21 มีนาคม 2546 23:19 น.
อัลมิตรา
(๑)
ปีกเจ้าบางหวังบินตราบสิ้นฟ้า
ช่างงามตาคราโบกชมโลกใหญ่
ทานลมพัดกาจแกร่งด้วยแรงใจ
ช่างไฉไลหมายมั่นทะยานลม
(๒)
รุ่งระวีสีแสดแม้นแผดร้อน
มิบั่นทอนตอนบินดังจินต์สม
สีสรรค์งามยามต้องล่องนภจม
ช่างภิรมย์เริงร่าสง่างาม
(๓)
ยามคุดคู้อยู่เหย้าเฝ้ารังไหม
ดูกว้างใหญ่หมายเร้นดังเช่นขาม
เจริญวัยกายเปลี่ยนเวียนวารยาม
จักงดงามยามมุ่งผดุงตน
(๔)
ครั้นปรากฏชดช้อยค่อยคลานคืบ
คงควานสืบสานชีพรีบล่องหน
หลบกำบังหวังแนบแอบผู้คน
เพื่อรอดพ้นวังวนพ้นผองภัย
(๕)
ซี่ฟันน้อยค่อยเคี้ยวเชียวเจ้าเอ๋ย
ใบไม้เคยหวานนักจักหาไหน
ง่วนงาบงับขยับฟันหมั่นกลืนไป
ครั้นเติบใหญ่ได้บินดั่งจินตนาการ
(๖)
ขาขยับขนาบเขยิบกระเถิบท่วง
ยังเป็นห่วงล่วงหล่นจนสงสาร
ดำรงชีพรีบเร่งเกรงวายปราณ
ยามกลายกาลผ่านไปได้เปลี่ยนตัว
(๗)
มีไยไหมหมายหุ้มคุ้มปักษ์ปก
ปราศวิตกสะทกสะท้านเจือจารทั่ว
อบอุ่นนักอยากนิ่งมิติงกลัว
ไม่หมองมัวมั่นหมายสยายบิน
(๘)
อัศจรรย์คลานผ่านทะยานเยื้อง
เหลือบชำเลืองเชื่องช้าคราผกผิน
สีแซมซ้อนสวยสดสุดโศภิณ
จงโบยบิน...ยินยลดั่งตนตรอง ฯ
21 มีนาคม 2546 22:29 น.
อัลมิตรา
...ทุกครั้งที่มีโอกาสได้เยี่ยมเยียนหาดทรายและฟองคลื่น
...อดไม่ได้ที่จะต้องจารึกชื่อ ใครคนหนึ่ง ไว้บนผืนทราย
...ที่สมิหลานี้ก็เช่นกัน บรรจงเขียนแล้วยืนดูสายน้ำ
...ค่อยๆซัด ค่อยๆสาด ค่อยๆลบ
...ให้ชื่อนั้นค่อยๆเลือนหายไปต่อหน้า...หายไปจากผืนทราย
...แต่ก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ ไม่เคยเลือน
...แล้วจู่ๆก็ฉุกคิดถึงอีกชื่อหนึ่งขึ้นมา...
...ทว่า...เพียงเริ่มต้นจรดนิ้วลงบนผืนทรายอันราบเรียบ
...แล้วขีดเขียนเป็นลายเส้น หักคด ลดเลี้ยวเป็นตัวอักษรได้เพียงไม่กี่ตัว
...ประหนึ่งเกลียวคลื่นไม่เป็นใจ...ก็มีอันต้องซัดสาดมากลบเกลื่อน
...ให้จางหายไปต่อหน้าในทันที
...พยายามขีด...พยายามเขียน...กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง....
...ผืนทรายก็ยังคงเป็นผืนทรายอันราบเรียบ...เช่นเดิม
...ฤาเพราะคืนนี้..เป็นคืนที่...สมิหลาไร้จันทร์
...ทุกอย่างจึงเงียบงัน สงบนิ่ง และอึมครึม!
...สมิหลา ยามไร้จันทร์...มันช่างอ้างว้าง มืดมิด และเงียบสงัด
ทุกคราวครั้งรั้งหาดคลื่นสาดซ่า
ทุกคราวคลาจารทรายมาดหมายถึง
ทุกคราวคือชื่อ ใคร ในคำนึง
ทุกคราวคลึงจิตจ่อรอทรายเลือน
แม้นคลื่นสาดหาดทรายหมายลบชื่อ
แม้นคลื่นรื้อลาญแหลกมิแผกเหมือน
แม้นคลื่นลบกลบมิดยังติดเตือน
แม้นคลื่นเชือนใจเชยมิเคยลืม
รำลึกเมื่อเยือนแคว้นแดนสงขลา
หาดสมิหลาตรึงติดจิตปลาบปลื้ม
ที่รกอกรกใจคล้ายใครยืม
สุขดูดดื่มนั่งเล่นลำเค็ญคลาย
แล้วจู่จู่ครู่หนึ่งนึกถึงอื่น
ใช่เคยชื่นเคยชมเคยสมหมาย
เฝ้าพากเพียรเขียนบ้างกลางหาดทราย
แปลกเหลือหลายคลื่นโครมถั่งโถมครัน
ฤๅเพราะจันทร์วันนี้หลบลี้สิ้น
เคยยลยินกลับหายดังผายผัน
เพียงเสียงคลื่นกลืนหาดคืนปราศจันทร์
มืดมิดหวั่นอ้างว้างอย่างอึมครึม
21 มีนาคม 2546 15:21 น.
อัลมิตรา
หลายหลายคราอัลมิตราผจญทุกข์
ก็ปลอบปลุกใจตนจนแข็งแกร่ง
จากอ่อนล้าค่อยค่อยกล้าว่ามีแรง
ต้องแสดงเพียงเพื่อข่มที่ขมใจ
แท้ที่จริงกระจ่างแจ้งสำแดงจิต
เก็บซ่อนมิดความตรมระทมไห้
แสร้งยิ้มร่าแต่อ่อนล้าอยู่ภายใน
มองโลกแค่นว่าสดใสไปวันวัน
ได้อาศัยขีดเขียนเรียนกานท์รู้
สิ่งหดหู่เหือดหายคลายโศกศัลย์
จะมีใครรู้บ้างไหมในรำพัน
ว่ามันกลั่นจากส่วนลึกผลึกทรวง
จากสองตาเคยเก่งกล้าท้าสู้ฝัน
กลับมึดพลันมองไม่เห็นเพ็ญเด่นสรวง
เราเพียงแค่ดาวน้อยใช่เด่นดวง
คงลับล่วงหลบหล้าไม่กล้าชม
ย้อนฟังความตามเรื่องเขื่องในจิต
ดาวดวงนิดของพ่อท้อขื่นขม
ค่อยลาลับอับแสงแห่งระทม
เกินจะบ่มเบี่ยงใจให้หายพลัน
19 มีนาคม 2546 22:38 น.
อัลมิตรา
...ลุงเวทย์เดชเดื่องด้าว............กลอนโคลง
จอมยุทธ ฯ ดุจสิงห์ชโลง..........เก่งกล้า
ปู่ก๊องคล่องผูกโยง...................ฉันท์เกริก ไกรแฮ
อีกหนึ่งวลีปราชญ์อ้า................เลื่องแท้กวีกานท์ ฯ
...ขมังเวทย์ฤทธิ์เรืองก้อง ........ เกรียงไกร
จอมยุทธ์ฯ เมา สนั่นไหว ......... กระดกเหล้า
ขรัวก๊องผ่องอำไพ ................... กานท์แก้ว ฉันท์นา
วลี ฤ เละเคล้า ........................ สี่สะท้านเฒ่าสยอง ฯ
...ลูกลิงอิงหลบไม้....................หมายบัง- ตาฤา
มือหนึ่งลูกไม้ยัง........................กอบใว้
กลัวคนอื่นขึงขัง........................หมายแย่ง
จึงเลี่ยงหลบหวังไร้...................ร่างน้อยคล้อยหาย ฯ
19 มีนาคม 2546 21:54 น.
อัลมิตรา
ฝาก
๐ฝากถ้อยคำยามใกล้มาให้เจ้า
เพรียกแผ่วเบาราวลมภิรมย์ใคร่
สุดรำพันวรรณกรรมอันงามใด
อาจจักไร้ความหมายหากไม่ตรอง
๐ขอบังคมประนมกรอ้อนเทพฟ้า
อีกอัปสราวิทยาธรนครผอง
ทั้งจตุโลกบาลเทพเดชเรืองรอง
นักสิทธิพ้องฤาษีและชีไพร
๐ขอไหว้พระอรหันต์อันวิเศษ
อีกโปรดเกศเชษฐาเทวาใหญ่
จักตั้งศาลบนบานกราบกรานไป
เพื่อจักได้ออกศึกนึกลังเล
๐อีกพระคุณปิตุมาตนักปราชญ์ครู
ทั้งผู้รู้วรรณกรรมคำฉันท์เห่
ลูกขอจำคำพจน์บททั้งเพ
มิเกเรนอกลู่คำครูเพรง
๐โอม...ละเหวยเขยบ้านนอกมาหยอกเย้า
อย่านั่งเหงาเซาซึมขรึมคาเคร่ง
มาดอาจเซอร์เผลอไผลใจนักเลง
มิข่มเหงให้น้องต้องหมองใจ
๐มีหัวใจมาฝากอยากจะมอบ
เงาะอีกหอบทั้งลองกองลองดูไหม
กระชายดำไวน์นี่ดีกว่าใคร
กินแล้วไปแกะทุเรียนเวียนกันกวน