19 กรกฎาคม 2547 08:32 น.

..๏ โยงใย

อัลมิตรา

 
..๏ เห็นตาข่ายไขว้ขวางกลางเวหา 
หนึ่งกายาเฝ้ามองจ้องเส้นใส
โยงกิ่งก้านต้นหนึ่งซึ่งห่างไกล 
เชื่อมสายใยผูกมัดอย่างรัดกุม

ทอเส้นเหนียวผสมผสานคืองานหลัก 
ขึงกับดักแฝงกายหมายแอบซุ่ม
บ้างคืบคลานโยงใยให้ครอบคลุม 
หมายจับกุมผู้ใดใครติดตรวน 

หลากลีลาท่าทางช่างแคล่วคล่อง 
เดินขึ้นล่องบนล่างดั่งสืบสวน
ดุจครุ่นคิดเลศนัยในกระบวน
ฤๅทบทวนแผนการอันแยบคาย

แม้นเร่งรีบลนลานคืบคลานอยู่ 
ยังหวังผู้เพ่นพ่านอันหลากหลาย
บินเพลิดเพลินพลั้งพลาดอาจต้องตาย 
เพราะตาข่ายไขว้ขวางทางสัญจร

ช่างโดดเดี่ยวเดียวดายสานใยเหนียว 
มุ่งยึดเหนี่ยวแน่นหนากว่าเก่าก่อน
สร้างผลงานผูกพันไม่สั่นคลอน 
ดูซับซ้อนซ่อนเส้นเห็นเบาบาง

คงเหนื่อยล้าขาอ่อนก่อนเห็นผล 
เดินวกวนวุ่นวายนัยน์ตาขวาง
ไปพักผ่อนซ่อนกายคล้ายอำพราง 
หยุดเดินบ้างสักครู่ดูเข้าที 

ปฏิมากรรมธรรมชาติอาจสร้างผล 
ได้เลี้ยงตนเติบใหญ่ให้สุขี
แม้นพลาดหวังครั้งท้ออย่ารอรี 
คิดวิธีที่แยบยลสร้างผลงาน

ช้าเป็นการนานเป็นคุณหนุนนำสุข 
เร็วอาจทุกข์ตรอมใจในทุกสถาน
ช้าเสียการนานเสียกิจเพราะคิดนาน 
เร็วในกาลจักสัมฤทธิ์ดังจิตดล ๚ะ๛

				
17 กรกฎาคม 2547 14:17 น.

..๏ คีตา บนราวฟ้า

อัลมิตรา


..๏ อยากพักร้อนนอนหนาวบนราวฟ้า
ขี่เมฆาเกี่ยวรุ้งบนคุ้งสรวง
เอื้อมเด็ดดอกดาริการะย้ายวง
วางในห้วงแห่งใจที่ไหวเอน

ซบจันทราต่างหมอนหนุนนอนฝัน
แก้มแนบจันทร์นวลเจ้าหยอกเย้าเล่น
ปล่อยโลกลอยละล่องไปไร้กฎเกณฑ์
ปลดหลักการหลีกเร้นเรื่องหลอกลวง

มหรรณพจบสายสมุทรสิ้น
จะเริงรินรื่นระลอกให้ใหญ่หลวง
แล้วหยอกเอินแก่งเกาะออเซาะทรวง
สดับท่วงทีท่าชลาลัย

เพียงดื่มด่ำอมฤตสฤษฏ์รุ่ง
ประดับปรุงปรัศนาอัชฌาสัย
พักโลกร้อนนอนหนาวผะผ่าวไป
มิวาดหวังสิ่งใดในชีวี๚ะ๛   


				
15 กรกฎาคม 2547 10:02 น.

. . ก ล่ อ ม ข วั ญ . .

อัลมิตรา


  
...อ ย า ก เ อ่ ย คำ ว่ า . . . ฝั น ดี 
...ทุ ก ย า ม ร า ต รี ที่ ห ลั บ ใ ห ล 
...อ ย า ก เ อื้ อ น คำ ห ว า น  ซ า บ ซ่ า น ใ จ 
...ฝ า ก ล ม แ ผ่ ว ไ ป ใ น ย า ม ร า ต รี 
...พั ก ก า ย พั ก ใ จ ใ ต้ เ ดื อ น ด า ว ง า ม 
...ว า ง ง า น ห ม ด ค ว า ม ต  า ม ห น้ า ที่ 
...ลื ม ค ว า ม เ ห นื่ อ ย ล้ า ท้ อ แ ท้ แ ม้ เ ค ย มี 
...ค ง แ ต่ สิ่ ง ดี มี อ ยู่ คู่ หั ว ใ จ 
...ห ลั บ เ ถิ ด ห ลั บ ฝั น   ณ  บ ร ร จ ถ ร ณ์
...จ ง ห ลั บ พั ก ผ่ อ น ย้ อ น ฝั น ใ ฝ่ 
...จ ง ฝั น เ ห็ น สิ่ ง ที่ ดี เ รื่ อ ย ไ ป 
...พ า จิ ต แ จ่ ม ใ ส ไ ร้ ทุ ก ข์ รุ ก เ ร้ า ท ร ว ง 
...ห ลั บ เ ถิ ด น อ น ห ลั บ กั บ ค ว า ม ห วั ง 
...คิ ด ถึ ง ม า ก จั ง . . . ด้ ว ย ยั ง เ ป็ น ห่ ว ง 
...ม า ก ไ ม ต รี มี ใ ห้ กั บ ใ จ ทั้ ง ด ว ง 
...ไ ร้ ซึ่ ง คำ ล ว ง . . . เ ป็ น บ่ ว ง รั ด รึ ง 
...พ า ใ จ ล อ ย ล่ อ ง ท่ อ ง ไ ป ใ น ฝั น 
...ร ว ม ค ว า ม มุ่ ง มั่ น เ ข้ า กั น เ ป็ น ห นึ่ ง 
...ก า ง ปี ก แ ห่ ง รั ก ป ร ะ จั ก ษ์ ต ร า ต รึ ง 
...แ ว่ ว คำ ห ว า น ซึ้ ง ต ร า ต รึ ง นิ รั น ด ร์ 

...ห ลั บ เ ถิ ด ห ลั บ ฝั น สุ ข สั น ต์ ต ล อ ด ไ ป ...

...ด้ ว ย ปี ก แ ห่ ง รั ก จั ก คุ้ ม ค ร อ ง ...

 				
14 กรกฎาคม 2547 12:11 น.

..๏ ชมดาวผ่องมองเดือนพราว...

อัลมิตรา


..๏ คืนนี้เดือนดาว........ผุดผ่องพรรณพราว.............สุกสกาวงดงาม
แต่งแต้มราตรี...........จรัสศรีล่วงยาม.....................ยังรุ่งเรืองอร่าม
เกินห้ามหัวใจ

..๏ ขอร่ำคำวอน..............กาพย์ร่ายหมายพร..............ดังก่อนกาลใด
ขอแก้วขอแหวน...........หากแม้นเป็นไป...................ดังจิตฝันใฝ่
คงได้เปรมปรีด์

..๏ ขอม้าคชสาร.................พาเที่ยวอุทยาน..............แสนสราญรื่นฤดี
ชมนกแมกไม้..................พฤกษ์ไพรมากมี...............เยือนแคว้นปฐพี
ดังที่หมายชม

..๏ ขอแหย่งตั่งเตียง...........หมายนั่งข้างเคียง.........หวังเพียงรื่นรมย์
อบอุ่นใจเกิน.................เพลิดเพลินสุขสม.............ร่ายคำนำชม
อภิรมย์ชมจันทร์

..๏ คืนนี้จันทรา.............แจ่มจรัสเจิดจ้า.............ดาราวาววรรณ
เพรียกพร่ำคำวอน........ขอละครเฉิดฉันท์........พร้อมโขนสารพัน
ครบครันตระการตา

..๏ ขอวงปี่พาทย์.............ปรีชาสามารถ...เก่งฉกาจลีลา
บรรเลงเพลงกล่อม.........พรักพร้อมกิริยา......สดับพลันหรรษา
จนกว่ารุ่งเยือน

..๏ ขอผู้เห่กล่อม............ร้องร่ายนอบน้อม............ขับกล่อมชมเดือน
สำเนียงเสียงเสนาะ.....ไพเราะเพราะเหมือน-......เห่กล่อมเป็นเพื่อน
บ่เลือนร้างลา
 
..๏ โอ้แสนอภิรมย์...........ชมชื่นรื่นสม............ยามลมแผ่วมา
ผูกพันมั่นรัก................ล้วนประจักษ์อุรา.....ทั้งคืนทุกครา
ตราบฟ้าแจ้งพลัน ๚ะ๛  				
13 กรกฎาคม 2547 14:49 น.

..๏ อ่อนหัด

อัลมิตรา


..๏ จะเขียนกลอนเหตุใดใจติดขัด
เหมือนอ่อนหัดตัวเราเขลาจริงเหวย
คิดร่ายโคลงโยงกลอนอ้อนอย่างเคย
ก็ดันเชยล้าสมัยไม่นิยม

ครั้นหยิบยกความเห็นประเด็นวุ่น
โจทก์อาจขุ่นเคืองใจไม่เหมาะสม
ถ้างั้นเราจะเขียนกลอนตอนระทม
รักคุดขม แหม ! คงดีนี่กระไร

เก่งแต่ปาก..หากลองเขียนเพี้ยนทุกครั้ง
จึงมานั่งครุ่นคิดจิตสงสัย
เออ ! นี่เราหมดมุขตกยุคไป
เค้นเท่าใดก็มิเป็นเช่นคำกลอน

หัวขี้เท่ออย่างเราเศร้าใจหนอ
ชักเริ่มท้อมิกล้าฝันปั้นอักษร
จะมีไหมใครก็ได้ใคร่วิงวอน
ช่วยสั่งสอนให้ฉลาดดุจปราชญ์เอย ๚ะ๛  
				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา