24 พฤษภาคม 2547 00:00 น.
อัลมิตรา
..๏ ลมมิเคยยอกใครให้บอบช้ำ
หรือลอบย้ำจนผิวเป็นริ้วสาย
มีแต่ความอบอุ่นละมุนกาย
เมื่อพระพายพัดแผ่วเนวเนื้อนวล
อย่าหลบเลี่ยงเพียงลมพรมพริ้วผ่าน
ใช่รอนรานให้เจ้าเศร้ากำสรวล
ด้วยใจภักดิ์รักมอบมิกอบทวน
ทุกสิ่งล้วนจากจิตจงพิศนัย
ฤๅเรื่องราวคราวก่อนตอนโศกศัลย์
คงหวาดหวั่นกลัวจิตคิดสงสัย
ว่าลมโลมโลมรักจักแปรไป
สุดหมองไหม้เจ้าเห็นเป็นลมลวง
จะยังคงพัดเฉื่อยเอื่อยเอื่อยไล้
แม้นเจ้าไม่ศรัทธาว่าลมห่วง
ความหวังดีทั้งหลายในแดดวง
ก็มิทวงกลับคืนแม้ขื่นตรม
ขอเพียงแค่ชิดชื่นดุจคืนก่อน
แม้คำย้อนเจ้าเหน็บให้เจ็บถม
เปลี่ยนนิยามความรักภักดิ์ภิรมย์
เป็นคำขรมว่าลวงดั่งล่วงมา
โอ้ตัวเราเยี่ยงลมระทมแท้
คิดเผื่อแผ่ปลอบไม้ให้หรรษา
เพียงพัดแผ่วหยอกเย้าเคล้าอุรา
กลับเทียบค่าเราเป็นเช่นลมลวง ๚ะ๛
22 พฤษภาคม 2547 14:51 น.
อัลมิตรา
..๏ แนวกวีหลายหลากมากรูปแบบ
วางกฏแนบหลักเกณฑ์เน้นเงื่อนไข
หากถือกรอบวางรอบครอบงำใจ
คงเทียบใช่กะลา อัตตาตน
ฤๅตัวเราลมแล้งแผลงพัดผ่าน
ร่ายฟุ้งซ่านเป็นกลอนตอนสับสน
ไร้สาระคุณค่าศรัทธาชน
เพียงพร่ำบ่นลอบย้ำ คำกวี
เพราะเราคือเจ้าของครองลิขสิทธิ์
จะยึดติดทำไมในวิถี
เทียบรากหญ้าต่ำต้อยด้อยความดี
จะสุนทรีย์แค่ไหนไม่อยากวัด
อยากแหกกฏบทกวีที่คับแคบ
ขอเพี้ยนแบบสักคราอย่าเพิ่งขัด
อย่าตัดสินหมิ่นความหยามชี้ชัด
ว่าอ่อนหัดทำตาม อำเภอใจ
หลากความคิดแนวกวีที่เปิดกว้าง
อาจมีบ้างถูกผิดติดขัดได้
ถึงเข้ารกเข้าพงหลงทางไป
อย่าหวั่นไหวก้าวต่อมิท้อพลาง
ขอเพียงใจส่องไฟในความมืด
อย่าขี้ตืดอารมณ์พร่างพรมกว้าง
จงสานฝันเถิดหนาอย่าเลือนลาง
เพราะหนทางแห่งศิลป์ไม่หมิ่นกัน ๚ะ๛
๏ วาทะจอมยุทธ์ ๏
คมดาบยิ่งฝนยิ่งคม
มนุษย์ไยมิใช่เป็นเช่นกัน
มนุษย์มากหลายในโลกนี้
ไยมิใช่เติบโหญ่ในท่ามกลาง
...ความปวดร้าวขมขื่น...
..จาก : ฤทธิ์มีดสั้น
21 พฤษภาคม 2547 21:46 น.
อัลมิตรา
...๏ พฤกษาเศร้าหรือไรใครหาญหัก
ลมโลมจักลูบไล้ใฝ่ถนอม
ประคองกิ่งแกว่งไกวมิให้ตรอม
จะกอดกล่อมดูแลรอยแผลกลาย
สะบัดแผ่วพริ้วโบกที่โศกช้ำ
ปลอบโยนย้ำความเศร้าให้เจ้าหาย
คอยเคียงคู่อาทรมิคลอนคลาย
เปรียบสหายเคียงข้างมิห่างพง
ก้านใบแกว่งกิ่งกวัดขนัดแน่น
แผ่เป็นแผ่นพริ้วไหวชวนใหลหลง
เสียงเอียดออกอไผ่หมายบรรจง
เอนต้นลงเอียงอ่อนมิร้อนรน
สายลมแผ่วพริ้วโชยที่โรยเลื่อน
ใบไม้เกลื่อนกลาดไปในไพรสณฑ์
ยามกระแสพัดปลิวลิ่วลมบน
ก็สุขล้นยามโลมโฉมไม้งาม
จันทร์กระจ่างพร่างพรมยามลมต้อง
นกคูร้องพร่ำเพรียกคล้ายเรียกถาม
สิเนหาเลือนไปจะใคร่ตาม
เก็บรอยหวามอ่อนไหวในใจตรม
น้ำค้างย้อยเยือกเย็นเป็นพยาน
ใช่ลมรานหยิบยื่นความขื่นขม
เพียงแผ่วพริ้วพัดหวานผ่านอารมณ์
เชยชิดชมแช่มชื่นทุกคืนวัน
พฤกษาเอ๋ยเจ้าเอ่ยว่าเคยเหงา
จำพรากเงาคู่เคียงร้อยเรียงฝัน
ถ้อยความจารจิตจำคำรำพัน
เขามาหันห่างหายมิกรายคืน
ลมโลมลอบลูบไล้ส่งใจช่วย
อย่าระทวยทุกข์ตรมจงข่มฝืน
แม้หัวใจลาลับมิกลับคืน
เจ้าจงชื่นเถิดหนอยามล้อลม ๚ะ๛
21 พฤษภาคม 2547 16:27 น.
อัลมิตรา
ก็ตัวตนของฉันเป็นอย่างนี้
ใช่ผู้ดีเท้าแดงแสดงบท
ไร้ราศีผุดผ่องมองงามงด
ให้ปรากฏมายามาลวงกัน
อย่าพยายามแปลงฉันให้แปรเปลี่ยน
หรือคิดเพี้ยนสร้างเสริมเติมสีสัน
ใครเขาว่าอย่างไรไม่สำคัญ
คงเป็นฉันคนเก่าโปรดเข้าใจ
แม้นผ้าหุ้มคลุมเห็นเช่นซอมซ่อ
เป็นคราบมอกระดำกระด่างอย่างที่ใส่
กางเกงยีนส์ตูดขาดอนาถใจ
เสื้อซีดไซร้ลายก็หม่นคนเหยียดหยาม
เออ ! .. เขาดูแค่รูปกายภายนอกเห็น
จิตที่เร้นสะอาดไหมใคร่วอนถาม
คนมากมายบ่นบ้าหานิยาม
ชำเลืองตามมายาว่ากันไป
เสื้อแสงที่สะสวยคนรวยสวม
แสนจะอ่วมหมดปัญญาหาซื้อใส่
แต่ละชิ้นแต่ละชุดต้องฉุดใจ
ยับยั้งไว้เพราะโคตรแพงแสดงเกิน
มันก็แค่ผ้าห่อพอคลุมร่าง
มาอำพรางคนจ้องพ้องสรรเสริญ
ว่าสง่างามสมชมเพลิดเพลิน
แหม !.. เจริญแต่ภายนอกหลอกคนมอง
เพราะว่าฉันยังเป็นฉันในวันนี้
ห่วยสิ้นดีเขาหยามย้ำให้หมอง
ผ้าขี้ริ้วห่อร่างร้างคนปอง
เหมือนติงต๊องหัวหูดูแปลกตา
ฮ่วย !.. ก็แล้วจะวุ่นวายทำไมหนอ
หรือฉันขอทานกินหมิ่นความหา
แม้นแต่งกายไม่เลิศเพริศโสภา
ยังดีกว่างามที่ขนแต่หม่นใจ
20 พฤษภาคม 2547 10:47 น.
อัลมิตรา
..๏ ผู้ใดหนอจักเป็นเช่นนภา
โอบจันทราแนบเคียงเยี่ยงสนม
มิแปรผันวันคืนระรื่นชม
ร้อยอารมณ์นิพนธ์กานท์สราญใจ
ฤๅจะเป็นเพียงฝันวันที่ท้อ
เขาลวงล่อหลอกเราเย้าไฉน
อ่อยคำหวานหยอกเอินจนเพลินใจ
หากหลงใหลคงเศร้านะเจ้าจันทร์
เพราะโดดเดี่ยวเดียวดาย ณ ปลายฟ้า
ไร้คุณค่าต่ำต้อยด้อยสีสัน
ต้องอาศัยลำแสงแห่งตาวัน
กระทบจันทร์สะท้อนย้อนประกาย
แม้นผ่านคืนและวันมิผันเปลี่ยน
จวบกาลเวียนขึ้นแรมแย้มความหมาย
ว่าหรุบแสงวงเรียวเสี้ยวจันทร์กลาย
แลหลากหลายภาพเด่นเขาเค้นมอง
ต่างยกยอปอปั้นว่าจันทร์สวย
เลิศเลอด้วยรูปลักษณ์ประจักษ์ผอง
เพียงแค่เห็นยังละเมอเพ้อใจปอง
ศศิ* พ้องหรือไรจึงใฝ่ชม
จะขอเป็นบุหลันครั้นราตรี
สถิตที่นภาแดนแม้นขื่นขม
ผู้ใดจะมอบรักภักดิ์ภิรมย์
เป็นคู่ชมชื่นจิตนิจนิรันดร์...๚ะ๛