9 มิถุนายน 2552 12:55 น.
อัลมิตรา
เรื่องราวของสุนัขตัวหนึ่ง .. ที่หากพูดได้ คงพูดว่า
"ผมยังรักชีวิตตัวเองอยู่"
14 เมษายน 2552 09:53 น.
อัลมิตรา
เมืองโบราณ .. กี่ครั้งก็ยังสวย
9 เมษายน 2552 16:39 น.
อัลมิตรา
เดือนเมษายน ..
เดือนที่ค่อนข้างร้อนระอุ
บรรยากาศบนชั้นฟ้าก็แปรปรวน
ผู้คนก็แปลก ๆ แยกเขี้ยวเข้าหากัน
อุดอู้อยู่กับข่าวที่ไม่บันเทิงใจ
หงุดหงิดกับสีแดงที่แผดจ้า
ต้องหาวิธีผ่อนคลายให้กับตัวเอง
ไม่บ้าบอ .. ก็ให้สติแตกไปเลย
23 มีนาคม 2552 17:08 น.
อัลมิตรา
ศุกร์ที่ผ่านมา ก็เหมือนศุกร์ก่อน ๆ คือ วันทำงาน
แต่จะพิเศษหน่อยก็ตรงนี้ หลังเลิกงานแล้ว มีภาระกิจที่สนามหลวง
ก็งานที่ท่านนายกฯ ไปเปิดพิธี สินค้าราคาถูก ผูกรอยยิ้ม ..
ข้าพเจ้ารับช่วงงานผลัดกลางคืน ตั้งแต่สองทุ่มจนถึงสองโมงเช้าวันเสาร์
ก็วุ่นวายพอสมควร กว่าที่จะลงตัวว่า เต็นท์ที่ข้าพเจ้าจะต้องไปดูแล อยู่ที่ไหน
เท่าที่ข้าพเจ้าทราบก็คือ ต้องอพยพย้ายฟากหลบกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อความปลอดภัย
อืมม ! ว่ากันว่า ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ตำหนวดยังตรวจพบระเบิดแถว ๆ นั้นเลย
ไม่รู้เหมือนกันว่า คนที่เก็บซุกไว้ เพื่อหนุนหัวนอนหรืออย่างไร ?
ข้าพเจ้าลงรถที่ ม.ธรรมศาสตร์ แล้วก็เดินข้ามฟากตัดครึ่งสนามมายังด้านศาลฏีกา
เห็นเวทีคอนเสริทซ์อยู่ด้านซ้าย แต่ก็ไม่ได้แวะสนใจสักเท่าไหร่
ข้าพเจ้าสนใจแต่ว่า เต็นท์ที่เป็นเสบียง และ รถห้องน้ำของ ก.ท.ม.
ข้าพเจ้าไม่ค่อยคุ้นกับพื้นที่ท้องสนามหลวง เคยมาแต่ในช่วงกลางวันสงกรานต์
กับช่วงเย็น ๆ ตอนนั้นฤดูกาลเล่นว่าว แต่ก็นานมาแล้ว เมื่อคราวตั้งพระเมรุ ไม่ได้มา
ดังนั้นชีวิตในยามค่ำคืน ณ ที่นั่น จึงเป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก
เริ่มต้นจาก ..
ประมาณสี่ทุ่ม ข้าพเจ้าสังเกตด้านหลังเต็นท์ที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบงานอยู่มีการปูเสื่อเรียงราย
เพื่อนบอกว่า นั่นคือการรับจ้างนวด
ข้าพเจ้าก็นึกในใจว่า ดึกดื่นแล้ว บรรดาคนขี้เมื่อยที่ไหนกันนะ จะมานวด
ข้าพเจ้าคิดว่าคงเหมือนการนวดที่วัดโพธิ์ ดัดแข้ง ดัดขา ทุบนั่น กระแทกนี่
ข้าพเจ้าเองซึ่งเมื่อยอยู่พอประมาณ ไม่เคยต้องยืนทน อดหลับอดนอนมาก่อน
ยังแอบคิดเลยว่า ย่องไปนวดดีกว่า เห็นขึ้นป้ายราคาว่า ชั่วโมง/100 บาท
ยังดีที่ข้าพเจ้าได้แต่คิด แต่ไม่ได้ไปใช้บริการนวด
เพราะเมื่อข้าพเจ้าหันไปมองอีกที มีการมุดเข้าไปในผ้าห่มกันด้วย
นวดกันยังไง .. ข้าพเจ้าได้แต่จ้องและไม่เข้าใจ
แล้วก็มีการผลัดขึ้น ผลัดลง .. หัวไปทาง ขาไปทาง
ยิ่งงง กันไปใหญ่ ตกลงใครนวดใคร นวดกันท่าอะไรบ้างนะ ชักงง
ที่จริงข้าพเจ้ายังคงจ้องอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเพื่อนมาสะกิดพร้อมกับบอกว่า
"ไม่เคยเห็นคนเชิดสิงโตหรือไง ?"
แรก ๆ ข้าพเจ้าก็ยังไม่เข้าใจอีก "เชิดสิงโต" .. แต่แล้วก็ต้องหัวเราะก๊ากเมื่อรู้ทัน
อะไรกันจะขนาดนั้น เพราะเสื่อที่เรียงกันเว้นช่วงก็แค่สองสามเมตรเท่านั้น
ระยะห่างจากเต็นท์ที่ข้าพเจ้าดูแลงานอยู่ ก็น่าจะประมาณหกเมตร
ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็น บรรยากาศที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกลางแจ้งอย่างนี้
ถือว่าเป็นความซวยของลูกตานะนี่
............................................................................
อย่างที่เล่าไว้ข้างต้น ก่อนเข้าไปรายงานตัวที่เต็นท์
ข้าพเจ้าสอดส่องทำเลรรถห้องน้ำของ ก.ท.ม. ไว้ล่วงหน้าแล้ว
ราว ๆ เที่ยงคืน เพื่อนร่วมงานชวนข้าพเจ้าเข้าห้องน้ำ ซึ่งข้าพเจ้าก็ยินดีไปเป็นเพื่อน
ตั้งแต่เกิดมา ก็ไม่เคยใช้บริการรถห้องน้ำของ ก.ท.ม.
ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับสภาพกับกลิ่นอันสาหัสสากรรจ์ขนาดนั่นเลย
ข้าพเจ้าเดินตามเพื่อนขึ้นบันไดรถ จากนั้นข้าพเจ้าก็ลงบันไดมาในทันที
ข้าพเจ้าพยายามหายใจลึก ๆ ก่อนเดินขึ้นบันไดไปใหม่
และตั้งใจว่าจะกลั้นใจจนกว่าจะจบธุระในนั้น อืมมม เป็นไงเป็นกัน
ข้าพเจ้าแทบจะขาดใจตาย มือไม้สั่นในขณะที่กำลังเปิดประตูห้องน้ำออกมา
คงเหลือลมอันน้อยนิดในปอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเริ่มหน้ามืดตาลายแล้ว
แต่ก็ตั้งใจว่าจะยังคงกลั้นใจต่อไป ข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้อากาศแถวนั้นเข้าปอดเด็ดขาด
ทันทีที่ได้สูดอากาศเฮือกแรก (หลังจากลงจากรถห้องน้ำของ ก.ท.ม. เรียบร้อยแล้ว)
ข้าพเจ้าก็เริ่มอาเจียน จนเพื่อนที่เดินไปด้วยกันตกใจ
อะไรต่อมิอะไรที่อยู่ในกระเพาะของข้าพเจ้าเมื่อหัวค่ำ ถูกถ่ายเทออกมาจนสิ้น
ข้าพเจ้ายังคงรู้สึกพะอึดพะอม ในขณะที่กำลังเขียนเรื่องเล่านี้
ครั้งแรกในชีวิต และหวังว่าคงเป็นครั้งสุดท้าย
ข้าพเจ้าไม่มีความรู้สึกที่เรียกว่าประทับใจเลยกับรถห้องน้ำของ ก.ท.ม.
กระทั่งตีสี่ เพื่อนคนเดิมก็ชวนข้าพเจ้าเข้าห้องน้ำอีก
ข้าพเจ้าไม่ได้รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำสักนิด แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไปเป็นเพื่อน
ซึ่งอาจเป็นเพราะข้าพเจ้าไม่ได้ดื่มน้ำเลยตั้งแต่หลังเที่ยงคืน
ทั้งที่ข้าพเจ้ารู้สึกกระหายน้ำปาก ริมฝีปากแห้งผาก เสียงก็เริ่มแหบแห้ง
ให้ตายเหอะ ถ้าจะต้องเข้าห้องน้ำที่รถนั่น ข้าพเจ้าคิดว่ามันเป็นยิ่งกว่าฝันร้ายเลยทีเดียว
มีคนแนะนำให้เดินข้ามฟากไปทาง รร.รัตนโกสินทร์ ที่นั่นมีห้องน้ำบริการ เสีย 3 บาท
ข้าพเจ้ากับเพื่อนก็เดินไปตามนั้น ข้ามฟากไป ก็พบกับสิ่งมหัศจรรย์บนทางเท้า
ข้าพเจ้าเห็นคนยึดพื้นที่ริมถนน นอน .. บางคนมีแค่กระเป๋าหนุนหัว บางคนกอดถุงกระดาษเก่า ๆ
มีบ้างที่เหมือนกับเป็นกิจลักษณะ มีฟูกบนรถเข็น (เหมือนรถเข็นขนของ 4 ล้อ) นอนบนนั้น
ข้าพเจ้ากับเพื่อนเดินอย่างเงียบกริบ เกรงว่าจะไปรบกวนการนอนหลับของพวกเขา
กระทั่งจะหายใจแรง ๆ ก็ยังไม่กล้า เดินก็ต้องคอยระวังจะไปเหยียบข้าวของของพวกเขา
อากัปกิริยาของข้าพเจ้าบ่งบอกว่าข้าพเจ้าไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้ อีกทั้งยังไม่เคยเห็น
เพื่อนของข้าพเจ้ากระเซ้าว่า "เป็นคนกรุงเทพฯ แท้ ๆ ทำไมไม่รู้ว่า ชีวิตกลางคืนก็มีแบบนี้"
มันช่างเป็นชีวิตที่เอน็จอนาถมาก หากหนาว หากฝนตก พวกเขาจะไปหลบพักอาศัยที่ไหน
ข้าพเจ้าเก็บเรื่องนี้มาคิดกังวล ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องของข้าพเจ้า และบางทีพวกเขาอาจไม่ร้อนใจ
ข้าพเจ้ายังคงเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ จนอยากระบายออกมา
ทันทีที่ข้าพเจ้าเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ ข้าพเจ้าไม่เสียเวลาที่จะบอกเล่าความรู้สึกดังกล่าว
ให้กับเพื่อนที่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นหน้า และไม่รู้จักตัวตนในชีวิตจริงได้รับทราบ
อย่างน้อย .. ข้าพเจ้าก็รู้สึกเบาไปเยอะ
............................................................................
" ไง .. เจอทีเด็ดบ้างหรือเปล่า ?"
เพื่อนร่วมงานถามข้าพเจ้าถึงวันที่ข้าพเจ้าไปรับช่วงภาระกิจที่สนามหลวง
" ก็มีนิดหน่อย แต่ว่าจะเด็ดดวงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ" และข้าพเจ้าก็เล่าเรื่องไป
เพื่อนของข้าพเจ้าก็เล่าแลกเปลี่ยนให้รู้สึกขำมาก ๆ เหมือนกัน
เพื่อนถามว่า "รู้จักสมทรงหรือเปล่า แบบในหนังเรื่องคำพิพากษาน่ะ"
พอข้าพเจ้าบอกว่า "อื้อ รู้ สมทรงเป็นบ้านิด ๆ "
"นี่นะ สมทรงเดินเข้ามาในเต็นท์แล้วก็เอ่ยปากขอตัวนึง (สินค้า)
ทุกคนงงกันหมด ที่จู่ ๆ ก็มาขอกันดื้อ ๆ ไอ้แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องปกติแหง๋ ๆ
สภาพของสมทรงก็แต่งตัวมอซอ เป็นเสื้อกับกระโปรงบาน ๆ แต่ก็เขรอะแล้ว
สมทรงยังคงดื้อกล่าวซ้ำ ๆ ขอตัวนึง ขอตัวนึง นี่นะ ข้างในไม่มีจะใส่
ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่องั้นดูเลย นี่แน่ะ นี่แน่ะ"
และแล้วสมทรงก็จัดการเปิดเสื้อตลบขึ้นบน
ทุกคน (เน้น... ทุกคน) เหมือนต้องมนต์จังงัง เมื่อเห็นหนังสดอันเหี่ยวย่นของสมทรง
เพื่อนของข้าพเจ้าที่ดูแลเต็นท์นั้น มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ต่างก็นิ่งเป็นเบื้อใบ้กันไปหมด
สมทรงยังบอกอีกว่า ข้างล่างก็ด้วยนะ ไม่มีใส่ และก็กำลังจะเปิดผ้าแสดงความจริงให้เห็น
เพื่อนของข้าพเจ้าก็รีบเข้าไปห้ามสมทรงเสียก่อน ประจวบกับพอดีตำหนวดเดินผ่านมา
เรื่องราวของสมทรงจึงเป็นแค่หนังฉายครึ่งเดียว คือ ครึ่งบน ขาดครึ่งล่างให้จินตนาการต่อไป
............................................................................
"ผมถูกฉุดไปหลังต้นไม้ พร้อมกับบอกราคาว่า แค่สามสิบ"
เพื่อนกลุ่มใหญ่รวมทั้งข้าพเจ้าหัวเราะกันครืน หลังจากที่นายโจ้เล่าให้ฟัง
นายโจ้หน้าตาหล่อเหลาเอาการ และมีช่วงปฏิบัติภาระกิจเวลาเดียวกันกับข้าพเจ้า
"แทบแย่ ผมดิ้นหนีออกมาได้ก็บุญแล้ว ขวัญเสียไม่หาย" นายโจ้บ่นงึมงำ
"ผมก็เหมือนกันพี่ ตอนนั้นผมง่วง ก็เลยเดินไปนั่นนี่
ผมเดินไปทางฟากของท่าเตียน ก็มีคนเสนอตัว เสนอราคาให้เสร็จสรรพ
ผมก็รีบเดินหนีทันที" คราวนี้เป็นนายหรั่งเล่าเรื่องบ้าง
"ผมดิ ซวยฉิบ" เพื่อนอีกคนบ่นอุบ
"ซวยยังไง" ข้าพเจ้าถาม
"ก็ผมทำงานเพลิน ๆ กินน้ำแล้วก็วางไว้ข้าง ๆ ตัว แล้วก็หันมาทำงานต่อ
เผลอแป๊บเดียว คนจรจัดเอาน้ำที่ผมวางไปกิน แล้วก็วางขวดไว้เหมือนเดิมอ่ะ
คิดดูดิ ถ้าบังเอิญผมไม่หันมาเห็นเสียก่อน ผมจะเป็นอะไรตายไหมเนี่ย น่ากลัวชะมัด"
"พี่น้องคร๊าบ ผมโดนคนบ้าเดินตามตลอด ชวนผมคุยนั่นนี่ ผมล่ะจะบ้าตาย" เพื่อนหัวฟูเล่าบ้าง
"แสดงว่านายหน้าตาเข้าข่าย บ้า" เพื่อนอีกคนแซว
............................................................................
สิบสองชั่วโมง ที่ข้าพเจ้าปฏิบัตงานที่สนามหลวง
นอกเหนือจากเนื้องานแล้ว ข้าพเจ้าได้พบได้เห็นในสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เคยพบไม่เคยเห็น
ข้าพเจ้ารู้สึกขำ รู้สึกเศร้า รู้สึกกลัว ระคนกัน ..
มันเป็นอะไรที่หลากหลายจริง ๆ สำหรับค่ำคืนนั้น
มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
23 มีนาคม 2552 13:18 น.
อัลมิตรา
คาแรคเตอร์ของเธอ
เธอ ..
เป็นผู้หญิงขี้เหงา ที่มักจะเข้าใจตนเองอย่างผิด ๆ ว่า ตนเองคือศูนย์กลางจักรวาล
เธอ ..
ใช้เวลาในยามค่ำคืนเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อเขียน blog โดยเข้าหมวด Dairy
เธอ ..
บอกว่า มีงานประจำทำอยู่แล้วและค่อนข้างที่จะมั่นคง
เธอ ..
ทำตัวว่างในทันที พร้อมเสมอที่จะปรากฏตัวเมื่อรู้ว่าทางเวปจะมีการนัดมิตติ้งหรือทำกิจกรรม
เธอ ..
มีความสามารถในการชงและดื่ม ดื่มและชง
เธอ ..
ช่างสรรหาสารพัดมาเขียนลงใน blog ของเธอ ทำทีว่าเธอเป็นเจ้าของอักษรนั้น ๆ
เธอ ..
บอกว่า ถึงแม้ว่าเธอจะลอกงานของคนอื่นมาลงที่ blog เธอก็ปราศจากความผิดใด ๆ
เธอ ..
ปฏิเสธทุกข้อหา ในกรณีที่มีคนจับได้ว่าเธอคือ "นักลอกมือทอง"
เธอ ..
ฉุนเฉียว พร้อมกับประกาศว่าคนทีทักท้วงเธอกระทำการหมิ่นประมาท
เธอ ..
ปิดการเผยแพร่ entry ของเธอใน blog ส่วนตัวไปเกือบ 100 เรื่อง ก็เพราะเหตุผลส่วนตัว
เธอ ..
อ้างว่า คนที่สามารถเข้ารหัสผ่านของเธอได้ มี 3 คน แล้วจะให้เธอรับผิดชอบอะไรกัน
เธอ ..
ยังคงยืนยันว่าจะเขียน blog ทุกวัน ทุกเที่ยงคืน และปั่นคอมเมนท์ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส
เธอ ..
อ้อนให้ใครต่อใครรักเธอน้อยลง ทว่าให้คงรักนั้นนาน ๆ
.................................