(๑) ๏ เมื่อมีความรู้สึกนึกอยากเที่ยว ไปคนเดียวก็ได้ไม่เคยหวั่น แต่ครั้งนี้อยากให้ไปด้วยกัน จึงนัดวันรวมพล "ชลบุรี" (๒) คล้ายเนิ่นนานการพบสบตารัก ด้วยเพื่อนรักอยู่ไกลหลายถิ่นที่ แต่เพื่อนตอบว่า "ไป" ใจเปรมปรีดิ์ ต้องอย่างนี้น้ำใจไอ้เพื่อนเกลอ (๓) เดือนตุลาฯ ครานี้ไม่มีกิจ (จิตอาสา) อกทำพิษหมอนัดเกรงจัดเก้อ นับถอยหลังขึ้นเขียงเสี่ยงโรคเจอ ไม่เยิ่นเย้อเที่ยวก่อนตอนแข็งแรง (๔) ด้วยเป็นคนถิ่นกลอนตอนคิดเขียน อยากปรับเปลี่ยนพิศภาพทาบสีแสง ภาพมายาน่าฉงนบนปลายแปรง สื่อแจ่มแจ้งเยี่ยงใดใคร่ติดตาม (๕) ภาพภูเขาลำเนาไพรในป่าชัฏ มวลสิงสาราสัตว์จัดล้นหลาม ข้ามสะพานม่านน้ำตกวิหคงาม เวียงอารามซากอิฐประดิษฐ์กอง (๖) วิจิตรใต้ธาราปลาใหญ่น้อย บอลลูนลอยฟ่องฟ้าน่าจับต้อง เมืองเวนิชสวยล้ำน้ำคูคลอง ฉากบ้านช่องสวยหรูดูตระการ (๗) ภาพโบราณรุ่งเรืองเมืองอียิปต์ เทพเกินสิบเรียงองค์ทรงประสาน มิติเหมือนผจญภัยในตำนาน อยากก้าวผ่านไปสัมผัสถนัดตา (๘) เผ่าพันธุ์สัตว์ล้านปีมากมีเห็น ช่างโดดเด่นเกินเกริ่นประเมินค่า แต่ต่อให้เกรียงไกรใหญ่ศักดา ถึงเวลาก็ดับดิ้นสูญสิ้นพันธุ์ (๙) ย้อนเทียบกับตัวเราคงเท่านี้ บาปบุญมีให้สดับยามดับขันธ์ ใครเล่าอยู่ค้ำฟ้ากว่าล้านวัน สำนึกมั่นความจริง "สิ่งไม่มี" (๑๐) รำลึกภาพซาบซึ้งตราตรึงจิต เขาเนรมิตรปวงเทพเสพย์สุขขี สรวงสวรรค์อยู่หนใดใครรู้ดี ฉันอยากมีปีกบินยังดินแดน (๑๑) จึงสวมปีกแนบกายใกล้ผืนภาพ ปีกขนาบสองข้างช่างสุขแสน แต่จะบินเยี่ยงไรปีกไร้แกน ขยับแขนขึ้นลงปีกตรงเดิม (๑๒) ใครใครก็ใคร่เป็นเช่นนางฟ้า งามมายาสวยใสใส่ปีกเสริม ผลัดกันเป็นนางฟ้าเรียงหน้าเจิม นางฟ้าเพิ่มร้อยพันช่วงวันเดียว (๑๓) ยังมีฉากลวงตาคราไกลใกล้ เล็กดันคล้ายกลายใหญ่ให้หวาดเสียว ใหญ่ก็คล้ายกลายเล็กสเปคเชียว มุมมองเชี่ยวช่ำชองต้องตำรา (๑๔) ภาพสะท้อนตรงหน้าทำท่าเหมือน แท้คือเพื่อนเลียนล้อพอเห็นหน้า ยกแขนซ้ายย้ายสะโพกโยกกายา เพื่อนบอกว่าเลิกสลับรับไม่ลง (๑๕) อีกหลายภาพผละไปไม่ทั่วถึง ด้วยอื้ออึงคนแน่นเรียงแล่นหลง ขี้เกียจรอเนิ่นนานจิตพาลปลง ใกล้เที่ยงตรงเวลานัดดาวศรัทธา (๑๖) ร้านพอพุงอยู่ไหนใครรู้บ้าง ตลอดทางสอดส่ายสายตาหา เออ ! แผนที่อยู่ไหนใครเอามา ลุงกับป้าเตรียมการอาหารรอ (๑๗) จากพัทยาเร็วลัดมุ่งสัตหีบ ขับเร่งรีบเพราะหิวไส้กิ่วหนอ เช้ามืดกินขนมปังประทังพอ ตกสายก็เริ่มอยากปากเปรี้ยวมัน (๑๘) ลุงบอกว่าอาหารบานตะไท เปิดครัวใหญ่รอท่าป้าจัดสรร ทั้งกุ้งหอยปูปลาสารพัน ผักสีสันแปลกตาน่าลิ้มลอง (๑๙) เที่ยงถึงร้านพอดีไม่มีสาย เหล่าสหายลงรถแล้วจดจ้อง ลุงอยู่ไหนกันหนาพากันมอง เห็นเดินย่องออกมาพาดีใจ (๒๐) ลุงอยู่หน้าป้ายังอยู่หลังร้าน จัดอาหารต้อนรับสำรับใส่ ฉันอาสาร่วมด้วยช่วยกันไป ทำหน้าที่ทอดไข่ใส่นางรม (๒๑) ทยอยเสร็จทีละอย่างวางตรงหน้า ละลานตาพันธุ์ทะเลเรียงเร่ขรม ตักต้มยำหม้อไฟใส่ชามกลม แค่สูดสมพอสังเขปเทพประมาณ (๒๒) ปลากระพงทอดกระเทียมยอดเยี่ยมแท้ ปลาหมึกแล่ผัดใส่ไข่ประสาน ผักเจ็ดสีเย้ายวนชวนให้ทาน พล่ากุ้งพล่านลุยสวนล้วนมากมาย (๒๓) ไข่เจียวหอยนางรมเพื่อนชมชอบ ขอบข้างกรอบตรงกลางช่างนุ่มหลาย ซุปผักโขมสุดอร่อยพลอยเสียดาย น้ำซุปหายเพราะหมดซดเกลี้ยงชาม (๒๕) สเต็กเต้าหู้หรูหราป้าปรุงให้ ก็อยากได้แต่อับจนพุงล้นหลาม ไอศกรีมต้องละเลิกตระกราม พยายามไม่ไหวพุงใกล้พัง (๒๖) อีกหนึ่งที่โปรดปรานปูจานใหญ่ แสนภิรมย์สมใจได้ตามหยั่ง นิ้วเลอะเทอะเปรอะปูดูน่าชัง คล้ายลิงกังแทะปูดูซุกซน (๒๗) ไม่ไหวแล้วลุงป้าอย่าเสริฟเสริม อย่าตักเติมขุนให้อ้วนได้ผล กางเกงคับเสื้อคับรับเหลือทน พุงเริ่มล้นแล้วหนอขอเลิกรา (๒๘) พาไปเที่ยวได้ไหมใคร่ขอร้อง กับพวกพ้องรวมมิตรจิตหรรษา นานนานหนคนไกลไม่เคยมา เถิดลุงป้า .. เอ็นดูหนูสักที (๒๙) หากลุงป้าตกลงปลงใจไป จะดีใจยิ่งนักรักเต็มที่ หากลุงป้าตอบผ่านการงานมี ยังยินดีที่ได้ให้มาเยือน (๓๐) เมื่อลุงป้าจะพาไปในสัตหีบ ฉันจึงรีบเดินออกไปบอกเพื่อน ควรขึ้นรถเถิดหนาฉันมาเตือน จะพาเคลื่อนเลียบฝั่งยังทะเล (๓๑) รถสามคันพลันแล่นละลิ่วล่อง ยังแอบมองยามผ่านทหารเท่ห์ ล่วงเข้าเขตยุทธศาสตร์วาดทำเล เรือตังเกหายไป.. เรือใครบัง ? (๓๒) บรรยากาศร่มรื่นสดชื่นแท้ ฉันเพียงแต่เพ้อไปตามใจสั่ง อยากปูเสื่อพักผ่อนนั่งนอนจัง ไว้วันหลังคงปลีกเยือนอีกครา (๓๓) เจ้าถิ่นพาขึ้นเขาเราเดินตาม แต่เขาห้ามยกกล้องสอดส่องหนา ไหว้กรมหลวงชุมพรฯขอพรมา ได้เบอร์ห้ายอดเยี่ยมผลเซียมซี (๓๔) "อันสินเดิมที่จนเป็นคนขัด เที่ยวเลาะลัดตกปลาหน้าบัดสี หญิงเฒ่าให้ข้าวปลาด้วยปราณี เมื่อบุญมีได้อ๋องครองพารา (๓๕) เดิมเคราะห์ร้ายต่อไปจะไม่ทุกข์ มีแต่สุขโชคลาภซึมซาบหา เจ็บป่วยไข้ก็จักหายคลายทรมา คนชราจะเอื้อเฟื้อเกื้อกูลตน (๓๖) คนเดินทางเคยพบประสบพักตร์ ยามเขาทักยิ้มให้คงไร้ผล ความทรงจำเลือนลางในบางคน ฤกษ์เที่ยงดลสวัสดีย่อมมีชัย (๓๗) อีกความหมายเซียมซีที่ได้เสี่ยง อันคู่เคียงร่วมหมอนนอนชิดใกล้ ยังคงรักสมัครสมานสำราญใจ คิดหวังใดก็สมความตามครรลอง" (๓๘) ชูเบอร์ห้าบ้าเห่ออวดเกลอแก้ว จิตเคยแป้วอับโชคโรคสนอง อาศัยเพียงเสี่ยงทายตามใจตรอง คล้ายฟ้าผ่องอำไพใจเบิกบาน (๓๙) ณ เขาแหลมแซมหมอกหยอกฟ้าสวย แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มพิมพ์ผสาน ภาพแห่งความทรงจำย้ำเหตุการณ์ จะกี่นานรำลึกได้ไม่ลืมเลือน (๔๐) จวบบ่ายสามตามทริปต้องรีบแล้ว อย่ามัวแกร่วถ่ายภาพทราบไหมเพื่อน ยังต้องไปวัดญาณฯฉันขานเตือน แต่ก็เหมือนต้องร่ำลาด้วยอาลัย (๔๑) ขอบพระคุณลุงป้าในครานี้ ความอารีย์ดุจญาติเมื่อชาติไหน บังเกิดความอบอุ่นละมุนใจ ยามจากไกลดวงจิตคิดคำนึง (๔๒) จำได้ตอนปฏิบัติวิปัสสนา ได้ลุงป้าสอนธรรมนำทั่วถึง จะนอนนั่งลมหายใจให้รำพึง แสนซาบซึ้งน้ำใจในกรุณา (๔๓) จวบครานี้อีกหนบนเส้นทาง อยู่ระหว่างวินิจฉัยไข้รักษา ประหนึ่งเรือลำน้อยลอยธารา คลื่นถลาโถมถั่งยังกังวล (๔๔) ที่ท่องเที่ยวพัทยาในครานี้ แสนเปรมปรีดิ์ได้เจอเกลออีกหน จึงหัวเราะเริงร่ากว่าบางคน สุขเหลือล้นพัทยาลุงป้ามี (๔๕) ชวนมาเที่ยวพัทยาอีกคราครั้ง เสียงป้ายังก้องหัวใจให้สุขขี ดาวศรัทธากระจ่างฟ้ายามราตรี ฉันโชคดีดาวศรัทธาจ้าทุกวัน (๔๖) จบจากลาลุงป้าพวกพาเร่ง คนขับเกร็งเมื่อยขบดูขบขัน เที่ยวถัดมาตามนัดไปวัดกัน ดวงตาวันเบี่ยงบ่ายย้ายแสงลง (๔๗) รถจอดที่อารามหลวงช่วงบ่ายสาม ช่างงดงามพระปฏิมาพาลุ่มหลง อีกสถาปัตยกรรมการธำรง ช่างบรรจงศิลปงามตระการ (๔๘) แมกไม้หย่อมใบไม้ล้วนใบเขียว เพียงครู่เดียวยังสุขสมเมื่อชมผ่าน ตามคูคลองนองทั่วบัวบึงบาน น้ำพุซ่านแตกกระเซ็นเห็นรุ้งเรือง (๔๙) ณ ร้านรวงริมน้ำธรรมชาติ ฉันบังอาจถามแม่ค้าภาษาเขื่อง "สปอนเซอร์มีไหม" ไยเธอเคือง เงินไม่เปลืองสปอนเซอร์เธอไม่มี (๕๐) "รายเรียงเต็มตู้เย็นไม่เห็นหา ทั้งโคล่าและสไปรท์เห็นไหมนี่ อีกแฟนต้าชาเชียวฝาเกลียวดี ดันเซ้าซี้สปอนเซอร์เออแน่ะคุณ" (๕๑) เพื่อนพากันหัวร่อต่อกระซิก ฉันถูกหยิกจุดตายกลายเป็นหุ่น แม้นมีก็ไม่เอาหวังเท่าทุน แน่ะ ! ทำขุ่นข้องใจทำไมเธอ (๕๒) แล้วเดินออกจากร้านมาริมน้ำ เพื่อดื่มด่ำทิวทัศน์ที่วัดเสนอ ชักชวนถ่ายรูปเล่นเน้นรวมเกลอ ไม่เยิ่นเย้อต่อไปไร่องุ่นงาม (๕๓) ซิลเวอร์เลคเสกภูผามาเป็นสวน ตอนเพื่อนชวนยังตะหงิดคิดไต่ถาม มาเที่ยวสวนมีอะไรให้ติดตาม ก่อนปากพล่ามให้ตะลึงถึงแล้วฤๅ (๕๔) ที่นี่มันเมืองไทยใช่ไหมหวา ? อ้างเมืองนอกเมืองนาพาเชื่อถือ เห็นกังหันฮอลล์แลนด์แดนระบือ สวยสมชื่อรีบไปข้างในกัน (๕๕) จอดรถแล้วอย่าเพลินจงเดินเร่ง ไปนอนเคล้งถ่ายภาพขนาบฉัน ท่ากระโดดทำไม่ไหวกล้องไม่ทัน ขาพลอยสั่นเริ่มเหนื่อยเมื่อยทั้งตัว (๕๖) "น้ำองุ่นชื่นใจเอาไหมพี่ ?" น้องคนดีซื้อให้แจกจ่ายทั่ว น้องจะมีเงินไหมใจนึกกลัว แท้เจ้าสัวมาเองอย่าเกรงใจ (๕๗) ยลแดดตากผ้าอ้อมย้อมแผ่นฟ้า มวลแมลงปอล้อแล่นมาพาสดใส ยินเสียงนกขับทำนองโสตก้องไพร ช่างรำไรสรวงสวรรค์บนชั้นดิน (๕๘) แลภูเขาทอดเถือกเป็นทิวแถว สลับแนวพฤกษ์ไพรในท้องถิ่น บันทึกภาพซาบซึ้งถึงห้วงจินต์ ยังถวิลประทับใจไม่เลิกลา (๕๙) เพื่อนบางคนสู้ขยันหมั่นเก็บภาพ แต่โปรดทราบบางคนยากค้นหา ยามเพื่อนเผลอเธอหลับจับได้นา ปริศนาคือผู้ใดให้คาดเดา (๖๐) แล้วจับกลุ่มรวมกันเชิงบันได ยังแจ่มใสยิ้มร่ากว้างกว่าเก่า ดวงตาวันชิงพลบลบเหลี่ยมเงา หลบหลังเขาซ่อนแสงแห่งทิวา (๖๑) แม้นเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนใจยังสู้ ชวนเพื่อนดูดอกไม้ใจหรรษา พวงองุ่นช่างงดงามตามพนา เรางามกว่าพวงองุ่นคนคุ้นเคย (๖๒) ยังเหลืออีกหนึ่งจุดต้องรุดเร่ง ด้วยว่าเกรงจะค่ำนักหนักใจเหวย ตลาดน้ำสี่ภาคหากล่วงเลย เถิดเพื่อนเอ๋ยจรลีจากนี้กัน ************************** (๖๓) รถติดแท้จริงเชียวเที่ยวสุดท้าย รอจนหน่ายกว่าโขลงพ้นโค้งนั่น เห็นรถทัวร์จอดเรียงเยี่ยงเกยคัน ใจเริ่มหวั่นไร้ที่จอดตลอดแนว (๖๔) ต้องเข้าจอดในซอยคอยจนครบ แจ้งนัดพบอีกคราอย่าแตกแถว ใครขึ้นรถคันไหนให้รู้แกว อย่าเป็นแม้วหลงพลัดพัทยา (๖๕) แล้วแยกย้ายตามใจไม่เคร่งครัด แต่อึดอัดโอ้ไฉนนัยภาษา "นี่ตลาดเมืองไทยใช่ไหมนา ?" ชี้ป้ายหราสี่ภาคย้ำปากเปรย (๖๖) พากย์ภาษานานาสารพัด ปราศสันทัดแปลใดให้เปิดเผย ช่างผิดแผกอโยธยาคราก่อนเคย ฤๅ เราเชยล้าสมัยใครตอบที (๖๗) แม้นว่าเดินเที่ยวไปไม่ทั่วถึง แต่สถานหนึ่งคล้ายฉุดหยุดอยู่ที่ ศาลพระพิฆเนศเดชฤทธี อีกยังมีมุกสิกสัตว์คอยจัดการ (๖๘) แสนปลาบปลื้มดีใจเข้าใกล้หนู ปากแนบหูกระซิบแผ่วแล้วส่งสาร "ท่านมุกสิกข้าน้อยด้อยชำนาญ ใคร่เชี่ยวชาญปราดเปรื่องเรืองวิทยา (๖๙) วานท่านช่วยกราบทูลถึงมูลเหตุ โปรดสมเพชมนุษย์น้อยผู้ด้อยค่า ให้พระพิฆเนศวรทวนฏีกา เอื้อฤทธากูลเกื้อเมื่อรับฟัง (๗๐) วิงวอนท่านให้เมตตานำพาสื่อ ด้วยนับถือกันมาแค่คราหลัง ขอบุญญาพระคณปติดำริห์ยัง ให้สมดั่งปรารถนาทุกคราไป (๗๑) โอม ศรี เอกทันตะ ปะระสัท โสตแจ่มชัดคาถาน่าเลื่อมใส คณปติ ยะนะมะฮา มาจากใจ ขอเทพไท้โปรดช่วยอำนวยพร" (๗๒) วันนี้คล้ายเพิ่มทุนได้บุญล้น ได้เที่ยวจนจิตสุขโขสโมสร ได้ไหว้พระระหว่างเส้นทางจร สุขทุกตอนปรากฏในบทกวี (๗๓) ขอบคุณเพื่อนที่พาฉันไปเที่ยว เอ๊ะ ! ประเดี่ยวสลับกลับกันนี่ ฉันว่าฉันชวนเที่ยวเหลียวคดี เรื่องสั้นมีเขียนไว้ในร่องรอย (๗๔) ถึงเวลาแยกย้ายตอนท้ายเรื่อง กลับสู่เมืองเทวาจิตพาหงอย คงอีกนานการนัดผลัดกันคอย หนึ่งวันน้อยไปนิดคิดเสียดาย (๗๕) เอาไว้ไปคราวหน้าอีกคราครั้ง โปรแกรมยังไม่ลงตรงจุดหมาย ด้วยฉันยังไม่พร้อมต้องซ่อมกาย ไม่สบายจึงควรพักรักษาตน (๗๖) คงเท่าที่จะทำได้ในสังขาร คิดพบพานผองเพื่อนเตือนอีกหน แม้นปีหน้าฟ้าใหม่ไม่อับจน จะพาด้นท่องไพรในดงแดน (๗๗) ตุลาฯ นี้ไม่มีกิจจิตอาสา ก็เพราะว่าหมอนัดจึงผลัดแผน โดยไม่รู้วันใดในแบบแปลน นอนขึ้นแท่นบนเตียงเสี่ยงมีดคม (๗๘) กล่าวขอบคุณอีกครั้งเสียงดังก้อง แด่พวกพ้องประดามิตรสนิทสนม ทั้งไปและไม่ได้ไปในชมรม ที่ชื่นชมบทกลอนตอนเที่ยวกัน (๗๙) ขอให้ท่านพบแต่สุขสวัสดี อย่าได้มีป่วยไข้ให้หวาดหวั่น สิ่งใดที่ดวงจิตคิดสัมพันธ์ ทุกอย่างนั้นสมหวังดั่งใจตรอง (๘๐) แปดสิบรสบทกวีที่ฉันเขียน คำใดเพี้ยนระคายตาค่าสนอง คงต้องกล่าวขออภัยในทำนอง หากคำพ้องไม่ไพเราะเสนาะใจ (๘๑) ฉันบรรจงเล่าความตามรู้สึก หลับตานึกทุกคราพายิ้มได้ "มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า" กล้ากล่าวไป "คือหัวใจของทุกคนบนโลกกวี" ๚ะ๛
๏ เพราะเขาคือเบื้องหลังตั้งแต่แรก เป็นคนแปลกลึกลับสำหรับฉัน ไม่เคยพบเห็นตัวปราศพัวพัน สองเรานั้นเชื่อมใจด้วยไมตรี เขามีจิตเมตตาแอบมาสอน ทั้งกาพย์กลอนโคลงฉันท์สรรค์วิถี อีกสารพันพรรณนาภาษากวี จวบฉันนี้เขียนได้หลายนัยความ ฉันเป็นศิษย์เขาดั่งครูสั่งสอน เฉกละครดิโอเปร่าคราคนถาม ผู้แฝงตัว ณ โรงละครขจรนาม ช่างงดงามน้ำเสียงเยี่ยงเทวา บุรุษที่อุทิศตนบนทางศิลป์ แม้นสูญสิ้นเสรีภาพราบรื่นหา ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยววิญญาณ์ ดิโอเปร่าชั้นใต้ดินถิ่นมืดมน ยามสวมหน้ากากทองอันผ่องแพ้ว ปราศวี่แววอัปลักษณ์แม้สักหน ด้วยน้ำเสียงเยี่ยงสวรรค์บันดาลดล สอนอีกคนด้วยหัวใจและไมตรี คล้ายกันไหม ? .. ในสำนึกรู้สึกคล้าย ต่างเป็นชายนายศิลป์ ณ ถิ่นที่ หนึ่งสื่อเสียงหนึ่งสลักอักษรกวี เนื้อเรื่องมีเบื้องหลังดั่งลอกเงา มันเป็นความรู้สึกที่นึกย้อน ดูละครแล้วจิตคิดถึงเขา ชายผู้สวมหน้ากากฉากสีเทา แม้นลางเลาตัวตนบนโลกจริง ๚ะ๛