30 มกราคม 2550 22:30 น.
อัลมิตรา
..๏ แอบมองเห็นผู้ชายร้ายเดียงสา
เผยอุรารักเพื่อนเหมือนตกหลุม
หลุดปากแล้วก็หวั่นไหวใจร้อนรุม
เขากลัดกลุ้มกลัวหนอถูกล้อเลียน
"..พี่อัลฯ ครับ พี่อัลฯ .. ผมนั้นเผลอ
หลุมเบ้อเร่อตกไปคราได้เขียน
หากเขาไม่นำพาพลอยอาเจียน
ผมคงเพี้ยนแทบบ้าเพราะน่าอาย.."
เรานึกขันและเอ็นดูในรู้สึก
แลส่วนลึกงดงามนัยความหมาย
ถึงแม้ว่าเขาทั้งคู่คือผู้ชาย
รักฤๅร้ายเท่าชังหากหยั่งตรอง
"..รักนั้นคืออะไรให้ยั้งคิด
หากดวงจิตเขานั้นผูกพันสนอง
คงสุขนักหากใครใคร่ปรองดอง
เธอยังข้องหัวใจเพราะใดฤๅ ?..." ๚ะ๛
29 มกราคม 2550 13:57 น.
อัลมิตรา
จะมีสักคนไหม...?
ผู้ที่เดินทางมาแสนไกลหมายค้นหา
ที่คาดหวังว่าจักขอพักพิงพึ่งพา
คราวที่หัวใจอ่อนล้า จักมีถ้อยคำดีดี
จักมีบ้างสักคนไหม...?
ที่หากยามอ่อนใจในหว่างทางวิถี
จักคอยประคองข้างครั้งสับสนใจในชีวี
แล้วที่นี่ยังมีสักคนหนึ่งไหมที่ปรารถนาดีอีกคน ?
จักเล่าเรื่องราวทุกคราวที่เคยพบ...?
จักจะขอซบเคียงข้างคราอุปสรรคมากหลากหน
อยากฟังถ้อยคำ ..
เพื่อลบล้างความเปลี่ยวเหงาเศร้ากังวล
ขอบอกว่า ..
ยังมีคนเดินทางผู้นี้ที่รอรับไมตรีจากบางใคร
จักมีบ้างได้ไหม...?
นี่คือเสียงจากหัวใจที่ใคร่ถามไถ่
เพียงอยากมีความสุขทุกคืนวันไป
อยากได้ยิน ..
นิยามความรักจากใคร สัก..ห ล า ย ๆ ค น
28 มกราคม 2550 22:23 น.
อัลมิตรา
..๏ นักเดินทางเดินทางบนทางเถื่อน
อาศัยเดือนส่องกระจ่างหว่างวิถี
เที่ยวสัญจรข้ามพนาฝ่าคีรี
ด้วยมากมีความหวังสิ่งตั้งใจ
ยามเหนื่อยหนักพักก่อนเพื่อผ่อนล้า
จวบแรงมาก็บุกบั่นด้นกันใหม่
หลายทิวา-ราตรี ที่เป็นไป
จันทร์อำไพก็เปลี่ยนแปลงไร้แสงนวล
คราคืนแรมดุจพลังความหวังล่ม
เขาตรอมตรมโหยไห้ใจกำสรวล
แต่ละคืบของเพลาพาคร่ำครวญ
สุขทั้งมวลพลันสลายในพริบตา
โอ้ ! ตะเกียง..เก่าเก่าที่เขาพก
แสนตลกแลไปเหมือนไร้ค่า
ทั้งน้ำมัน,ไส้ตะเกียง เยี่ยงก่อนมา
เคยแจ่มจ้าส่องสว่างระหว่างจร
จันทร์นั้นสูงเกินใจจะไขว่คว้า
ยังคิดกล้าตามติดเชยชิดสมร
ตะเกียงเก่าร้าวใจให้อาวรณ์
มิอาจย้อนสำคัญเทียบจันทร์เพ็ญ
นักเดินทางอยู่หว่างหนทางเถื่อน
เมื่อปราศเดือนส่องละไมพอให้เห็น
กลับฟูมฟายโทษชะตาว่าลำเค็ญ
ตะเกียงเร้นลอบช้ำทุกค่ำคืน ๚ะ๛
26 มกราคม 2550 00:13 น.
อัลมิตรา
..๏ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงจึงแสร้งไข้
ด้วยหวังคนของใจคิดไถ่ถาม
แม้นหนาว-ร้อน,ทุกข์-สุข ทุกโมงยาม
คอยติดตามทุกช่วงมากห่วงใย
แต่กลับกลายเหินห่างร้างคนห่วง
ฝันทั้งปวงจึงเลือนมิเหมือนใกล้
สักเพียงน้อยถ้อยคำเศษน้ำใจ
เรายากไร้แสนเข็ญสุดเค้นเจอ
ฤๅอากาศเแปรไปบางใครเปลี่ยน
ทำเราเพี้ยนวกวนพลอยบ่นเก้อ
ฤๅบางอย่างหลอนให้ใจละเมอ
เราพร่ำเพ้อร่ายคำร่ำเดียวดาย
เขาคงไกลเกินกว่ามาสดับ
ขอยอมรับความอาดูรรักสูญสลาย
ฤดูผันสัญญาก็มากลาย
เราจึงคล้ายป่วยแท้ย่ำแย่เกิน ๚ะ๛
17 มกราคม 2550 07:35 น.
อัลมิตรา
..๏ คราคืนหนาวดาวกระจ่างหว่างห้วงหาว
เดือนก็พราวพริ้มประพายเฉิดฉายแสง
แต่งฟ้างามล้ำพิไลไม่เปลี่ยนแปลง
ดั่งขันแข่งเปล่งประกายในราตรี
แม้นลมล่องต้องกายให้หนาวเนื้อ
แต่อุ่นเอื้อด้วยไฟใกล้น้อง-พี่
มอบความรักประจักษ์จิตมิตรไมตรี
แม้นหนาวมีมากน้อย...พลอยอุ่นใจ
ให้รื่นรมย์ผสมผสานกานท์ร้อยแก้ว
ทั้งเจื้อยแจ้วสกุณาพฤกษาไหว
ช่างเพราะพริ้งรื่นฤดีดนตรีใด ?
แสนตรึงใจใต้ฟ้าจันทรา-ดาว
ถ้อยถามไถ่สารพันในวันก่อน
ความทุกข์ร้อนอ่อนล้าคราเหน็บหนาว
สุขสมหวังของใครในเรื่องราว
กี่ครั้งคราวต่างปลอบรอบกองไฟ
ใครเคยหนาวร้าวระทมดั่งลมหนาว ?
ใครปวดร้าวทุกข์จริงแสนยิ่งใหญ่ ?
ใครมืดมนหนทางคลางแคลงใด ?
ใครหวั่นไหวหวาดผวานำมาเปรย ?
พลันปลดสิ้นทุกข์ระทมกลางลมหนาว
ไร้ปวดร้าวเศร้าอุราคราเปิดเผย
ในท่ามกลางผองชนคนคุ้นเคย
ต่างเอื้อนเอ่ยถ้อยคำนำชื่นบาน
ใต้ฟ้างามยามหนาวราวอุ่นยิ่ง
ฟังทุกสิ่งเรื่องราวคราวผันผ่าน
แล้วกำหนดจดจำเป็นตำนาน
ล่วงเลยกาลเพียงใดไม่ลืมเลือน ๚ะ๛