25 มิถุนายน 2547 22:15 น.
อัลมิตรา
..๏ สองมือนอบน้อมวันทา.............จอมปราชญ์เมธา
เกริกเกียรติแกล้วกล้ากลอนกวี
เลิศล้ำสุนทรวาที...........................ช่ำชองกรณีย์
กลอนกาพย์โคลงฉันท์พรรณนา
บรรยายอุปมัยอุปมา......................เด่นชัดนักหนา
เกินกว่าผู้ใดในนคร
อีกร่ายฉันทลักษณ์อักษร...............ทฤษฎีด้านกลอน
ดุจสั่งดังสอนให้จำ ฯ
..๏ หลากเรื่องสนับสนุนคุณธรรม...เปรื่องปราดฉลาดนำ
ย้อนย้ำให้เห็นเป็นจริง
เดินเรื่องด้นรจนาอิง-......................อ้างรับสรรพสิ่ง
บ่ทิ้งรสความดำเนิน
รสคำไพเราะเสนาะเกิน..................ล้ำเลิศเพลิดเพลิน
คราวเกริ่นครั้งกล่าวย้ำยวน
บรรยายจำเริญเชิญชวน.................พร้อมพรั่งทั้งมวล
หลากล้วนชี้ชัดอัศจรรย์ ฯ
..๏ วิถีชีวาสามัญ............................ล้วนครบขบขัน
รังสรรค์นิทัศน์กาจกวิน
เป็นปราชญ์รัตนโกสินทร์...............สรรสร้างสมจินต์
บ่สิ้นชื่อเสียงสรรพนาม
คงอยู่คู่ฟ้าแดนสยาม......................จอมกวีนิยาม
น้อมนำเชิดชูครูกวี
แด่ท่านจอมปราชญ์เมธี..................โรจน์รุ่งกรุงศรี ฯ
ควรที่เคารพบูชา ฯ
..๏ ท่านสุนทร ภู่ สมัญญา..........คือชื่อฤๅชา
บ่ หาผู้ใดหมายเทียม
กาพย์กลอนฉันท์โคลงควรเคียม*.....น้อมนบสงบเสงี่ยม
ดวงจิตตั้งมั่นกตัญญู
ด้วยจิตแห่งข้า ฯ เชิดชู......................แด่ท่านบรมครู
ท่านสุนทร ภู่ จอมกวี
บังเกิดปัญญาบารมี...........................รจนาบทกวี
จงมีดั่งท่านกระนั้นเทอญ ๚ะ๛
24 มิถุนายน 2547 08:17 น.
อัลมิตรา
..๏ สายฝนหลั่งพรั่งพรูมาครู่ใหญ่
พืชพรรณไม้ผลิดอกงอกงามสวย
ต่างแตกก้านกิ่งกลุ่มกระชุ่มกระชวย
ฝนอำนวยเอื้อให้ได้ชื่นบาน
บ้างผลิดอกออกผลปนสีสัน
หลากพฤกษ์พันธ์ลุกล้มผสมผสาน
สอดกิ่งก้านเกาะกลุ่มดั่งพุ่มพาน
บ้างเลื้อยคลานแตกยอดสอดแซมใบ
ที่ต้นเด่นเป็นสง่าท้าแรงฝน
อาจลู่จนโอนเอนเช่นอ่อนไหว
กิ่งกวัดแกว่งก้านคลอนอ่อนตามไป
เช่นพอใจสุขสมลมพัดพา
เหล่านกน้อยภู่ผึ้งซึ่งหลบอยู่
ฝนพร่างพรูเปียกปอนนอนผวา
คงหนาวสั่นหวั่นไหวไม่นำพา
ยามฝนซามั่นหมายได้คืนรัง
ฟ้าเริ่มงามยามฝนเบื้องบนหาย
เปล่งประกายแสงสีสุรีย์ปลั่ง
เป็นรุ้งงามแต่งฟ้าโสภาดัง-
จิตรกรหวังวาดไว้ให้คนชม
ฟ้าหลังฝนงามตาทุกคราครั้ง
เปรียบความหวังยามพลาดอาจขื่นขม
หากเมื่อใดใจผ่องมิหมองตรม
แม้นเคยล้มคงลุกปลุกใจตน
ให้กล้าแกร่งมุ่งมั่นมิหวั่นไหว
ผิดพลาดใดเคยพบประสบผล
เป็นบทเรียนมีค่าอย่ากังวล
จงอดทนมุ่งมั่นคลายหวั่นเกรง
แพ้หรือพลาดคราวก่อนดั่งสอนสั่ง
ให้ระวังคราวหน้าคงกล้าเก่ง
กำจัดสิ้นความกลัวในตัวเอง
สิ่งข่มเหงหลอกหลอนบั่นทอนใจ
แล้วคงพบความงามตามจิตหวัง
ดั่งฝนหลั่งสาดกระเซ็นเป็นเกร็ดใส
ขู่กรรโชกดินฟ้าทุกคราไป
ข่มพืชไพรไม้ดอกหยอกรุนแรง
แม้นรุมเร้าดุดันสะท้านทั่ว
น่าหวาดกลัวทุกครั้งดั่งกลั่นแกล้ง
ครั้นเมื่อสิ้นฝนหายคล้ายเปลี่ยนแปลง
จักเห็นแสงสีงามยามฝนซา ๚ะ๛
23 มิถุนายน 2547 16:29 น.
อัลมิตรา
..๏ ปานวิมานเมืองแก้วแพรวพิลาส
ตามจินต์วาดอุ่นละไมซึ้งในฝัน
ดั่งเทวาเจตน์เอื้อเผื่อแผ่กัน
เสกสวรรค์ประโลมเราคลายเศร้าใจ
สะพานรุ้งพาดโยงข้ามโค้งฟ้า
มวลพฤกษาแย้มบานสราญไสว
แลหมู่นกผกผินบินท่องไพร
สุขฤทัยคิดคราวเราคู่กัน
หอมไอดินกลิ่นชื่นระรื่นนัก
ยังประจักษ์ยวนใจให้เพ้อฝัน
ยินหรีดหริ่งขับร้องก้องไพรวัลย์
หฤหรรษ์ดุจดนตรีที่ลงตัว
ยามตะวันชิงพลบหลบเหลี่ยมผา
อีกฝั่งฟ้าจันทร์ประดับขับสลัว
ดาษดื่นดาวกระพริบพราวเย้าพันพัว
กระจ่างทั่วท้องนภาคราแหงนชม
จึงแปลงเป็น...นักฝันรำพันถ้อย
เรียงรสร้อยอักษรตอนขื่มขม
ขอวาดหวังวิมานไว้ให้ภิรมย์
เพื่อกลบเกลื่อนเลือนระทมที่ถมใจ ๚ะ๛
23 มิถุนายน 2547 15:05 น.
อัลมิตรา
..๏ ต้นกร่างที่เติบใหญ่..............แทรกรากไชขยายผล
กิ่งก้านแผ่ดาลดล....................รอบทิศหนหญ้ายากยัง
..๏ นับวันยิ่งกล้าแกร่ง...............กำหาญแหงอวดพลัง
สูบน้ำปกแดดบัง......................ไม้ล่างม้วยด้วยมันครอง
..๏ ต้นกร่างทำเป็น กร่าง .....โบราณอ้างเทียบทำนอง
เบียนเพื่อตนยรรยอง................เพียงลำพังพันธุ์เพิ่มพูน
..๏ จิตกร่างเข้าคลุมครอบ..........มุ่งโกยกอบทวีคูณ
สร้างตนหวังจำรูญ....................ผู้อื่นสูญสิช่างมัน ๚ะ๛
19 มิถุนายน 2547 22:58 น.
อัลมิตรา
บนเส้นทางสายเปลี่ยวที่เดียวดาย
มีแต่กายทุกข์ทนเป็นคนเหงา
ภาพแห่งสุขมิพบประสพเงา
ทางสายเศร้าเป็นเพื่อนมิเคลื่อนคลาย
อยู่อย่างไร้หัวใจเพื่อใครอีก
รอยยิ้มปลีกฉีกลี้ไร้ที่หมาย
มิเอื้อมฝันพร่ำเพ้อจนเธอกราย
ฝากเส้นสายลายรักลงปักใจ
เหมือนพื้นดินร้อนแห้งเพราะแล้งน้ำ
ความชุ่มฉ่ำแช่มชื่นคืนไสว
เช่นพฤกษาผลิดอกบอกใครใคร
วันสดใสลับทวนกลับหวนมา
กาลที่ผ่านทำให้ใจรักกัน
เกิดสัมพันธ์ชื่นทรวงให้ห่วงหา
แต่ความรักสดใสที่ไกลตา
ถึงเวลาก็สลายกับสายลม
แค่ขอมีเธออยู่เคียงคู่นัย
เก็บเอาไว้ซ่อนใส่ในใจขม
เงาข้างข้างร้างไกลไม่ภิรมย์
ไม่ได้ชมได้ชื่นมิฝืนใจ
ตั้งแต่ห่างกันไปใจโศกศัลย์
ไม่เคยฝันดีดีที่สดใส
นัยตาหลับร้าวล่วงเจ็บทรวงใน
ยามหลับไหลตื่นผวาน้ำตาพรม
แค่ขอมีเธอเก็บไว้ในใจเหงา
เพียงแบ่งเบาวันคืนที่ขื่นขม
ใจคนคอยได้ชื่นรื่นอารมณ์
ก็สุขสมตามประสา..คนบ้าคอย
อยากขอให้เธอหวนมาสักนาที
เพียงแค่นี้สุขใจมิใช่น้อย
แต่ทุกวันโรยลาน้ำตาปรอย
เพราะเธอปล่อยรักสิ้นไม่ยินดี
ขอสักนิดเสี้ยงใจแบ่งให้บ้าง
มันอ้างว้างโศกสลดหมดราศรี
คำคร่ำครวญเรียงร้อยถ้อยวจี
แค่ขอมีรักของเธอ..เผลอให้มา