29 สิงหาคม 2548 11:00 น.
อัลมิตรา
ฉันนั่งดูทีวีในห้องเล็ก ๆตามลำพัง ความจริงแล้วไม่บ่อยเลยที่ฉันจะเปิดทีวี หากมีคนถามฉันว่า ..ฉันมีรายการทีวีโปรดช่องไหน และรายการโปรดของฉันคือรายการอะไร ฉันคงตอบไม่ได้ เพราะนอกจากจะดูข่าว(ก็หลายช่องอยู่ แล้วแต่เวลา) ฉันก็ไม่สนใจรายการใดเป็นพิเศษ มีบ้างที่เหงา ๆ ก็เปิดทีวีดู แต่ก็ผ่านตาฆ่าเวลาไปงั้น ๆ ..การอ่านหนังสือต่างหาก เป็นทางเลือกที่ใช้เลือกวิธีนี้เสมอ ยามว่าง
ด้านหนึ่งของห้องนอนของฉันเป็นชั้นเก็บหนังสือ ฉันไม่รู้ว่าเขาเอาเกณฑ์อะไรมาวัดว่า หนังสือควรมีมาก-น้อยแค่ไหน แต่วันก่อนฉันลองนับคร่าว ๆ บนชั้นหนังสือที่แน่นเอียด น่าจะมีหนังสืออยู่ราวๆสามร้อยเล่ม และที่เก็บไว้ในตู้(หนังสือชุด) ก็ร่วมร้อยเหมือนกัน หนำซ้ำยังมีหนังสืออีกตั้งที่ยังไม่ได้เปิดอ่านอีกมาก ถูกแยกเก็บไว้ต่างหาก ถ้าจะบอกว่า .. หนังสือ(ไม่ใช่นิตยสาร) ที่มีในบ้าน มีมากกว่าห้าร้อยเล่ม น่าจะเป็นคำกล่าวที่ไม่ผิดนัก
25 สิงหาคม 2548 15:40 น.
อัลมิตรา
" จัดกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยหรือยังครับ คืนนี้อย่านอนดึกนะ พรุ่งนี้ต้องไปลงทะเบียนกี่โมงครับคนดี "
เสียงตามสายของเขาทำให้ฉันยิ้ม เขาอาทรฉันเสมอและถึงแม้ว่าเราจะอยู่ห่างกัน แต่ทว่า ..อบอุ่นในหัวใจนัก.. หลายหนที่ฉันต้องเดินทางไกล เขาจะพร่ำบอกว่าอย่าลืมนั่น อย่าลืมนี่ ให้เตรียมนั่น เตรียมนี่ จนฉันเคยออกปากไปครั้งหนึ่งว่า ทีหลังมาจัดกระเป๋าให้ด้วยนะ ซึ่งเขาก็ตอบรับทันทีว่า ได้เลย..
" ยังเลยค่ะ แต่คงไม่เตรียมอะไรมาก ค้างแค่คืนเดียว เตรียมแป๊บเดียวก็เสร็จล่ะ อ้อ..พรุ่งนี้ลงทะเบียนหกโมงเช้า เขามีอาหารกล่องให้ด้วยค่ะ "
" ถ้างั้นเตรียมของให้เรียบร้อยนะครับ ไม่รู้ว่าที่คุณไปฝนจะตกหนักหรือเปล่า อย่าลืมยา ที่นี่ฝนตกจังครับ"
" ค่ะ เตรียมเสื้อกันฝนไปด้วย ปีที่แล้วต้องเดินตากฝนตั้งแต่บ่ายจรดหกโมงเย็น เข็ดแล้วค่ะ "
" ถ้างั้นผมไม่รบกวนล่ะ ไว้ผมโทรมาอีกทีตอนดึกนะครับ ผมจะออกไปทานข้าวก่อน "
สองทุ่มกว่าแล้ว ฉันเพิ่งตรวจเอกสารเสร็จ เป้สีดำใบเดิมถูกนำออกมาวางหน้าตู้เสื้อผ้า และแล้วฉันก็รีบจัดแจงเตรียมเสื้อผ้า+สัมภาระจำเป็นใส่ลงเป้ นั่งมอง.. เป้สีดำ ระยะหลังมันเดินทางพร้อมไปกับฉันบ่อย เป้ใบนี้ ลุงอ่ำเป็นคนซื้อให้ เมื่อคราววันเกิดปีก่อน ที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงละแวกบ้าน ตอนแรกลุงอ่ำชี้ไปที่แก้วเบียร์ทรงโต "แก้วนั่น สนมั๊ยลูก ? "
" ยี้.. หนูจะเอาไปทำไมคะ หนูไม่ใช่นักดื่มนะลุง ขอเปลี่ยนเป็นเป้ได้ไหมคะ "
ในที่สุดเป้สีดำที่มีโลโก้โรงเบียร์ก็กลายเป็นสมบัติของฉัน
16 สิงหาคม 2548 08:47 น.
อัลมิตรา
อย่าไปเลยนะครับ ผมเป็นห่วง.. เสียงของเขามาจากอีกปลายสาย
ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง แต่เคยไปมาแล้ว สบายมาก เชื่อสิ ฉันตอบ
อันตรายนะครับ คุณจะไปได้อย่างไร คนเดียว
ทุกอย่างพร้อมไม่น่าจะมีอะไรติดขัด แล้วจะกลับมาอย่างที่เรียกว่าครบถ้วนค่ะ
ครับ ต้องครบสิ คุณต้องกลับมาให้ครบนะ
แน่นอน ต้องไม่มีสิ่งที่เกินติดตามหัวใจกลับมา
ฉันตอบในใจ.... แล้วก็วางสายโทรศัพท์
ใช่สิ เขารู้ รู้เสมอ..ว่าฉันจะเดินทางไปไหน ฉันไม่เคยปิดบังเขา
ความเป็นห่วง ฉันไม่รู้หรอกว่าเป็นคำกล่าวตามมารยาท หรือจากใจ..
แต่ก็ช่างเถอะ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง ทำไมต้องมาห่วงฉัน
ในเมื่อ ฉัน..อยากจะไป
สัมภาระในเป้ของฉันมีไม่มากนัก เพราะว่าไปค้างแค่หนึ่งคืนเท่านั้น
เป้สีดำใบย่อมถูกนำมาใช้อีกครั้ง ของใช้ส่วนตัวบางอย่างยังอยู่
ฉันตัดสินใจอย่างแน่วแน่เป็นครั้งสุดท้าย ..
ฉันสัญญากับหัวใจของตนเองว่า ฉันจะทำในสิ่งที่ควรทำ
ฉันจะกลับมา จะกลับมา เพื่อตัวฉันเอง .. แต่..ไม่ใช่เพื่อเขา
10 สิงหาคม 2548 10:27 น.
อัลมิตรา
ฉันกำลังง่วงกับการจัดการพันแผลที่มือด้านขวา
ทุลักทุเลจัง .. เพราะมือซ้ายไม่เก่งเท่ามือขวา
แย่จัง .. ล้มไม่เป็นท่าเลย หัวเข่าด้านซ้ายก็ถลอก หนำซ้ำมือก็บาดเจ็บอีก
พันผ้าไปก็นึกสมเพชตัวเอง อยู่ดีไม่ว่าดี..หาเรื่อง
ฝนตก ๆ แทนที่จะหลบฝน กลับฝ่าฝนกลับบ้าน ได้แผลจนได้
ดอกยางคงสึกแล้ว เบรคไม่ดี..
เถอะน่า .. เจ็บแค่นี้ บ่นทำไมว้า.. รอดมาก็บุญโขแล้วล่ะ
ฉันขบขันกับเรื่องราวของตัวเอง
ความจริง..ฉันน่ะ ใจเสาะจะตายไป แผลนิดแผลหน่อย ก็โอดโอย
แต่คราวนี้ไม่แฮะ .. รู้สึกเฉย ๆ
ฉันไม่รู้หรอกว่าแก้วเกล้ามายืนข้างโต๊ะทำงานของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่
ราวกับว่า เธอมานานแล้ว .. และคงเห็นฉันบ่นงึมงำคนเดียว
แต่ไม่อยากรบกวนฉันในขณะที่ฉันกำลังดูแลบาดแผลตนเอง
อ้าว ! เกล้า .. ว่าไง มาเงียบเชียว นั่งก่อนสิ
ค่ะ พี่ เกล้ามาสักครู่ เห็นกำลังยุ่งอยู่ ก็เลยยืนรอเงียบ ๆค่ะ
อ๋อ..พันผ้าน่ะ เรียบร้อยแล้ว ทานข้าวเช้ามายัง พี่มีข้าวต้มคลุกนะ แบ่งกัน
ทานกาแฟมาแล้วค่ะ พี่
มีอะไรหรือเปล่า ดูหงอย ๆ นะเกล้า ท่าทางไม่สดชื่นเลย นอนน้อยสิท่า
พี่คะ พี่..ช่วยเกล้าที
ประหลาดใจมาก ใช่สิ ฉันประหลาดใจ
เพราะเท่าที่รู้จักแก้วเกล้ากันมานาน ร่วมงานกันก็บ่อยครั้ง
ฉันยังไม่เคยเห็นเธอตกอยู่ในสภาพนี้มาก่อน ..เหมือนซังกะตาย
นอกจากแววตาเซี่องซึมแล้ว ฉันยังเห็นรอยหม่นหมองบนใบหน้า
เหมือนว่าเธอมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ หรือว่าเธอตกอยู่ในห้วงแห่งความเศร้า
จริงสิ.. ฉันสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้า..
เธอคงแบกทุกข์เอาไว้มากมาย
ความสดใสร่าเริงที่เคยปรากฏ..หายไป
เธอไม่เหมือนคนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก
เกล้า .. พี่พอจะช่วยอะไรได้บ้าง เกล้า..บอกที เกิดอะไรขึ้นกับเกล้า ?
เขา เขาค่ะ พี่ ..เขา ทำให้เกล้าเสียใจ
เขา เขาคนนั้นใช่เอกหรือเปล่า
ไม่มีเสียงหลุดจากปากของเธอ แต่ฉันเห็นเธอพยักหน้าแทนคำตอบ
ฉันนึกถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นคนรักของแก้วเกล้า เขาชื่อเอก
หมอนี่หน้าตาดี ค่อนข้างเจ้าชู้ ทั้งฐานะ หน้าที่การงาน ก็จัดได้ว่าเข้าขั้นดี
เท่าที่รู้ มีผู้หญิงหลายคนติดพันเขา ซึ่งเรื่องแก้วเกล้าเองก็น่าจะรู้เหมือนกัน
และคงเป็นเพราะฉันไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไหร่
ข่าวคาวของเขา..บางครั้งก็ไม่ปล่อยให้มารกใจ ..ธุระไม่ใช่ (ฉันคิด) ..
และแล้ว ..คาดไม่ถึงเหมือนกันนะ
ฉันต้องกลายมาเป็นศิราณี ให้คำปรึกษาด้วยภาวะจำเป็น
ปวดหัวดีแท้ .. อยู่ดี ๆ เรื่องแบบนี้ก็มาชนปั๋งเอาที่หน้าผาก
เขาทำอะไร ที่ทำให้เกล้าต้องเสียใจ ฉันถาม
ฉันเห็นเธอเม้มปากอย่างสะกดอารมณ์ ตาของเธอมีน้ำใส ๆ คลอ
เธอนิ่ง ปล่อยให้น้ำตาไหลเอ่อมาอาบแก้ม
วันก่อนเกล้ายังบอกพี่เลยว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเขา
ฉันนึกได้ เกล้าเคยเล่าอย่างนี้ ดูท่าทางเกล้าจะมีความสุขมากในตอนนั้น
ค่ะ พี่.. เกล้าบอกไปแบบนั้น แต่จู่ ๆ เขาก็ทำตัวเฉยชา ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
เสียงสั่นเครือของเธอตอบมา
ไม่ได้นัดไว้ก่อนหรือ ? ฉันย้อนถาม
ไม่เชิงค่ะ พูดกันไว้ก่อนหน้านั้น จนจะถึงวัน เกล้าเลยถามเขาอีกที
เขาคงลืมนะ แย่จัง
เปล่าค่ะ เขาไม่ลืม พี่คะ.. เขาไม่ลืม เขาจำได้แน่นอน
เกล้า .. ฟังพี่นะ ทุกคนมีเหตุผล สิ่งที่เขาทำ เขาก็คงมีเหตุผลของเขา
เกล้ารู้สึกปวดใจค่ะ เกล้ารับทราบเหตุผลของเขา แต่เกล้าก็ยังปวดใจอยู่ดี
แล้วกันสิ พี่ไม่เข้าใจ.. ทำไมเป็นแบบนี้
พี่คะ เกล้ากับเขาไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสเจอกันบ่อย ๆ เกล้าอยากพบเขา
เขาเองก็รู้ เขาบอกว่าจะมารับเกล้า แต่แล้ว ..
แล้ว...!!!
เกล้าเฝ้ารอนะคะ รอถึงวันนั้น แต่แล้วเกล้าก็ได้รับคำตอบว่า ..
เขาติดธุระ เกล้าไม่อยากเซ้าซี้เขา เกล้าเข้าใจว่าเขาติดธุระจริง ๆ
นั่นไง เหตุผลของเขา เขาติดธุระนี่จ๊ะเกล้า ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้สิ
ฉันยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เกล้า ผ้าเช็ดหน้าผืนที่ฉันไม่เคยใช้เองซักที
หนนี้เป็นหนที่สองแล้ว ที่มันทำหน้าที่เช็ดน้ำตาผู้อื่น
ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเกล้าแน่นอน คงเป็นเรื่องที่แก้วเกล้าสะเทือนใจพอดู
เกล้าสะอื้นฮักอยู่เป็นนาน .. ฉันปล่อยให้เกล้าปลดเปลื้องสิ่งที่เก็บกักไว้ในใจ
มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกหรอก ..
ที่ฉันจะต้องมารับรู้รับฟังเรื่องราวที่เป็นความทุกข์ของคนอื่น
ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาหัวใจด้วยแล้ว
.. ไม่ไหว ไม่ไหว.. ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย
จะไปให้คำปรึกษาอะไรกับคนอื่นได้ .. เฮ้อ ..
เกล้าเพิ่งรู้ ความหมายของคำว่าธุระของเขา
เกล้าเพิ่งเข้าใจ พี่คะ..เกล้าไม่น่าโง่เลย เธอพูดพลางสะอื้น
หือ ! ..หมายความว่าอย่างไร ที่ว่าไม่น่าโง่ น่ะ
เวลาช่วงนั้นของเขา .. เขาไม่มีเกล้าอยู่ในใจ ไม่มีเลย ...
เกล้าไม่น่าหลงเชื่อว่าเกล้าสำคัญกับเขา เสียงสะอื้นดังขึ้น
เกล้าจะสนใจทำไม เรื่องธุระของเขา ทำไมต้องรู้ทุกเรื่อง ฉันตอบเสียงเบา ๆ
เกล้าขับรถไปหาเขาที่บ้าน
บ้านเอก ?.. เฮ้ย !..เกล้า ไปกันใหญ่แล้ว เกล้าไปทำไม
บ้านของเอกอยู่ตั้งไกล อันตรายนะเกล้า เกล้าขับรถไม่แข็ง
ฉันรู้สึกตกใจในสิ่งที่เธอบอก
ค่ะ เกล้าขับรถไปหาเขา แต่จอดรถอยู่อีกฝั่ง
เกล้าเห็นไฟในบ้านเขาเปิดอยู่ ค่ะ เขาอยู่ในบ้าน
แสดงว่า เขาเพิ่งกลับจากเสร็จธุระสิ
เที่ยงคืนแล้ว ธุระของเขาคงเสร็จ เกล้าก็คิดเช่นนั้น
แล้วเกล้าเข้าไปหาเขาหรือเปล่า ?
เขาอยู่กับผู้หญิงอีกคน พี่คะ เกล้ากำลังจะบอกพี่ว่า
เกล้าเพิ่งเข้าใจถึงความหมายของคำว่า ธุระของเขา
แย่จัง .. เฮ้อ ! ไม่น่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย
เกล้ารู้สึกแย่นะพี่ เกล้าไม่รู้จะทำอย่างไร นั่งทรุดร้องไห้อยู่หน้าประตูของเขา
เขาไม่รู้หรอกว่า ทุกคำพูดของเขากับผู้หญิงคนนั้น เกล้าได้ยินจนหมด
ฉันพอจะลำดับภาพได้ ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ตั้งความหวังไว้ว่าจะเจอคนรัก
แต่กลายเป็นเจอภาพบาดใจเข้า ผู้หญิงคนนั้น นั่งอยู่ตรงหน้าฉัน.. แก้วเกล้า
สภาพของเธอตอนนี้ ไม่ผิดอะไรจากคนที่หัวใจสูญสลาย
ตอนนี้เธอต้องการคำปลอบใจ เธอต้องการความช่วยเหลือและคำปรึกษาจากฉัน
เกล้าจ๊ะ ..
พี่รู้ว่า ความเจ็บปวดของเกล้าที่มี มันไม่มีทางแบ่งปันไปให้คนอื่นได้
แต่พี่ขอถามเกล้า ถามว่า ..
เกล้าจะเลือกความสุข หรือความทุกข์ เพื่อหัวใจของเกล้าเอง ตอบพี่ได้หรือเปล่า ?
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เกล้ามีความสุขที่สุดเมื่อได้อยู่กับเขา
และในขณะเดียวกัน..
ก็เป็นความทุกข์ที่สาหัส ที่เกล้าไม่เคยได้รับมาก่อนเช่นกัน
เกล้าไม่รู้ว่า เกล้าจะทำอย่างไร พี่คะ ..เกล้าได้แต่คิด คิด คิด
แต่เกล้าก็ไม่มีคำตอบให้ตัวเอง
เกล้าต้องเข้าใจถึงความรู้สึกของตนเองเสียก่อน แล้วเกล้าจะได้คำตอบ
ฉันบอกไปเช่นนั้น
จะต้องเป็นแบบนี้อีกนานไหม เกล้ากลัวค่ะ พี่..
เกล้ากลัวที่จะยอมรับว่า เกล้าไม่มีความสำคัญสำหรับเขาแล้ว
... คนที่จะประเมินว่าเกล้าสำคัญหรือไม่ อาจไม่ใช่เขา... ฉันตอบในใจ
ทำไมนะ ความสำคัญของเราแท้ ๆ
แต่เรากลับยกให้คนอื่นถือสิทธิ์ในการประเมิน
เราเกิดมาเพื่อคนอื่นหรือไร เราเกิดมาเพราะเราต้องมาเป็นคู่ของเขาคนนั้น ...
ผู้ใดตอบได้ ?
และในเมื่อไม่มีใครตอบ ทำไมเราไม่ครอบครองสิทธิ์นั้นเอง จะมาเศร้าเสียใจทำไมกัน
ถ้าคนอื่นมองไม่เห็นคุณค่าของเรา ..
เราจำเป็นต้องกระเสือกกระสนแจงค่าของเราให้ปรากฏเชียวหรือ
คนอื่นคิดเช่นไร ฉันไม่รู้ แต่ฉันมีความคิดของฉันอย่างนี้ ..
ฉันนิ่งเงียบไปสักพัก ปล่อยเวลาให้เกล้าจัดเรียงความคิดที่สับสนในใจ
เธอยังคงร้องไห้ ผ้าเช็ดหน้าของฉันเปียกไปทั้งผืน .. มีประโยชน์ดีแท้ผ้าผืนนี้
จนเธอเพลาเสียงสะอื้น ..
ฉันเอื้อมมือไปแตะแขนของเธอเบา ๆ มือที่พันผ้าก๊อตขาว มือที่บาดเจ็บ
พี่รับทราบนะ รับทราบถึงความเจ็บปวดที่เกล้าได้รับ
มันต้องใช้เวลาพอสมควร พี่ย่อมรู้..
พี่ได้แต่หวังว่า เมื่อถึงเวลานั้น เธอจะไม่ร้องไห้อีก ..
พี่ไม่ต้องการคำสัญญาจากเธอ พี่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยาก
สิ่งที่พี่อยากเห็นก็คือ ความพยายามต่างหาก พยายามนะ เพื่อตัวของเธอเอง
เธอโผมากอดฉัน และสะอื้นโฮอีกครั้ง ฉันได้แต่โอบเธอเบา ๆ
ปล่อยให้เธอระบายอารมณ์..
ไหล่ของฉันกลายเป็นที่ซับน้ำตาของเธอ
เสียงร้องไห้ของเธอบาดลึกไปถึงหัวใจของฉันเช่นกัน
เกล้า..พี่ต้องไปห้องตรีทอง พี่มีนัดประชุมเช้านี้
ค่ะ พี่ ขอบคุณมากนะคะ เกล้าจะพยายาม
หยุดร้องไห้ได้แล้ว เงียบซะ ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ไม่ต้องคืนพี่หรอก พี่ยกให้
ฉันจัดการกับเอกสารบนโต๊ะอีกหน่อย ถือแฟ้มรายการการประชุมของคราวก่อน
ไม่อยากบอกว่า ในแฟ้ม ฉันซุกหนังสือของการท่องเที่ยวไว้หนึ่งเล่ม
การประชุมที่ใช้เวลากว่าสามชั่วโมง ฉันรู้ว่า สาระของสิบห้านาทีก่อนเลิกประชุมเท่านั้น
ที่จะเป็นโปรเจคงานของฉัน ช่วงเวลาก่อนหน้า .. ขยะ ทั้งนั้น
ฉันน่าจะมีเวลาเปิดอ่านหนังสือแนะนำที่ท่องเที่ยวได้อย่างคร่าว ๆ
ก่อนที่เปิดอ่านโดยละเอียดอีกทีเมื่ออยู่ที่บ้าน
แต่อาจเป็นเพราะมือที่พันผ้าไว้ ทำให้หยิบฉวยไม่ถนัด ไหนจะต้องหิ้วโน๊ตบุค ไหนจะแฟ้ม
หนังสือที่ฉันแอบซุกไว้เลยหล่น ซึ่งเกล้ายังคงนั่งอยู่บริเวณนั้นพอดี
จึงช่วยเก็บขึ้นมา พลางมองฉันเหมือนตั้งคำถาม
ปลายสัปดาห์นี้หยุดตั้งสามวัน
พี่คิดว่า พี่จะออกไปใช้ชีวิตเป็นชาวเกาะ น่ะ ฉันตอบไปก่อนที่เธอจะถาม
แต่พี่เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด หนำซ้ำพี่ยังบาดเจ็บอยู่นะ พี่จะไปยังไง เธอคงสงสัย
ไปได้สิ เจ็บแค่นี้ขี้ประติ๋ว พรุ่งนี้ก็หายแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก สบายมาก สำหรับพี่
พี่จะไปกับคนรักของพี่หรือคะ
ว่าไปนั่น ! มีซะที่ไหน .. พี่ไปคนเดียว เอ.. แล้วจะมาซักพี่ทำไมจ๊ะ หนูน้อย
พี่ดูแปลก ๆ ไปนะคะ หมู่นี้เหมือนพี่เก็บงำอะไรบางอย่างไว้
พี่แน่ใจนะ ว่าพี่ไม่เป็นอะไร
เธอถามเหมือนขอคำยืนยัน ทั้งที่เธอเองก็เพิ่งจะสร่างจากการร้องไห้มาหมาด ๆ
พี่ก็ไปของพี่คนเดียวบ่อย ๆ ทำอย่างกับว่าพี่ไม่เคยไปอย่างนั้นแหล่ะ ฉันเฉไฉ
แต่พี่ก็ไม่เคยไปถี่ขนาดนี้ ทำไมต้องไปเป็นชาวเกาะ เกาะอะไรคะ ที่พี่จะไป เธอถาม
เกาะนั้นเป็นเกาะแห่งความทรงจำ
ท้องฟ้ายามสนธยายังติดตานะเกล้า ประทับใจไม่รู้ลืม..
ฉันนึกย้อนไปถึงตอนที่ฉัน นั่งอยู่บนผาด้านหนึ่งของเกาะ ซึ่งเป็นจุดชมวิวใกล้ที่พัก
ฉันสัญญากับตัวเองว่า ฉันจะเขียนบางอย่างเกี่ยวกับที่นั่น
จนแล้วจนรอด ฉันเขียนไม่จบสักที
แต่ก็เหมือนกับ หัวใจของฉันถูกอะไรบางอย่างบดบังความรู้สึกที่ดีนั้น
ฉันควรกลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพื่อทบทวนบางอย่าง ..
พี่ยังไม่ได้ตอบเกล้าเลยค่ะ ว่าพี่จะไปไหนคะ เธอถามมาอีกครั้ง
สีชัง เกาะสีชังจ๊ะ ที่พี่จะไป ฉันตอบ และยิ้มให้เธอ
พี่รับปากกับเกล้านะคะ ว่าพี่จะดูแลตัวเอง
แน่นอน แผลเก่ายังไม่หาย พี่คงไม่เอาแผลใหม่มาโชว์เกล้าหรอก
ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เกล้าหมายถึง พี่ต้องดูแล ..
คือว่า.. เกล้าไม่รู้จะบอกยังไง บอกไม่ถูก
พี่เข้าใจ ขอบใจจ๊ะ ที่เป็นห่วง พี่จะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด สัญญา..
แต่อย่าลืมนะ สิ่งที่เกล้าควรทำ นับตั้งแต่ตอนนี้ไป คือ พยายาม ..
ค่ะ พี่ พยายาม.. เกล้าจะพยายาม ..
ยิ้มให้พี่ดูหน่อยสิจ๊ะ เกล้า พี่จะได้วางใจ
ถึงจะเป็นยิ้มที่เกล้าต้องฝืนเต็มทน แต่นั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง
มันเป็นความหวังนะ ความหวังที่ต้องอาศัยกำลังใจที่เข้มแข็งของเธอเอง
ฉันยิ้มให้กับเกล้า และยิ้มให้กับตัวเอง ยิ้มที่ฉันเลือกที่จะให้มันปรากฏ
ฉันไม่อยากให้เกล้าล่วงรู้ว่า .. นานทีเดียว ที่ฉันตัดสินใจจะยิ้มอีกครั้ง
ใกล้เวลานัดประชุมเต็มที .. ฉันมองนาฬิกาที่เป็นรูปล้อรถสีดำ 07.55 น.
อืมม ! ..สีดำ เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM ของฉัน..
คนที่ให้มาราวกับมีตาทิพย์ ให้มาทั้งทีไม่ยักจะเตรียมถ่านมาให้ด้วย
แต่ช่างเถอะ ได้คืบก็จะเอาศอก .. ชักจะนิสัยเสียแล้ว สิ
ก่อนเปิดประตูห้องทำงานออกมา ฉันหันไปบอกเกล้าว่า
จะนั่งอยู่ตรงนี้อีกสักหน่อยก็ได้ ..ไม่ว่ากัน และกำชับว่า อย่าคิดมากนะ..
จากนั้นฉันก็เดินออกจากห้องเพื่อไปประชุมอีกตึก ..ฉันลอบมองอีกครั้ง..
เกล้ายังคงนั่งอยู่ที่เดิม เธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงข้ามเก้าอี้ประจำตำแหน่งของฉัน
รอยช้ำแดงที่ขอบตาของเธอที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
หน้าตาตอนนี้ ไม่น่าดูสักเท่าไหร่ สองแก้มเปรอะคราบน้ำตา
ตอนนี้สภาพของเธอคงยังไม่พร้อมที่จะออกไปพบคนอื่น ๆ
ส่วนฉันเองก็ไม่ว่างเสียด้วย .. เอ !.. หรือฉันควรอยู่กับเธอสักพัก
เรื่องประชุมเรื่องเล็ก ไม่มีฉัน.. งานก็ยังคงดำเนินอยู่ได้
แต่ก็นั่นแหล่ะ .. มันคือหน้าที่ ..
ฉันมีหน้าที่ที่จะต้องกระทำ ยังต้องมีความรับผิดชอบต่อการที่ได้รับมอบหมาย
เอาล่ะ .. ตัดสินใจแล้ว สิ่งที่เป็นไป มันก็ย่อมเป็นไป
อีกอย่าง ฉันไม่สามารถย้อนกลับไปปรับอดีตให้ใครต่อใครได้
เรื่องปวดร้าวที่เกล้าประสบมา ก็คงมีแต่เกล้าเท่านั้น ที่จะต้องจัดการกับมัน
ฉันเป็นเพียงคนนอก เป็นเพียงคนที่ผ่านมารับรู้ความรู้สึกเท่านั้น
ฉันปล่อยให้เธออยู่ลำพัง เพื่อที่จะคิดย้อนเรื่องที่เราคุยกันตั้งแต่แรก
ฉันไม่รู้หรอกว่า ฉันตัดสินใจผิดหรือเปล่า ที่ดันไปแนะนำเธออย่างนั้น
ก็จะทำไงได้ .. ถ้าฉันปราดเปรื่องกว่านี้ ฉันคงไม่อมภูมิไว้หรอก
เ ธ อ รั บ ป า ก ฉั น ไ ว้ . . ว่ า เ ธ อ จ ะ พ ย า ย า ม
ส่ ว น ฉั น . . ฉั น ก็ ใ ห้ คำ สั ญ ญ า กั บ เ ธ อ
แ ต่ ฉั น ไ ม่ อ า จ รู้ ว่ า ..
เ ข า ข อ ง แ ก้ ว เ ก ล้ า ทำ อ ะ ไ ร อ ยู่ ที่ ไ ห น กั บ ใ ค ร
..
9 สิงหาคม 2548 08:40 น.
อัลมิตรา
ช่วงนี้ ..
ฉันเร่งทำแบบฝึกหัด เพื่อจัดการระเบียบชีวิตของฉันให้ตื่นฟื้นจากสิ่งที่รบกวนจิตใจ
ฉันรู้ว่า การปล่อยเวลาให้คืบคลานไปอย่างช้า ๆ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อฉันแน่
ดังนั้น ฉันจึงปรับเปลี่ยนวิถีบางอย่าง .. จำนน
สองปีก่อน ฉันนึกเคืองเพื่อนร่วมงาน ที่อุตส่าห์มีน้ำใจซื้อของฝากมาให้คราวไปฮ่องกง
แน่ล่ะ ! จิ๊กซอว์ 3000 ชิ้น มันดูยากเย็นเกินไปสำหรับคนที่มีสมาธิสั้นอย่างฉัน
จำได้ว่า
ทันทีที่ได้รับของฝาก ตอนแรกฉันเข้าใจว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องของขวัญจะเป็นผ้าปูที่นอน
พอแกะกระดาษออกเท่านั้น .. อึ้ง ค่ะ อึ้ง .. อืมม ! ขอบใจนะ ขอบใจที่เลือกรูปนี้ให้
แต่แหม ! พ่อคุณ.. รูปจิ๊กซอว์ที่ต่อง่ายกว่านี้ ไม่มีแล้ว รึ ? นี่มันรูปป่ายามสนธยา
โทนสีออกเขียวครึ้มไปจรดดำ .. อยากจะบ้าตาย ..ฉันจะมีปัญญาไหมนี่
และแล้ว..
ผ้าปูที่นอนสีขาวได้ถูกนำออกมาใช้ครั้งแรกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
เปล่าหรอก .. ฉันไม่คิดจะนอนบนเตียง ที่ปูผ้าอย่างกะ นอนที่โรงพยาบาลหรอก
ฉันแค่อาศัยพื้นที่บนเตียง เพื่อจัดการเจ้าจิ๊กซอว์ต่างหาก
ฉันเริ่มต้นคัดแยกสีของชิ้นส่วน โดยใส่ในกล่องเล็ก ๆที่เตรียมไว้
ตาลายเหมือนกันแฮะ..
บางชิ้นแยกสียาก ส่องแล้วส่องอีก ยังไม่มั่นใจเลยว่า ควรจะอยู่กล่องไหนดี
นี่..
ถ้ามีคนมองมาทางห้องนอนของฉัน คงแปลกใจนะ ที่ไฟยังเปิดอยู่ตลอดคืน
โดยปกติแล้ว ห้องนอนของฉันไม่ค่อยเปิดไฟสว่างโร่หรอก
อย่างดีก็แค่เปิดโคมไฟที่หัวนอนเพื่ออ่านหนังสือ หรือไม่ก็เปิดไฟระเบียงสีส้ม
คืนนั้น..
ฉันง่วนอยู่กับจิ๊กซอว์จนเกือบตีสี่ เวลาไม่รอท่าใคร (ไม่รู้จะรอใครต่างหาก)
จึงตัดสินใจไปอาบน้ำแปรงฟัน เลือกเสื้อผ้าที่ใส่ทะมัดทะแมงที่สุด
เสื้อแจ๊คเก็ตสีเงิน ที่มนุษย์ค้างคาวส่งมาให้เมื่อปีที่แล้ว
ลองสวมดู เสื้อตัวใหญ่ไปนิดไหล่ตก ..และเมื่อสวมแล้ว ฉันดูเหมือนมนุษย์ตะกั่วชอบกล
แต่เอาเถอะน่ะ.. เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตร .. มัวแต่ลีลา เลือกเสื้อผ้า
ไม่ได้ไปเที่ยวกับแฟนซักหน่อย กางเกงไม่ปริที่เป้า ก็บุญโขแล้ว
มีเวลาสองชั่วโมงครึ่ง ที่ฉันจะบึ่งมอเตอร์ไซด์สีน้ำเงินคันเก่งไปอัมพวา
ก็จนนี่หว่า !! .. จะไปไหนที ถ้าไม่อาศัยสองขา ก็ต้องอาศัยสองล้อ
อีกหน่อย ไม่รู้ว่าจะใช้สองล้อแบบที่ใช้มือไถหรือเปล่า ..
ฝนยิ่งตก ๆ อยู่ .. คิดอะไรไม่รู้ .. ลางไม่ดี
เมื่อวันก่อนเพิ่งจะโดนรถใหญ่เบียดซะไถลลงขอบทาง
แย่แฮะ .. เจ็บด้วย บ้าจัง.. เสียฟอร์มหมด
นึกๆแล้วก็จี้เส้นนะ
สามวัน สามจังหวัด.. นั่นแหล่ะ ฉันก็ไปของฉันเรื่อยเปื่อย
เป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้วางแผน .. อุทัยธานี ชลบุรี สมุทรสาคร ..
โอ้โห .. นี่คงคิดว่าฉันเป็นเซลล์แมนสิ .. ไม่ใช่หรอก ฉันแค่คนเร่ร่อน
ก่อนออกจากบ้าน ฉันตรวจตราดูอีกหน
กุญแจบ้าน กุญแจรถ กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือ .. เอาล่ะ ครบถ้วน
อ้อ.. ! เกือบปิดประตูระเบียงห้องนอน
ขืนปล่อยให้ฝนสาดที่นอนล่ะก็ ไม่เพียงแต่ที่นอนจะเปียกชุ่ม รับรองว่าจิ๊กซอว์เละแน่
แค่คัดสีเอง ยังไม่ได้ต่อเป็นรูปเลย .. เฮ้อ ! อยากจะเอาหัวโขกจอ หาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ
เวง..กำ..
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งภาระกิจที่ฉันทำแบบฝึกหัด ..
ยังนะ.. ยังมีอีกแยะ .. อยากรู้ไหมล่ะ
ปกติแล้ว ฉันไม่ชอบเล่นบาสเก็ตบอลสักเท่าไหร่
หนำซ้ำตอนที่เรียนมัธยม อาจารย์จีบแล้วจีบอีกให้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขัน
แต่ฉันก็ปฏิเสธ อ้างว่า .. ฉันไม่ชอบกีฬาปะทะ
ฉันเลือกที่จะเล่นวอลเล่ย์บอล .. ขอบเขตอยู่ในวงจำกัด
การค้นหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามแล้วโจมตีที่จุดนั้น
ในขณะเดียวกัน ต้องดูแลแดนของตนเองไม่ให้มีช่องโหว่
ถือได้ว่ากีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาที่ฉันโปรดปรานที่สุดละกัน
แต่เพื่อนบ้านฉันสิ เล่นไม่เป็นซักคน แย่จังเนอะ
ฉันเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนบ้าน เมื่อเย็นวันก่อน ถึงจะไม่ครบทีมก็ตาม
แค่แบ่งเป็นฝ่ายละ 3 คน ผู้ชายตัวโต ๆ ทั้งนั้น หุ่นอย่างกะช้างแมมมอธ
วิ่งทีสนามสะเทือน บางทีฉันตรงเข้าไปแย่งลูก แค่เขาเบี่ยงตัวหลบ ฉันยังกระเด็นเลย
เอาซี่ .. พ่อช้างแมมมอธ ปะเด๋วเหอะ.. จะหลอกให้วิ่งรอบสนามให้พุงยุบเชียว
โอย เหนื่อยแฮะ .. ไม่เหนื่อย ทนไหว รึ
พ่อช้างแมมมอธตัวโต แต่ก็ว่องไว พวกเขาวิ่งสองก้าว ฉันต้องไล่สามก้าว ..
ไม่อยากเล่นแล้ว ขี้โกง ขายาวกว่า ตัวก็โตกว่านี่หว่า ..
บ่นไปงั้น แต่ก็เล่นจนเกือบชั่วโมงนะ ดีนะที่ฝนตกซะก่อน ไม่งั้นเล่นต่ออีก
เอ่อ...จริงสิ เขียนเล่าไปแล้วในคราวก่อน .. ถ้างั้น ข้ามบทไปดีกว่า
เพราะว่า ..อะไรที่ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันน่าเบื่อนะ ..
เดี๋ยวจะหาว่าฉันเป็นพวกย้ำคิดย้ำทำ ..
อะไรอีกล่ะ แบบฝึกหัด .. มีสิ มีอีก
ว่าแต่ว่า เบื่ออ่านกันหรือเปล่า ? ถ้าเบื่อ ก็อย่ามาคลิ๊กอ่านเลย
ที่นี่ ประเทศไทย ..ประชาธิปไตย.. สด จากต้น
หรือถ้าคลิ๊กมาอ่านแล้วคอมเม้นท์กวนประสาท ..
ระวังเถอะ .. เปล่า ไม่มีไรหรอก แค่บ่น
ใครจะไปทำอะไรได้ โลกของเน็ต ..
ผักเผือกจะทำอะไร เชิญได้ตามสบาย นะท่าน ..