30 สิงหาคม 2546 00:03 น.
อัลมิตรา
( งูกระหวัดหาง )
สุรีย์ย้ายคลายแสงอันแรงกล้า
กลุ่มดาราเรียงรายในเวหน
ให้เมียงมองผ่องพรรณพระจันทร์ดล
เด่นพิมลมั่นฟ้าคราวราตรี
แต้มเวหาคราดาวสกาวเกื้อ-
กูลโลกเมื่อมีพลังแห่งรังสี
สวยสมพร้อมย่อมสง่าทั้งธาตรี
ตราบรุจีแจ้งฟ้าจึงลาไกล
( มธุรสวาที )
มองเดือนเพ็ญเห็นพราวห้วงหาวนัก
แจ้งประจักษ์เจิดจรัสสุทรรศน์ใกล้
หมายไขว่คว้ามาครองคงต้องใจ
พริ้มพิไลหลงชมรื่นรมย์พลัน
แสงเพ็ญเรื่อเอื้อฟ้าโสภายิ่ง
บรรเจิดจริงแจ่มจ้าพนาสัณฑ์
ลอยลิบตามาให้ฝันใฝ่ครัน
วิลาวัลย์หว่างน้ำดั่งคำชม
( โตเล่นหาง )
สายน้ำเย็นเห็นปลามาเป็นหมู่
ครองเคียงคู่เคล้าคลอออสุขสม
เริงแสงจันทร์มั่นหมายคล้ายรื่นรมย์
บ้างสู่สมแซงส่ายว่ายแซกมา
คลื่นกระเพื่อมเหลื่อมล้ำลำน้ำใส
กระเซ็นไหวหว่างคู่หมู่มัจฉา
ช่างเพลิดเพลินเกินปรามความปรีดา
จึ่งเริงร่าเรียงรายหมายชมจันทร์
( สะบัดสะบิ้ง )
สายลมล่องต้องกายสบายเสบย
มองปลาเกยกำหนัดถวัดถวัน
แล้วเดินเล่นเห็นเมฆเอนกอนันต์
ลอยปิดกั้นเกลื่อนหล้าประภาประไพ
ฝนคงโปรยโดยที่กระวีกระวาด
ขืนลีลาศโลเลเถลไถล
อาจเปียกปอนนอนทีพิรี้พิไร
ฝนตกใช่เช่นนิดกระปริดกระปรอย
( จตุรงคประดับ )
สายฝนโปรยโดยกระหน่ำกระนั้นแน่
สายฝนแปรแลประสานประสมบ่อย
สายฝนพรำย้ำเสนาะสนั่นดอย
สายฝนปรอยค่อยขยับเขยื้อนไกล
หอมกรุ่นดินกลิ่นจรุงเจริญจิต
หอมกรุ่นติดจิตเสนอสนองได้
หอมกรุ่นเคลิ้มเริ่มสลึมสลือไป
หอมกรุ่นใจไร้ระทดระทวยตรม ฯ
29 สิงหาคม 2546 14:35 น.
อัลมิตรา
.....โอ้หนอพินอเจ้า...............มนะเฝ้าพิเนาว์นวล
พรอดพร่ำพิร่ำถ้วน...............กวิควร ณ มวลภาษ์
แทนจิตสนิทใกล้..................มิผละไกลชม้ายมา
ยังคงประสงค์ว่า...................ลลนาพธูงาม ฯ
ดั่งแรกรุ่นกรุ่นละมัยในดวงหน้า
งามนัยน์ตาชวนละม้ายได้กลิ่นหอม
ผิวผ่องผาดชวนลูบจูบดมดอม
ชายภมรร่อนโถมประโลมใน
ขอเป็นเพียงริ้วลมลูบจูบแสวง
ไม่แสดงอารมณ์ค่อนข่มไหว
จินตนาถึงความงามข้างในใจ
ลมลูบไล้พาซ่านล้ำเข้ากำทรวง
จินต์กำซาบกับเนื้อหนังและมังสา
กอดวิญญาณ์กลิ่นฝันที่พลันหวง
ยื่นดอกรักลอยลมไปให้เด็ดดวง
ก่อนกลีบร่วงอยากดึงเด็ดเหน็บอุรา
ดรุณงามแรกแย้มสุดแจ่มจิต
เพียงได้พิศก็สมมาตรปรารถนา
ซ่อนไออุ่นละมุนไว้ที่ชายตา
วอนลมพาละเลงเร้าแม้เงากาย
หากปราศผู้คู่ครองต้องใจภักดิ์
ขอสลักจิตตรึงซึ้งนัยหมาย
จะเคียงข้างนางนั้นจนวันตาย
มิคลอนคลายความรักที่ปักทรวง
แล้วจักเอื้อมเงื้อมมือมาถือกอด
เอ่ยคำพรอดโอบอุ่นดรุณหวง
ว่าหลับเถิดเชิดโฉมภิรมย์ดวง
จงหมดห่วงนางใจให้หลับเทอญ ฯ
28 สิงหาคม 2546 23:11 น.
อัลมิตรา
ครั้งพักแรมริมเขื่อนเหมือนตรึงจิต
ให้ย้อนคิดคำนึงถึงป่าเขา
แมกไม้งามโดดเด่นเป็นลำเนา
ผละใบเก่าผลิใหม่ได้แปลกตา
อวดกิ่งก้านโอนอ่อนตอนลมพัด
ก่ายเกยกวัดแกว่งไกวส่ายเสาะหา
แผกพฤกษ์พันธุ์ผุดผ่องผองมาลา
ตระการตายืนชมอย่างสมใจ
ต้นพะยอมยืนเด่นเช่นอวดโฉม
ยามลมโหมพัดหวนชวนสงสัย
ดอกลอยลิ่วปลิวคว้างยังถิ่นใด
จึงหอมไกลกลิ่นกรุ่นละมุนมาน
คงต้อนรับผู้คนชนเยือนเยี่ยม
ด้วยดอกเอี่ยมให้เปรมเกษมศานต์
แม้นสูงนักอาจโน้มชมดอกบาน
อาจประมาณตนหมายได้ดอมดม
ฝูงนกมากหลากสีที่แมกไม้
ส่งเสียงให้เซ็งแซ่แลสุขสม
ปีกกระพือโยกย้ายคล้ายเริงลม
บ้างเชยชมคู่ครองร้องเรียกกัน
นกตะขาบปีกฟ้าถลาร่อน
นกเงือกย้อนเรียงรายคล้ายเหหัน
ปากยาวงุ้มเหลืองงามล้ำเลอพรรณ
อวดสีสันสำเนียงเยี่ยงทักทาย
มองแนวเขื่อน ลำตะคอง ต้องกล่าวว่า
กว้างนักหนาเกินอ้างดังคาดหมาย
เก็บกักน้ำเต็มเขื่อนเหมือนมากมาย
เพื่อผ่อนคลายความแล้งแห่งไร่นา
คราวน้ำหลากฝนหลั่งยังขังไว้
อุทกภัยน้อยลงคงคุณค่า
เพาะพันธุ์พืชกุ้งปูหมู่หอยปลา
ชาวบ้านมาเสาะไปรายได้มี
ยามอาทิตย์อัสดงตรงเหลี่ยมเขา
มองแสงเงาแนวป่ามาเปลี่ยนสี
ฉาบแสงทองงดงามล้ำพรรณี
รื่นฤดีเกินเปรียบเทียบบทกลอน
สายลมต้องผิวกายให้สดชื่น
ยามค่ำคืนมาเยือนเหมือนเก่าก่อน
หลากชีวิตโดยมากจักหลับนอน
ล้วนพักผ่อนคราวพรุ่งมุ่งเลี้ยงตน
26 สิงหาคม 2546 17:48 น.
อัลมิตรา
ก่อนตะวันชิงพลบหลบเหลี่ยมเขา
ทอดแสงเงาทาบทามคุ้งน้ำใส
เห็นหมู่เมฆลอยคว้างช่างสุขใจ
มองแมกไม้แตกก้านใบลานตา
ยามลมล่องพริ้วไหวคล้ายคำทัก
ชื่นใจนักเกินคำนำเปรียบว่า
หมู่นกน้อยโผผินบินร่อนมา
ส่งเสียงหาคู่ครองพ้องเพรียกกัน
ริมธารน้ำลำตะคองแสนต้องจิต
เหมือนสถิตยังแคว้นแดนสวรรค์
ชมพรรณพฤกษ์ยวนตาสารพัน
หลากสีสันเหล่าภมรเวียนว่อนชม
หอมไอดินกลิ่นหญ้าโชยมาชื่น
เย็นระรื่นลมพริ้วมาพาสุขสม
ณ ระเบียงเคียงธารกาลภิรมย์
ขอเชยชมเสาวภาพ...ตราบนิรันดร์
19 สิงหาคม 2546 09:08 น.
อัลมิตรา
๏ กากากาก่าก้า...................กากา ( กากา )
กาก่ากากากา.........................ก่าก้า
กากาก่ากากา.........................กาก่า ( กากา )
กาก่ากากาก้า.........................ก่าก้ากากา ( กากา ) ฯ
....๑...
๏ โทสี่เอกเจ็ดนั้น....................พึงจำ
สัมผัสรับส่งคำ.......................คู่คล้อง
อรรถรสบทความนำ...................เขียนสื่อ
วางเอกแม่นโทต้อง..................อย่าได้ลืมหลง ๚
....๒...
๏ บาทหนึ่งวางเอกใกล้-............โทเสมอ
ตำแหน่งคำอย่าเผลอ...............สี่ห้า
เอกโทอาจนำเสนอ...................สลับที่ กันแฮ
เสียงจบจักเหมาะถ้า.................ต่อด้วยสามัญ ๚
....๓...
๏ บาทสองวางเอกให้...............ตามผัง
คำที่สองเป็นดัง......................ว่าไว้
จบวรรคแรกเสียงยัง................พ้องบาท- หนึ่งเฮย
วรรคที่สองเอกให้...................อยู่หน้าเสียงโท ๚
....๔...
๏ บาทสามเอกนั้นอยู่..............คำสาม
เสียงวรรคแรกตรองตาม..........ถี่ถ้วน
คล้องจองบาทสองยาม............จบวรรค- แรกนา
อีกวรรคหนึ่งเอกล้วน..............อยู่เบื้องอวสาน ๚
....๕...
๏ บาทสี่มีเอกตั้ง....................ตรงคำ- สองเฮย
ท้ายวรรคหนึ่งพึงกำ-..............หนดได้
เสียงโทคู่ควรนำ....................ปรากฏ
อีกวรรคหนึ่งควรใช้...............เอกตั้งก่อนโท ๚
....๖...
๏ วรรคสองบาทสี่นั้น..............เคยสดับ มาแฮ
เอกก่อนโทเสียงรับ.................ส่งให้
สองคำอีกพึงจับ-....................จบบาท
สุดวรรคสองอย่าได้.................ผิดเพี้ยนแผกวรรณ- ยุกต์เอย ๚
....๗...
๏ สร้อยโคลงจงอย่าใช้.............เจตนัง
อาจอยู่บาทหนึ่งยัง.................ต่อท้าย
บาทสามสุดวรรคสัง-...............เกตใส่- สร้อยเฮย
บาทที่สี่โยกย้าย.....................ต่อท้ายอีกสอง บารนี ๚
....๘...
....โบราณสอนเรื่องสร้อย-.........โคลงมา
ตำแหน่งบาทพิจารณา.............ใส่บ้าง
หากใครไม่นำพา....................หาผิด- ใดเอย
ปราศจากสร้อยอวดอ้าง............ใช่สิ้นความสลวย ฯ
....๙...
....คำตายสามารถใช้................แทนเอก
แม่กก กด กบ เฉก..................เช่นนั้น
วางตามกฎเกณฑ์เสก-..............ฉันทลักษณ์ เหมาะแล
ผิดเอกผิดโทปรั้น*...................เปรียบไร้โคลงงาม ฯ
....๑๐...
๏ จังหวะ...บาทแรกนั้น...........สองนำ- สามแล
บาทที่สอง...อย่าถลำ...............พลาดพลั้ง
บาทสาม...ดั่งคงฉมำ*.............สองอีก สามเฮย
บาทที่สี่...ยับยั้ง.....................อ่านได้สามสอง ๚
....๑๑...
๏ ลัก...ลอบเลียนจากผู้...........คงเรียน
จำ...จดกำหนดเพียร..............สื่อบ้าง
คำ...สอนสั่งดุจเทียน..............ขจัดมืด- มนฮา
ปราชญ์...เมตตาเสกสร้าง........ศิษย์ให้หายเขลา ๚
....๑๒...
๏ บัง...เกิดความแช่มชื้น..........ยินดี
อาจ...สื่อความสุนทรีย์.............ผ่องแผ้ว
เขียน...คัดอัศจรรย์มี..............ปรากฏ
โคลง...สื่อความส่อแล้ว...........หากเพี้ยนโปรดอภัย ๚ะ๛