30 มิถุนายน 2546 21:53 น.
อัลมิตรา
ความฝันมีปีกที่จักโบยบิน
ไปได้ทุกอาณาจักรในผอง
จักรวาลอันอจินตัยนี้
ผู้มีความฝันจึงเป็นคนที่ไม่สิ้นหวัง
ตราบที่ยังฝันจินตนาการที่แตกต่าง
ยิ่งฝันมากมากจิตเริ่มเปรมปรีด์
...ภาพนั้นดูอบอุ่น
...เป็นการรู้แจ้งเห็นจริงว่า
...ความจริงก็คือความจริง
...จึงไม่ปฏิเสธความเป็นจริง ที่มันเป็นไป
...บ่งบอกถึงความอดกลั้น
...เข้มแข็งอดทนยอมรับความจริง
...มีรอยยิ้มเศร้าๆเจืออยู่บ้าง
...แต่นั้นไม่ใช่สาระ
...สาระอยู่ที่ว่า การรู้จักสงบเสงี่ยม
...เจียมตน รู้จักตัวเอง ว่าไม่ใช่นางฟ้า
...ไม่มีปีกให้ได้โบยบิน
...แต่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ต้องเดินบนดิน
...เมื่อปรารถนาสิ่งใดก็ใช่ว่าจะประสบหวังได้ทุกสิ่งเสมอไป
29 มิถุนายน 2546 11:17 น.
อัลมิตรา
ความเงียบงำทำใจให้คิดนึก
ความรู้สึกครั้งเก่าเฝ้าหลอกหลอน
ความทรงจำจากใจคล้ายบั่นทอน
ความอาวรณ์ห่วงหาให้ตราตรึง
เพียงเพราะเธอจากกันเมื่อวันผ่าน
เพียงวันวานห่างไกลให้คิดถึง
เพียงอยากลืมแต่กลับจำเพ้อรำพึง
เพียงหวังพึ่งบางวิธีที่ทำใจ
อยากจะลืมเรื่องราวคราวครั้งก่อน
อยากลิดรอนเสน่หาคราหวลไห้
อยากลบรอยแผลลึกผนึกใน
อยากคงไว้ความหนาวเหน็บที่เจ็บเดิม
เพราะความรักที่ทำเราจำได้
เพราะหัวใจเจ็บจำนำมาเสริม
เพราะเวลาที่ผ่านไปใช้ช่วยเติม
เพราะเราเริ่มโตพอก็เข้าใจ
เขียนไว้ตรงที่ใจให้รู้สึก
เขียนไว้นึกเธอทำช้ำตรงไหน
เขียนให้ชัดสัตย์ซื่อสื่อออกไป
เขียนที่ในจิตจำเธอทำเรา
เขียนไว้เตือนจิตใจให้ระลึก
เขียนไว้ตรึกตรองดูผู้โง่เขลา
เขียนไว้ย้ำคำว่าอย่าใจเบา
เขียนไว้เฝ้าเตือนเสมอ...เธอหลอกลวง
26 มิถุนายน 2546 18:47 น.
อัลมิตรา
...ฉันจะก้าวเดินทางไหน
...มองเห็นหนทางแสนไกลอยู่ข้างหน้า
...เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ..ทุกข์ทรมา
...เส้นชัย ข้างหน้าดูเหมือนไกลแสนไกล
...ยอดธงยังคงสะบัดพริ้ว
...ลมไล้โลมใบไม้ปลิวละลิ่วหล่น
...ผ่านเมืองเฟื่องฟุ้งคลุ้งมหาชน
...ผ่านความสับสนวุ่นวาย
...ยังคงเดินนับ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ..
...ก้าวมั่นทุกครามิหวาดหวั่น
...แสงแดดแผดผ่าวร้าวชีวัน
...ก็มิพรั่น ยังเผชิญ เดินต่อไป
...ยังคงเดินนับ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ..
...จากทิวาสู่ราตรีมีโสมฉาย
...ไร้ที่ซุกซอนพำนักกาย
...เดียวดายลำพัง ทั้งคืน
...จวบจนตะวันรุ่งอีกครั้ง
...มีพลังให้ก้าวเดินนับขอน
...มุ่งมั่นกำลังใจทุกบทตอน
...สะท้อน ชีวา ที่ท้าไป
...เสียงหวูดรถไฟดั่งลั่น
...ยิ้มพลันเรารู้ซึ้งถึงที่ใฝ่
...แม้ไร้เบี้ยที่จะโดยสารไป
...แต่ก็ยัง โบกไม้ โบกมือ ให้ทุกคน
...ยังคงยืดอกพกความมุ่งมั่น
...สร้างฝันหยัดยืนมิได้บ่น
...ก้าวเดินต่อไป ต่อไป ด้วยสองเท้าตน
...เพื่อหวังสืบค้นหนทางธรรม
...กล่องกระดาษผุพังยังคงอยู่
...หนังสือพิมพ์ยับยู่ ..ผู้คนไต่ถาม
...มีอะไรมากมายในนิยาม
...เหตุใดมิพรั่นคร้ามหวาดระแวง
...เพื่อนเอย ...จงฟัง
...อย่าหยุดยั้ง ซึ่งใจให้กำแหง
...ถึงต้องทุกข์มากท้นล้นแสดง
...ก็ใช่แล้งน้ำใจที่ได้มา
...หนึ่งร่มที่เพื่อนนำมามอบ
...กับกอรปเสบียงที่สรรหา
...น้อมรับเปี่ยมล้นพ้นอุรา
...กับไมตรีที่มีค่าเกินจำนรร
...ถึงแม้นจะเดินทางเพียงโดดเดี่ยว
...เลาะลัดเลี้ยวตามไพรสณท์ไร้คนผ่าน
...หรือผู้ร้ายโจรภัยจิตคล้ายมาร
...มิสะท้านขลาดกลัวหัวใจตรม
23 มิถุนายน 2546 11:49 น.
อัลมิตรา
น้อมเทียนแพพานทองอันผ่องแผ้ว
จิตแน่แน่วบูชากวีศรี
ผู้ล้ำเลิศวรรณกรรมล้ำธานี
เอกเมธีเรียงถ้อยร้อยท่วงกานท์
ท่านผูกโครงโยงเรื่องปราดเปรื่องนัก
แจ้งประจักษ์รสคำนำสื่อสาร
อีกรสความช่ำชองคล่องเชี่ยวชาญ
คงโบราณฉันทลักษณ์หากตรึกตรอง
ทั้งกาพย์นั้นไพเราะเสนาะศัพท์
เรียงลำดับเหมาะสมภิรมย์สนอง
พระไชยสุริยาย้ำล้ำคล้องจอง
ดุจทำนองสังคีตประณีตเพลิน
อีกบทโคลงแคล่วคล่องพ้องน้ำเสียง
ร่ำจำเรียงโคลงผวนชวนสรรเสริญ
แฝงแง่คิดคติธรรมล้ำจำเริญ
ทั้งเพลิดเพลินเหลือคำนำบรรยาย
ทั้งบทเห่เสภาน่ายกย่อง
ถ้วนทำนองพริ้งเพราะพิเคราะห์หมาย
รจน์คำเรียงลีลาสาธยาย
เบื้องบทร่ายคำฉันท์อันงามจริง
กลอนสุภาพจับจิตพินิจเนื่อง
เค้ามูลเรื่องอารมณ์สมทุกสิ่ง
ทั้งบทรักบาทร้ายใช้อ้างอิง
คราวโศกยิ่งพลอยเศร้าเข้าถึงกลอน
พระอภัยมณีที่ท่านแต่ง
คงสำแดงให้รู้อุทาหรณ์
ท่านเปรื่องปราดเกินปราชญ์ชาตินิกร
เกียรติกำจรจวบสมัยเกรียงไกรคง
ขอน้อมนบเนื่องคุณสุนทรภู่
บรมครูจอมกวีที่สูงส่ง
รัตนโกสินทร์ศรีที่จำนง
จิตประสงค์ร่ายคำนำบูชา ฯ
20 มิถุนายน 2546 22:05 น.
อัลมิตรา
And on that cheek, and oer that brow,
So soft. so calm, yet eloquent,
The smiles that win, the tints that glow,
But tell of days in goodness spent,
A mind at peace with all below,
A heart whose love is innocent
...สองแก้มแย้มเนื้อนวล.................จิตปั่นป่วนเกินจำเนียม *
อกหวามในงามเรียม.....................แม่เสงี่ยมสงวนที
ท่วงถ้อยคำมธุรส..........................มากปรากฏแสนสุนทรีย์
ลักขณายามแย้มมี........................ตรึงใจพี่ให้เพ้อหมาย ฯ
...เช่นน้ำอันฉ่ำเย็น.......................ใสกระเซ็นเห็นพร่างพราย
ไหลเรื่อยเอื่อยชลสาย....................ประดุจคล้ายทิพย์ชโลธร
ซาบจิตซ่านใจแท้.........................คลายล้าแม้มองบังอร
อ่อนโหยโรยแรงร้อน.....................ก็บั่นทอนกลับกลายไป ฯ
...รื่นเริงบันเทิงยิ่ง........................เพลินเพริศพริ้งแม่ยวนใจ
ซาบซึ้งตรึงทรวงใน......................ให้หลงใหลตราบวายปราณ
แม้นสิ้นพิภพหล้า.........................จักปรารถนาเคียงนงคราญ
เชยชมภิรมย์นาน.........................นิรันดร์กาลมั่นอังคณา ฯ