14 กันยายน 2550 22:55 น.
อัลมิตรา
๏ หมามันเห่าช่างประไรมันไม่กัด
หมาอ่อนหัดแกล้งขู่รู้ไหมหนอ
หมาขี้ขลาดตาขาวกร้าวไม่พอ
เที่ยววิ่งล่อเข้าซอยแล้วคอยรุม
หมามักกัดคนแปลกผิดแผกหน้า
หมาขี้ข้าคราวท้องเจ้าของกลุ้ม
หมาจนตรอกสู้ยิบตากว่าจนมุม
เห็นเป็นกลุ่มหมาหมู่ดูอันธพาล
หมาชอบเห่าใบตองจ้องข่มขู่
หอนหนวกหูยามราตรีคราผีผ่าน
หมามาดขรึมเข้มขลังต้องหลังอาน
หมานอกชานนอกเรือนขี้เรื้อนกิน
หมาร่อนเร่พเนจรนอนถนน
ช่างมากล้นทำหมันมันไม่สิ้น
กลายเป็นหมาจรจัดพลัดแผ่นดิน
ทำตัวชินกับสภาพตราบวันตาย
พฤติกรรมที่มิชอบหมาลอบกัด
ทั้งหมาวัดหมาบ้านพาลฉิบหาย
ซึ่งหน้าซึมเซื่องเซ่อเผลอกลับกลาย
เสื่อมความหมายชาติหมาจรรยาบรรณ
หมาบางตัวเคร่งครัดความสัตย์ซื่อ
เจ้าของคือจ้าวชีวิตไม่คิดผัน
สำนึกคุณ น้ำ-ข้าว คราวเลี้ยงมัน
หมาแบบนั้นตัวอย่างแนวทางดี
โอ้มะหมาอนิจจาสัตว์จตุรบาท
น่าอนาถโดนมนุษย์ฉุดศักดิ์ศรี
ถูกด่ากราด"ชาติหมา"ท้าต่อยตี
เรื่องแบบนี้พึงเห็นเป็นสัจจธรรม ๚ะ๛
11 กันยายน 2550 08:41 น.
อัลมิตรา
๏ กระจ่างฟ้าราตรีที่แดนเถื่อน
พิศดวงเดือนแล้วคำนึงถึงสมร
ท่ามพงไพรไกลแคว้นแดนสัญจร
มิ่งบังอรป่านนี้อยู่ที่ใด
พงพนาบรรเลงบทเพลงเศร้า
พี่สุดเหงาร้าวทรวงเกินหน่วงไหว
ท่ามเดือนดาวพราวพร่าง ณ กลางไพร
กลับสิ้นไร้เงานางอยู่ข้างเคียง
ฤๅ ผู้ใดซ่อนเจ้าคราวพี่ห่าง
สืบเสาะทางเข็ญใจไร้สรรพเสียง
บนเส้นทางอ้างว้างเดียวดายเพียง
ท่ามกลางเสียงเรไรร่ำไห้ระงม
ด้วยกายใจของพี่ยอมพลีแล้ว
ขอมิ่งแก้วกานดาอย่าขื่นขม
จักของฝากคำร่ายกับสายลม
เพื่ออุ้มสมเราสองได้ครองกัน
เอาความฝันวางไว้ ณ ปลายฟ้า
ธารเพลาฤดูกาลที่ผ่านผัน
ศรัทธาแห่งซื่อตรงคงนิรันดร์
เฉกดวงจันทร์คู่ฟ้ายามราตรี
ขอมอบเพลงซึ้งใจให้แด่เจ้า
จงพ้นเงาเศร้าครองความหมองศรี
ในนิทราจงสดชื่นรื่นฤดี
ด้วยตัวพี่จักเยือนเจ้าพร้อมดาวเดือน ๚ะ๛
อีทิสังฉันท์ ๒๐
๏ กากะกากะกากะกากะกา
กะกากะกากะกากะกา กะกากา ๚
๏ ยามพระจันทร์ตระหง่านตระการนภา
ณ รัตติกาลสะคราญผิว่า
ชม้ายมอง
ล้ำพิไลไฉนหทัยสิปอง
ประสงค์ศศีฉวีระรอง
และผ่องพรรณ
เด่นวิจิตรสถิตมหรรณพ์กระนั้น
ฤ ใจมิควรสิใฝ่สิฝัน
ประการใด
ด้วยประจักษ์ ณ ชุณหปักข์กระไร
เสมือนมโนชสิพิสมัย
เสมอมา
แจ่มจรัสวิลาสวิไลวิภา
พิศุทธ์พิเศษพิศาลสง่า
นิศากาล
โอ้พระจันทร์พิจิตรพิสิฐอุทาร
วิโรจน์วิลาสินีวิศาล
มิคร้านหมาย
ดาวพิรามอร่ามกระจัดกระจาย
ประจักษ์ประจำกระจ่างประกาย
และฉายแสง
ดาวพระจันทร์ตระหง่านนิรันดร์แสดง-
ประหนึ่งอนงค์และพี่มิแปลง
สิเนหา ๚ะ๛
10 กันยายน 2550 15:13 น.
อัลมิตรา
๏ ไยเธอกลุ้มคลุ้มแค้นแสนสาหัส
เหมือนไม่ตัดละวางบางอย่างหนอ
เพื่อผ่านพ้นพาลภัยไปไยรีรอ
หรือเธอท้อสิ้นหวังกำลังใจ
เทียบคนอื่นหมื่นแสนข้นแค้นกว่า
ทุกข์ทรมานั้นยากลำบากไข
ยังอุตส่าห์สู้ทนมิบ่นใด
เธอเห็นไหมตัวอย่างแนวทางเดิน
มัวเกลียดโกรธโทษชะตาว่าอาภัพ
มิยอมรับขวากกั้นเพียงผิวเผิน
บททดสอบรอผู้กล้ามาเผชิญ
จะจำเริญ/หม่นหมอง..จงลองทำ
หากไม่กล้า..เมื่อใด..ใจจักกล้า
ที่แล้วมาเอาแต่คิดจิตระส่ำ
ปากเปรยอ้างโชคร้ายคล้ายเวรกรรม
สร้างโจทย์ให้คนขำพร้อมซ้ำเติม
เพียงตั้งจิตคิดสลัดเรื่องกลัดกลุ้ม
ทุกข์ร้อนรุ่มจักสลายไม่พูนเพิ่ม
เพียงสั่งใจให้แกร่งกล้าดุจคราเดิม
แล้วก็เริ่มต้นใหม่อย่าไปกลัว ๚ะ๛
9 กันยายน 2550 14:34 น.
อัลมิตรา
๏ เพราะแตกต่างความคิดจึงผิดแผก
บนความแยกยากขานสมานฉันท์
จิตขัดข้องเชื่อมได้อย่างไรกัน
เหมือนมีเกราะกางกั้นสัมพันธ์เรา
ทุกหลักแหล่งทุรชนปะปนอยู่
หากไม่รู้เสื่อมทรามกับความเขลา
ศรัทธาที่ปราศจากสิ่งขัดเกลา
ผิดโคตรเหง้าก็ฆ่าฟันจนบรรลัย
ชีพ/เลือด/เนื้อ ฤๅแปลก ฤๅแตกต่าง
เห็นอวดอ้าง -..ถิ่นกูผู้อาศัย..-
บังอาจยื้อแหว่งวิ่นแผ่นดินไทย
สุดจัญไร อุเหม่ ! ช่างเนรคุณ
ขอตัดขาดประกาศก้อง -..ไม่ต้องอยู่
ไปเถิดสูเชิญไปพวกใจสถุล
อย่าแปดเปื้อนวงศ์ไทยให้เสียดุลย์
ใครเจือจุนสูไปอยู่ใกล้มัน..-
-..เมื่อศรัทธาสูสิ้นแผ่นดินเกิด
สูไปเถิด ตูรังเกียจและเดียดฉันท์
อย่ายุไทยให้แตกแถวก็แล้วกัน
มิฉะนั้นสูตายใต้ตีนตู..- ๚ะ๛
5 กันยายน 2550 20:09 น.
อัลมิตรา
๏ หากหัวใจเธอสงบจะพบสุข
ที่เคยทุกข์ผ่อนคลายหายโศกศัลย์
ยามแจ่มแจ้งหัวใจจะรู้พลัน
รักคราวนั้นเพียงบ่วงภาพลวงตา
หากยังเจ็บยังปวดรวดร้าวจิต
เพียงหยุดคิดแล้วค้นเหตุผลหา
กระไรเล่าลงทุนช้ำด้วยน้ำตา
เสียเวลาหรือเปล่าเอาใจตรอง
ขอให้เธอใช้สิทธิ์พินิจเลือก
จะปลดเปลือกทุกข์ทนความหม่นหมอง
หรือกอดความช้ำชอกดุจครอบครอง
ฉันเฝ้ามองเบื้องหลังเป็นพลังใจ
อยากให้เธอยิ้มระรื่นกล้ายืนหยัด
แล้วขจัดความกังวลจนผ่องใส
เรื่องที่ผ่านมาแล้ว...จงแล้วไป
เริ่มต้นใหม่อีกคราอย่าล้าแรง ๚ะ๛
เ รื่ อ ง ที่ ผ่ า น ม า แ ล้ ว . . . แ ล้ ว กั น ไ ป
ซั บ น้ำ ต า ที่ ริ น ไ ห ล . . . ชุ บ ใ จ เ ดิ ม