปซ้อมพิธีของโรงเรียนอยู่บนระเบียงชั้น3 เธอก็เดินมาดูแถวของนักเรียนตามปกติ แม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นเรื่องปกติแต่ก็ทำเอาฉันมองเธอตาค้างไม่กระพริบ
เฮ่ย!ยังไม่ตื่นหรอ
เธอทักฉันจนสะดุ้งตื่นจากอาการตาค้างซึ่งก็ทำเอาฉันรู้ตัวว่าจ้องมองเธอเข้าไปเต็มๆเลย สักครู่เธอก็เดินไปคุยกับเพื่อนคนหนึ่งแล้วหันกลับมาพูดให้ทั้งห้องได้ยินว่า
กนกพร สมฤดี กมลทิพย์ ชนาธิป พักเที่ยงไปเจอกันที่สนาม3
อ้าวเฮ้ย..มีชื่อฉันรั้งท้ายด้วยนะเนี่ยดีใจจัง พอหมดชั่วโมงเรียนก่อนพักเที่ยงฉันก็เดินลงไปที่สนาม3ตามสัญญาของเธอ แต่รอแล้วรอเล่าเธอก็ยังไม่ยอมมาสักทีฉันจึงเดินเข้าไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารกลางวันก่อน ตอนแรกว่าจะเดินไปซื้ออาหารแต่อยู่ดีๆฉันก็เดินกลับออกมาที่สนาม3..เพื่อมารอเธอและเธอก็เดินมาจริงๆ เธอพูดรวมๆถึงเรื่องการเตรียมห้องให้พร้อมสำหรับการตรวจเยี่ยมโรงเรียนและพูดต่อถึงเรื่องการทำมู่ลี่ซึ่งฉันก็ได้เสนอความคิดไปเล็กน้อย ไปๆมาๆเธอก็มาพูดเออออกับฉันอยู่คนเดียว เลยกลายเป็นว่างานนี้ฉันต้องรับผิดชอบไปเลยน่ะสิ หลังเลิกเรียนฉันเลยถือโอกาสเดินออกมาคุยกับเธอโดยใช้งานมาเป็นข้ออ้างซะเลย
29 ม.ค. 47
วันนี้หลังเลิกเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ที่อาคาร2ฉันตั้งใจจะเดินกลับอาคาร1ไปเลย แต่เธอดันมายืนเฝ้าเวรอยู่ฉันก็เลยหาโอกาสเข้าไปคุยด้วยสักหน่อย ตอนนี้ในมือของฉันถือสมุดและกระเป๋าดินสออยู่เพียงแต่ยิ่งคุยกับเธอนานเท่าไรฉันก็ยิ่งกำสมุดจนม้วนมากขึ้นเท่านั้น เวลาที่จะคุยกับเธอฉันก็มักจะมีข้ออ้างเสมอๆวันนี้ก็เช่นกันเอาเรื่องงานมาบังหน้าแต่ก็คุยจริงๆจังๆ งานมู่ลี่ที่เธอฝากไว้ก็เริ่มทำแล้วเหลือเรื่องลูกปัดและเชือกที่จะใช้ร้อย เธอบอกให้ฉันไปดูเชือกที่ร้านขายของข้างโรงเรียนแต่ฉันก็ดันสติแตกหาไม่เจอ เลยกลับออกไปคุยกับเธอและเธอก็พาฉันเข้ามาดูเชือกด้วยกันทำเอาฉันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้วนะเนี่ย
30 ม.ค. 47
ชั่วโมงคณิตศาสตร์เพื่อนๆในห้องเรียนของฉันร่าเริงกันเต็มที่เสียจนมิสผู้สอนทนไม่ไหวจึงเดินออกจากห้องไป เธอในฐานะครูผู้ช่วยจึงต้องเข้ามาดูแลในห้องและอนุญาติให้ทำมู่ลี่ต่อได้ คราวนี้เพื่อนๆมาช่วยทำกันทั้งห้องงานเลยคืบหน้าไปเยอะแถมเธอยังเข้ามาช่วยทำอีกต่างหาก ถึงเวลาพักก็ไม่ไปพักเพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆนะเนี่ย แต่แล้วเธอก็เดินมาบอกกับฉันว่า
เดี๋ยวมิสลงไปเฝ้าเวร เราทำไปก่อนละกัน
จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปทำเอากำลังใจหดหายไปเกือบครึ่งเลยนะเนี่ย หลังเลิกเรียนในเวลา 15 .40 น. ตามจริงแล้วฉันต้องกลับบ้านเลย แต่เธอบอกให้พยายามอยู่เย็นเพื่อช่วยกันทำงานก่อน ถ้าขอร้องกันมาแบบนี้ใครกันนะจะปฏิเสธได้ลงคอ ฉันจึงโทรศัพท์บอกแม่ให้มารับตอนเย็นๆและนั่งทำมู่ลี่ต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุดเธอก็เดินเข้ามาดูความคืบหน้าของงานแต่แล้วก็เดินกลับออกไปเพราะติดธุระด่วน ฉันก็ยังคงกัดฟันทำงานต่อไปเรื่อยๆจนครบ 2 ชั่วโมงพร้อมกับเหมางานไปทำต่อที่บ้านแล้วจึงลงไปรอแม่ที่สนามด้านล่างซึ่งเกือบจะร้างผู้คนแล้ว
17.40 น. เธอขี่มอเตอร์ไซค์พาหนะคู่ชีพของเธอกลับบ้านพร้อมกับรุ่นพี่คนหนึ่งซ้อนท้ายอยู่ ซึ่งรุ่นพี่คนนี้ฉันเพิ่งรู้จักผ่านทางอินเตอร์เน็ทได้เมื่อต้นปีนี้ และหลังจากนั้นฉันก็ได้รู้อะไรหลายๆอย่างทั้งความสุข ความเศร้า ความสมหวัง ความเสียใจได้เกิดขึ้นกับฉันและสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ฉันได้รับรู้อยู่เสมอว่า ทุกสิ่งบนโลกไม่มีอะไรแน่นอนเพราะความแน่นอนที่สุดก็คือความไม่แน่นอน
31 ม.ค. 47
วันนี้ฉันไม่ได้ไปโรงเรียนแต่ก็ยังไปเรียนพีเศษ เมื่อกลับมาบ้านแล้วฉันก็ยังคงมุมานะทำมู่ลี่ต่อไปจนเที่ยงคืน แม้ว่ากำลังกายจะถดถอยหรือกำลังใจจะหมดไป..
1 ก.พ. 47
วันนี้ชีวิตก็ยังหนีไม่พ้นการเรียนพิเศษ แต่ฉันก็เริ่มทำมู่ลี่ต่อไปจนบ่ายๆก็เริ่มรู้สึกคิดถึงเธอเลยโทรไปถามเรื่องไม้ที่จะใช้ห้อยมู่ลี่ เธอตอบกลับมาว่าจะลองหาดูและฉันก็ยังคงนั่งทำต่อ 22.20 น. ฉันเกิดใจกล้าชนิดบ้าบิ่นถึงขนาดโทรศัพท์ไปหาเธอทั้งๆที่ดึกมากแล้ว..แต่เธอก็ยังเปิดมือถือ ฉันบอกกับเธอเพียงแค่ว่าทำสุดความสามารถได้เพียงเท่านี้ เธอก็ตอบกลับมาว่า ทำคนเดียวเหนื่อยใช่มั้ยล่ะ ขอบใจนะ กำลังใจเริ่มกลับคืน..
2 ก.พ. 47
ชั่วโมงแนะแนวซึ่งเป็นชั่วโมงของเธอเองแท้ๆแต่เธอกลับหางานมาให้ทำซะได้ หลังเลิกเรียนฉันเลยโดดเรียนพิเศษแล้วมานั่งร้อยมู่ลี่อยู่ที่สนามและได้เพื่อนๆอีกบางส่วนเข้ามาช่วยกันทำ ทำไปเรื่อยๆก็รู้สึกกระหายน้ำฉันจึงชวนเพื่อนคนหนึ่งเดินไปซื้อน้ำร้านขายของซึ่งปกติเธอจะต้องเฝ้าเวรอยู่แต่ตอนนี้เธอหายไปไหนแล้วล่ะเนี่ย พอฉันกำลังเอื้อมมือไปจับประตูร้าน..เธอก็ผลักประตูออกมาพอดีทำเอาฉันตกใจ เฮ้ย!ทำไมไม่เรียนพิเศษเธอพูดและฉันก็ตอบกลับไปว่าก็..ทำมู่ลี่ค่ะ เออ..รีบๆเข้าล่ะเธอพูด หลังจากนั้นฉันก็กลับไปทำงานต่อ
สุดท้ายแล้วงาน มู่ลี่ นี้ก็เสร็จ(จนได้) ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนและเธอ(ซึ่งก็เป็นคนสั่งงานเองนี่หว่า)ที่ให้ความร่วมมือในการทำงานเป็นอย่างสูงจนทำให้ผลงานที่ออกมาประสบผลสำเร็จไปได้ด้วยดี
เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์
14 พฤศจิกายน 2547 21:11 น.
อาชา
ร้อยเงินทองไม่เท่ากับสิ่งนี้
ร้อยภาษีโกงกินชาติยังไม่ถึง
ร้อยสิ่งใดก็ยังไม่ตราตรึง
ร้อยคำซึ้งเทียบได้ให้รู้ไป
ร้อยคำนี้ก็ไม่เห็นจะพูดยาก
ร้อยลำบากกว่าจะพูดเลยนั้นหรือ
ร้อยทั้งร้อยสุดท้ายนั้นก็คือ
ร้อยความรักจากใจไปให้เธอ
15 ตุลาคม 2547 22:21 น.
อาชา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ.2547 ซึ่งเป็นวันก่อนวันตรุษจีน 1 วัน ฉันรู้ดีว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้เจอเธอแน่ วันนี้ฉันถึงต้องรีบๆเจอไง
เมื่อลงจากรถโรงเรียนในตอนเช้าฉันก็เดินเข้าประตูโรงเรียนไป นักเรียนส่วนใหญ่กำลังนั่งอ่านหนังสือตามนโยบายอันแสนประเสริฐของโรงเรียนอยู่ ทุกคนกำลังอยู่ในความเงียบดังนั้นฉันจึงต้องเดินอย่างระมัดระวังเพื่อไปวางกระเป๋านักเรียนตรงหน้าห้องศาสนา เดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาแลกเหรียญชิพสำหรับค่าขนม เมื่อเดินกลับมายังกระเป๋านักเรียนเพื่อจะหยิบแล้วเดินขึ้นห้องก็พบว่ามีกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ของนักเรียนแน่ๆเพราะมันไม่ถูกระเบียบ แต่ฉันจำได้ว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนน้า ใช่แล้วเป้ใบนี้ก็เป็นของเธอไง บังเอิญจริงๆที่กระเป๋าเป้ของเธอวางอยู่ใกล้กระเป๋าฉันแค่อยู่คนละฝั่งเท่านั้นเอง ฉันมองไปรอบๆเผื่อจะเจอเธอแล้วก็เจอเข้าจริงๆ เธอกำลังยืนอบรมนักเรียนอยู่ที่หน้าเสาธง ฉันเหลือบตาไปมองเธอและเธอก็มองฉัน! คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเพราะถ้ามีใครมามองเราแล้วเรารู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง เราก็คงต้องหันกลับไปดูอยู่แล้วแหละเนอะว่าใครกันนะที่มาแอบมองเรา จากนั้นฉันก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินขึ้นห้องไป
ตั้งแต่ที่ห้อง ม.1/6 ของฉันขึ้นมาเข้าแถวบนระเบียงชั้น 3 ฉันมีความรู้สึกว่าเหมือนกับถูกปิดตาไม่ให้มองเห็นโลกภายนอกเลย มันน่าเบื่อมากโดยเฉพาะเวลาที่เธอไม่มายืนอยู่ที่แถวด้วยน่ะสิ
พักเล็กฉันไม่ได้เจอเธอเลย การเรียนก็แสนจะน่าเบื่อแถมยังถูกพายุการบ้านโหมกระหน่ำเข้าใส่อีกจะบ้าตาย ขนาดชั่วโมงศิลปะซึ่งถือว่าเป็นวิชาที่ฉันชอบและทำได้ดีแล้วก็ยังไม่วายน่าเบื่ออีกจนได้ เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่างานนี้ฉันตั้งใจทำมากและผลของการตั้งใจมากจนเกินไปก็คือความล้มเหลวของงาน ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็เคยได้ยินคนอื่นพูดมาเหมือนกันว่าการตั้งใจทำอะไรมากเกินไป มักจะทำให้งานล้มเหลวเพราะเราจะขาดความเชื่อมั่นในงานของตนเอง
พักกลางวันฉันเดินไปทานข้าวกลางวันที่อาคาร2 ในขณะที่ฉันต่อแถวซื้อข้าวตามปกติฉันก็เห็นเธอเดินไปล้างมือตรงใกล้ๆที่เก็บจานพอดี ฉันเดินไปซื้อน้ำและเธอก็เดินมาพอดี! เธอซื้อน้ำแข็งเปล่าถุงใหญ่ซึ่งมากเกินไปสำหรับคนๆเดียว ทางที่ดีควรจะแบ่งให้ฉันอีกสักคนจะดีกว่า เฮ่ย!แล้วฉันจะไปยุ่งอะไรกับเธอนักหนาล่ะเนี่ย
หลังเลิกเรียนฉันเดินลงมาอย่างไม่ปกติเพราะวันนี้มีรอบเดือน แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ฉันก็ยังแอบมองเธอที่ยืนเฝ้าเวรอยู่ดี เธอน่ารักเนอะ..อิ อิ
หลังเลิกเรียนพิเศษฉันเดินหิ้วกระเป๋าเอาการบ้านไปทำที่อาคาร 1 เพื่อนสนิทของฉันที่ปกติจะอยู่คุยด้วยก็กลับบ้านไปแล้ว ฉันจึงหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่นั่งรถโรงเรียนคันเดียวกัน ปกติทุกๆเย็นเธอจะต้องมาตอกบัตรที่ตึกนี้ แต่ตอนนี้เย็นมากแล้วฉันจึงไม่มีเวลารอเธออีกต่อไป
ฉันเดินเข้าไปนั่งในรถโรงเรียนตรงตำแหน่งที่ฉันนั่งคือด้านหน้าสุดข้างคนขับ รถโรงเรียนของฉันจอดอยู่หน้าอาคาร2ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นทุกๆคนที่เดินออกมาจากตึกได้พอดีฉันจึงยังคงมองหาเธอ แต่รถใกล้จะออกแล้วนะ ทำไมฉันยังไม่เห็นเธอซักที
แต่แล้วฉันก็เห็นเธอเดินสะพายกระเป๋าและกำลังจะกลับบ้าน ถ้าลงไปหาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วหลายครั้งที่ฉันนั่งอยู่ในรถโรงเรียนแล้วเห็นเธอแต่มีแค่ครั้งเดียวที่เธอเดินมาแล้วมองเห็นฉัน ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่2ที่เธอเห็นฉันไหมนะจะเป็นไปได้ไหมนะ
มันเป็นไปแล้วเพราะเธอเดินไปนั่งกับครูเวรที่หน้าประตูโรงเรียนแล้วหันมามองฉันพอดี
เธอหันไปคุยกับครูเวรอีกครั้งหนึ่งและหันกลับมาเป็นพักๆ ในที่สุดรถโรงเรียนก็ออกขับฉันจึงมองเห็นเธอได้ยากขึ้นๆ รอว่าเธอจะหันมามองฉันเป็นครั้งสุดท้ายไหมนะจะมีไหมนะ และแล้วเธอก็หันมามองฉันทำนองว่าเจอกันวันศุกร์นะพอดี ฉันมองเธอแล้วเธอก็มองฉัน โอ้ยยยย ไม่ไหวแล้วทำไมตาเธอถึงได้หวานอย่างนี้นะ แต่ฉันก็แอบยิ้มนิดๆให้จนเธอหายลับไปจากสายตา
นี่อาจเป็นอั่งเปาวันตรุษจีนที่ดีที่สุดแล้วก็ได้นะ...ว่ามั้ย
เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์
13 ตุลาคม 2547 22:49 น.
อาชา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ.2547 ซึ่งก็คือ 1 วันก่อนวันครู วันนี้ฉันไปโรงเรียนตามปกติโดยเดินเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บไว้ที่ห้องเรียนแล้วไปเข้าแถวที่อีกอาคารหนึ่ง
ฉันนั่งรอเพื่อนๆบางส่วนที่ยังไม่มาเข้าแถว เธอเดินมาพอดีด้วยการแต่งตัวที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เธอต้องใส่เสื้อตัวใหญ่ๆกับกางเกงวอร์มเพราะเป็นครูสอนพละ วันนี้เธอกลับใส่เสื้อและกระโปรงสีชมพูอ่อน แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันสนใจ
เมื่อถึงกำหนดการของเวลาที่วางไว้ครูทุกท่านเข้าประจำที่รวมทั้งเธอด้วย พิธีไหว้ครูหรือกตัญญุตานี้ใช้เวลาเป็ดเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง หลังพิธีฉันเดินข้ามอาคารกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองตามปกติ เธอยืนคุยกับมิสท่านหนึ่งอยู่ที่หน้าประตูอาคาร ฉันมองเธอและเธอมองฉันแต่ก็ไม่มีอะไร
พักเที่ยงฉันเดินข้ามตึกเพื่อไปทานข้าวเที่ยง ฉันต่อแถวซื้ออาหารและเดินหาที่นั่ง เธอเพิ่งทานเสร็จและกำลังเดินไปเก็บจานพอดี จากนั้นเธอก็เดิน เดิน เดินจนหายลับไปจากสายตา
หลังจากทานอาหารเสร็จฉันก็เดินกลับตึกทันทีที่สัญญาณเพลงดังให้เข้าห้องเรียน เดินไปยังระเบียงหน้าห้องเรียนซึ่งในห้องนั้นเปิดไฟอยู่ ฉันจึงเดินเข้าไปเก็บของและเมื่อหันหลังกำลังจะเดินออกจากห้องก็พบว่าเธอนั่งอยู่ที่หน้าห้องเรียน ฉันล่ะงงว่าเธอเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ฉันพยายามควบคุมอาการและสีหน้าให้เป็นปกติ พยายามไม่ให้ไปมองเธอแต่ก็หันไปจนได้ พอแล้ว..ออกไปเข้าแถวดีกว่า
เมื่อเดินแถวเข้ามาในห้องเธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม คาบเรียนนี้เธอจะอยู่กับฉันอย่างนั้นหรือ เสียงคุยของเพื่อนๆในห้องคงมากเกินกว่าที่เธอจะรับไหวแล้ว เพราะสายตาของเธอดูโกรธ เธอจึงเดินออกมาที่หน้าห้องและพูดกับทั้งห้อง แล้วเดินออกจากห้องไป
วันนี้เลิกเรียนเร็วเป็นพิเศษเนื่องจากครูทั้งโรงเรียนติดธุระ ฉันจึงเดินไปทานไอศครีมที่โรบินสันบางรักกับเพื่อนอีก 5 คน เดินกลับมาที่โรงเรียนอีกทีก็ 15.30 น. ฉันนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนอีก 2 คนแต่ใจยังคอยพะวงอยู่กับเธอ ฉันจึงเดินออกไปดูมอเตอร์ไซค์ยานพาหนะคู่ชีพของเธอซึ่งยังคงจอดนิ่งอยู่กับที่ งั้นก็แปลว่าเธอยังไม่กลับบ้านน่ะสิ
ตอนนี้เพื่อนคนหนึ่งกลับบ้านไปแล้ว ฉันจึงเดินเล่นอยู่ที่สนามหน้าโรงเรียนกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เดินไปเดินมาก็ไปเจอเธอซึ่งเดินอยู่ที่หน้าตึก เธอปล่อยผมยาวที่ปกติแล้วมักจะรวบไว้เสมอ เธอน่ารักจริงๆ ฉันแอบตามไปดูเธอในระยะห่างๆ เธอเดินสะพายเป้ไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงทางที่จะไปท่าเรือ ฉันเฝ้ามองเธอเดินไปแล้วหยุดเดินกับมิสท่านหนึ่ง มองไม่ชัดนักว่าเธอทำอะไรอยู่แต่เมื่อรถคันหนึ่งเข้ามาจอดบังหน้าอยู่สักครู่และขับผ่านไป เธอก็หายไปแล้วฉันจึงตัดสินใจเดินไปยังทางออกฝั่งท่าเรือพร้อมกับเพื่อน ผ่านมอเตอร์ไซค์หมายเลขทะเบียน บทง381 ของเธอและหยุดมองว่าเธอจะกลับบ้านอย่างไรกันถ้าไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วย เธอหายไปไหนกันนะฉันคิดในใจและยังคงเดินต่อไปยังประตู
ฉันหยุดที่ตรงรั้วเหล็กมองออกไปและพบว่าเธอยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมิสที่เดินมาด้วย ท่าทางเธอคงจะกลับบ้านด้วยรถของมิสคนนั้น ฉันไม่รู้ว่าควรจะเดินต่อไปหรือไม่แต่ทันใดนั้น
เอ้า! สองสาวยังไม่กลับอีกเหรอ กลับกี่โมงล่ะ เธอถามฉันด้วยน้ำเสียงร่าเริงดังเช่นเคย
บังเอิญว่าเธอหันมาเห็นฉันพอดีฉันจึงติบเธอไปว่ากลับ 5 โมง เธอยิ้มให้ฉันและขึ้นรถของมิสท่านนั้นซึ่งขับไปยังที่ไหนก็ไม่รู้จากไป
หัวใจของฉันพองโตเพราะความตื่นเต้นในวินาทีที่ฉันได้อยู่ใกล้เธอหรือเพียงแค่ได้ยินเสียงเรียก แต่หัวใจฉันก็หล่นวูบในนาทีที่เห็นเธอจากไป
เฮ้อ!ทำไมน้า...ฉันกับเธอถึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันนานๆซะที
เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์