3 มิถุนายน 2548 21:49 น.
อัษ สายน้ำไหล
นั้น...คือลานดาว
ลานดาวเบื้องบนฟากฟ้าอยู่แสนไกล
เป็นลานแสงระยับจับจิตผู้ผินหามอง
เป็นลานดาวยามมืดมนเดือนดับลับฟ้า
มองทอดสายตาไปยังฟ้าเงามืดยังมี
แสงเงินพริบพริบอยู่ลิบตาบนฟากฟ้า
ยื่นมองย้อนอดีตที่ผ่านไปใจยังหวน
นึกคำนวณเรื่องราวพันความตามเก็บ
มีทั้งเจ็บทั้งใจเริงร่าอวดสายตาที่ผ่าน
3 มิถุนายน 2548 21:21 น.
อัษ สายน้ำไหล
โอบกอด..ปีกอก
จากจรถิ่นฐานวานวันเคยดำดื่ม
เคยชมชื่นหญ้าเขียวรุ้งทองรวงข้าว
อบอุ่นตักนอนแม่ตนคนห่วงใย
ได้ลิ้มลองในรสแกงกับข้าวแม่ปรุง
เคยนอนนุ่งผ้าถุงแม่ยาคนกลอมนอน
เคยโอบกอดอกอุ่นยามนอนและร้องให้
เคยได้ลมสะบัดจากมือแม่เมื่อนอนแปล
หนึ่งความดูแลหนึ่งใจมิได้แปลเปลี่ยน
ด้วยปีกแขนอกอุ่นโอบกอดลูกน้อย
ค่อยป้องกลอยใจมิให้หายห่างอก
ค่อยอุ้มกกเคยจูงให้เดินตามรอยเท้า
ยามแพ้พ่ายเหนื่อยหน่ายยังค่อยจับมือ
ค่อยกระซิบ- ซิบคำหวานปลอบโยน
ค่อยตะโกนว่าอย่าแพ้พ่ายหลีกหนี
ทุกนาทีแม่อยู่ข้างกายลูกชายแม่
จงแน่วแน่เส้นทาง - ทางเส้นชัย
ด้วยไฟลุกโชนสู้ย่างก้าวไป
ด้วยหัวใจแน่วแน่ไม่แปลเปลี่ยน
แม้นคืนจะผันผ่านไปไม่คืนกลับ
แต่ความรักของแม่จะแผ่ซ่านไป
ให้ลูกชายได้รับซ่านทั่วทุกอณู
อยู่ทนสู้คู่กายถึงม้วนมรณา
อยู่ทุกเวลาวันพาไปพบเจอ
ฝั่งทะเลฝันวันข้างหน้าฟ้าคราม
แม่อยู่นี่ มาสิลูกจ๋ามาอยู่สู่
อ้อมกอดอกแม่ปีกแขนจะอุ้มโอบ
ลูกน้อยกลอยใจให้คลายเศร้า
ร้องเถอะร้องไห้ให้ดังออกไป
แม้เจ้าน้ำตาจะเปียกแก้มนุ่ม
มือแม่จะเช็ดด้วยห่วงหา
ค่อยเจรจาพาดวงใจให้ลุกโซน
ด้วยไฟต่อสู้ย้ำต่อไปในเส้นทาง....
ด้วยหวังอนาคตเจ้ามั่นคง
เป็นรากเป็นถิ่นฐานยื่นมั่นสองเท้า
แม่จึงคอยเฝ้าโอบกอดปีกอุ่น
ด้วยอกแม่ผู้เป็นสายใยสายใจ
3 มิถุนายน 2548 19:27 น.
อัษ สายน้ำไหล
โคมทอง..จันทรา
แรกเริ่มก้าวเท้าย่างผ่านพ้นพันเส้นทาง
ผ่านความทุกข์ยากให้กายใจหมองเศร้า
ผ่านเรื่องราวหลากหลายใจสุขสันต์ทวี
ผ่านพบชีวีเรียนรู้สิ่งถูกผิด...
ฉากชีวิตที่ผ่านพ้นทุกย่างก้าว
ฉากแล้วฉากเล่าเข้ามาพบเจอ
ฉากหนึ่งอาจเศร้าเคล้าน้ำตา
ฉากหนึ่งนั้นสร้างความเข็มแข็ง
บทบาทแสดงแต่ละบทล้วนจริง
มิได้คิดปรุงแต่งเหมือนละครทีวี
เป็นเรื่องจริงชี้ชะตาพาให้เจอ
อย่าให้สติเผลอไหลใจจะขาด
รีบเร่งบทบาทให้บาทวีถีเดิน
พร้อมกล้าเผชิญสิ่งตอกย้ำ
กับความเลื่อมล้ำชีวิตแตกต่าง
ต่างระบาดบนโลกที่โศกสันต์
แรงแสงจันทร์คือความสุขตน
คนมีรักที่หยิบยืนให้ตนพ้นทุกข์
ตรมที่ถาโถมโยนลำบากตรากตร่ำ
กับลอยความซ้ำเป็นแผลที่ใจ
และแล้วโคมทองของจันทรา
เปล่งประกายฉายส่องส่องให้เห็น
แสงปรุงจิตเสมือนมิตรบอกเล่า
ความหมายนั่นเล่ากว้างอยากค้นหา
ชีวิตนำพาบาแบกหลากเรื่องราว
สองเท้าได้เยี่ยมย้ำน้ำตาได้สนองงาน
ทั้งพบพานเรื่องเศร้าสุขทุกข์มิเว้น
เป็นวิถีคนได้ลิ่มลองลองพิสูจน์
บางคนชื่นบางสะอื้นบางตื่นตัน
บางหวาดหวั่นพลันถอยหนี
31 พฤษภาคม 2548 18:30 น.
อัษ สายน้ำไหล
ความฝันของฉันในค่ำคืนนี้คืนที่ฉันฝันว่า
เธอจ๊ะเธอจ๋าเมื่อเหนือยนักหนักอยู่กับงาน
ขอให้ตาหวานหลับตาฟ้าเคียงหมอน
จะเอาความอุ่นของตักมาพักให้เธอนอน
หากเธอเหนือยร้อนจะเติมน้ำให้เธอดื่ม
จะให้จิตฟื้นเต็มอุราวันฟ้าร้อน
เย็นย่ำค่ำมาถึงจะขานขับเพลงร้อง
ให้เธอชื้นฉ่ำคลื้นแคลงบางเป็นบางวัน
รุ่งเช้าของอีกวันจะเเอบเก็บดอกไม้
ให้เธอได้ชื่นกลิ่นหอม...
ส่งให้เธอต่อสู้กับงานในวันใหม่....
15 พฤศจิกายน 2545 14:46 น.
อัษ สายน้ำไหล
สิบกว่าเดือนที่ผ่านเพื่อนเรา เราคบหา
ไม่เคยพาให้ใจซ้ำน้ำในอกตกที่เรา
ไปหามาสู่อยู่มิลืมน้ำใจติดมือมา
สุขทุกข์ถามหาแบ่งปันแก้ไข
วันหนึ่งผ่านไปใจเราเริ่มคลาย
เพราะมีเพื่อนคนนี้คอยเติมน้ำใจให้มา..
เพื่อนเอ่ยเพื่อนเรา...เราจึงเป็นเพื่อน