16 พฤศจิกายน 2545 21:57 น.

กล่อมน้องปองรัก..

อัลมิตรา

ยามนิทราคราหลับกับอกพี่
เอื้อนวจีกี่คำที่พร่ำให้ 
คลายเหน็บหนาวร้าวรานสั่นฤทัย
จะกวัดไกวหมายชื่นระรื่นเคียง 

แม้นเสียงนกตกใจให้ไหวหวาด
จงเคลื่อนคลาดปราศน้องพ้องต้องเสียง 
สะดุ้งใดไป่ห่างยังมองเมียง
อนงค์เพียงเบี่ยงกายได้นิทรา   

จะร่ายรจน์บทใดให้ชื่นจิต
คนึงพิศจิตพ้องคล้องสรรหา 
ให้หวานแว่วแนวคำจำนรรจา
กวีพาอย่าหวั่นสะท้านทรวง 

จะเคียงเจ้าจนผ่องเรืองรองรุ่ง
สุรีย์พรุ่งรุ่งเช้าพราวแสงสรวง
รัศมีรังสิมันตุ์อันแจ่มดวง
คงโชติช่วงล่วงโศกวิโยคคลาย  ฯ				
16 พฤศจิกายน 2545 21:51 น.

นิราศบางไทร

อัลมิตรา

.....บางไทรไทรซุ้มร่ม......................โศกสยาย
ลมพัดใบกวัดกลาย..........................ยอกย้อน
เปรียบจิตคิดครวญหมาย..................ครองคู่ หทัยเฮย
(กิ่ง)ไทรโยกปานอกซ้อน...................เสียดซ้ำยามถวิล ฯ

.....หัวรอ...ขอย่ำเท้า........................งอแง
ชมตลาดอาจจอแจ...........................อยู่บ้าง
คนมากหากวอแว.............................ฉุกละหุก...?
พันหมื่นเปรียบย่านร้าง....................หากสิ้นนวลเคียง ฯ

.....ขาดความยามเอ่ยเอื้อน................โอษฐ์วจี
สุดพร่ำยามจรลี................................จากร้าง
จักมั่นดั่งพจนีย์.................................ตราบดับ-  ขันธ์นา
ขาดแม่ดุจดังคว้าง..............................คร่ำฟ้าครวญดิน ฯ

.....กำสรวลสลดแท้............................นุชนาฏ  แม่เอย
พรอดพร่ำลำนำอาจ...........................ร่ำไห้
เดือนดับลับโลกธาตุ...........................คราวรุ่ง  สมัยแฮ
ไป่เทียบเปรียบอกไข้..........................จากน้องอนงค์นวล ฯ				
16 พฤศจิกายน 2545 14:20 น.

มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า

อัลมิตรา

 
((๑)

.....ยามใดใจห่มไข้.........................สรรพการ 
มาตรมุ่งจรุงสาน.............................ชื่นช้อง 
อาทรข่มทรมาน.............................วันหม่น คืนหมอง 
พลาดหยั่งกังวาลก้อง........................กู่ให้ใจรวน ฯ 

(๒)

.....หลับตาคราเนื่องให้.....................ใจถวิล 
ไกลห่างยังยลยิน..............................ถิ่นเจ้า 
เพียงพิศจิตโผผิน.............................บินสู่ ใจประสาน 
สรรค์สุขทุกข์รุมเร้า............................กล่าวซ้องปองหรรษ์ ฯ 

(๓)

.....นามเราคราวกู่ก้อง........................มองเมียง 
สดับกับพจน์เพียง..............................เพ่งแก้ม 
จักยืนชื่นรจน์เรียง.............................เสียงแว่ว กังสดาล 
ปราศใคร่หมายนัยแย้ม.......................เพื่อนเจ้าเรามี ฯ 

(๔)

.....นภาคราหม่นครึ้ม..........................ซึมซาน เมฆา 
ปกปิดจิตทรมาณ................................สั่นไข้ 
ลมบนปนเหน็บนาน............................พลันย่าง กรายเยือน 
กระชับจับมือให้..................................สลายเศร้า โศกศัลย์ ฯ 

(๕)

.....นามเราคราวกล่าวใกล้..................ใดเอย 
พึงเอ่ยเผยเฉลย.................................เอ่ยซ้ำ 
มินานลั่นเคียงเคย.............................เชยสู่ ประตูเรือน 
สดับรับลอบย้ำ...................................พร่ำเพี้ยงเสียงหวาน ฯ 

(๖)

.....ดีฤาคือรับรู้...................................มิตรภาพ 
พรรคเพื่อนเยือนเตือนตราบ................ขนาบฟ้า 
ใครใดใฝ่เทียมทาบ............................สับข่ม ซมหมอง 
เจ็บแสบแปลบใจล้า............................อย่าได้ไหวเอน ฯ 

(๗)

.....ดังใครหมายแย่งยื้อ........................ถือวิญญ์ ครองเอย 
พึงอย่าตรึงตราจิน-..............................ตะข้อง 
หยัดยืนละผละผิน...............................บินห่าง 
ขอมั่นครันคราวคล้อง...........................ผ่องแผ้วแวววาย ฯ 

(๘)

.....ดีฤาคือรับรู้...................................มิตรภาพ 
เคยเอ่ยเฉลยทราบ.............................ตราบฟ้า 
ปรีดาคราเคียงทาบ.............................เทียมเพื่อน เยือนใจ 
เพียงจิตคิดเอื้อมคว้า..........................ไขว่น้อมถนอมนาน ฯ 

(๙)

.....เกษมศานต์มั่นแม้น.......................แทนใจ 
เราชื่นเธอชมใน................................ใฝ่ถ้อย 
ดีฤาคือมิตรใด....................................หมายร่วม เริงรมย์ 
มิตรหนึ่งคนึงน้อย...............................กว่าร้อยชนพาล ฯ 


  
 				
15 พฤศจิกายน 2545 15:52 น.

เผยพจน์.. เพียงเพื่อน

อัลมิตรา

   
.....หากจิตคิดเกี่ยวข้อง...................เกินเลย
มากกว่าสหายเคย...........................กล่าวถ้อย
อาจมากหากเปรียบเปรย..................เผยพจน์  นาพ่อ
เพียงเพื่อนอย่าเกี่ยวก้อย..................เกริ่นอ้างดังประสงค์ ฯ
  
.....มหาชนคนอ่านตั้ง......................มากมาย
อาจผิดพิศดารหมาย.......................อื่นอ้าง
สมานจิตคิดสาธยาย........................กวีว่า  ดีนอ
หากล่วงเกินเปรียบมล้าง...................บั่นให้วายปราณ ฯ
				
13 พฤศจิกายน 2545 15:59 น.

ชวนหวานใจไป..ลอยกระทง

อัลมิตรา

 
    
                    ...ลอยกระทง... 
 (๑)

.....ฟากคลองนองเอ่อล้น.................ชลธาร 
ผันผ่านพรรษากาล.........................ล่วงแล้ว 
ลอยเลื่อนเคลื่อนชลยาน...................สราญรื่น 
เคียงคู่พธูแก้ว.................................เกี่ยวก้อยกัลยา ฯ 

(๒)

.....วันเพ็ญพราวพร่างแพร้ว..............เดือนสิบ-  สองเฮย 
จันทร์แจ่มแวมระยิบ.......................ยิ่งย้อง* 
เรืองรองผ่องละลิบ..........................โรจน์รุ่ง 
ประหนึ่งเปรียบเทียบน้อง.................แน่งน้อยเยาวมาลย์ ฯ 

(๓)

.....หวานคำยามหว่านล้อม................ถนอมนวล 
พลอดพร่ำเพลินพยางค์ยวน...............หยอกเย้า 
สายลมล่องปองสงวน........................โอบกอด  นวลแม่ 
ไออุ่นอาจอิงเฝ้า...............................กล่อมน้องยามหนาว ฯ 

(๔)

.....แจ่มจรัสจันทร์เจิดจ้า....................พรรณราย 
ประทีบธูปเทียนถวาย.......................ใคร่น้อม 
กระทงบ่งความหมาย.........................ผสานจิต  มั่นนอ 
คงคู่คลอเคียงพร้อม..........................ไป่ร้างมลายเลือน ฯ 

(๕)

.....เผลอไปหมายวักน้ำ......................หยอกนวล  แม่เอย 
หนาวสั่นพลันจรรจวน*......................ป่วนแล้ว 
เพียงหยอกหลอกยียวน......................สรวลสนุก 
หาใช่หมายใจแคล้ว...........................กลั่นแกล้งแสดงกล ฯ 

(๖)

.....มัสยามาว่ายล้อ...........................เรียงเรือ 
เปรียบพี่มีจิตเจือ.............................โจ่งแจ้ง 
จักเคียงเยี่ยงว่านเครือ......................สนมเนื่อง  นวลนา 
ตราบดับลับโลกแล้ง.........................สาบฟ้าสูญฝัน ฯ 

(๗)

.....สองมือถือธูปตั้ง...........................เทียนผจง 
จุดส่องทางหวังตรง............................บ่งน้อม 
นอบนบจบเศียรคง...........................กานท์กล่าว 
ปราศทุกข์สุขแห่ห้อม........................มากพ้นดลจิต  อธิษฐาน ฯ 

(๘)

.....ธูปหอมดอมกลิ่นคลุ้ง.....................คละขจาย 
เทียนส่องมองแวววาย.........................หว่างน้ำ 
มวลพฤกษ์ตรึกตรองชาย-....................ตาเพ่ง  งามเอย 
โชติช่วงปราศชอกช้ำ..........................เด่นด้นชลธาร ฯ 

(๙)

.....บูชาพระบาทเบื้อง-........................พุทธองค์ 
ดลจิตมิติดหลง...................................ชั่วร้าย 
เกษมสานต์มั่นเคียงคง........................สถิตย์ทั่ว 
เป็นมิ่งเป็นขวัญคล้าย..........................เกราะคุ้มกำบัง ฯ 

(๑o)

.....ขอขมาต่อแม่น้ำ............................ชลาลัย 
โยนสิ่งปฏิกูลใด..................................สู่น้ำ 
เนืองนองแน่นแสยงใจ........................เปรอะขยะ 
จักรักษ์หากเพลี่ยงพล้ำ........................แม่ได้อภัยเทอญ ฯ 

(๑๑)

.....ลอยเรือเล่าเรื่องล้ำ.........................เริงกวี 
ดาวเด่นดารดาษศรี...........................ส่องสล้าง* 
เพ็ญแขข่มรัศมี..................................สุกสว่าง 
เชิญร่วมจรรโลงสร้าง...........................สืบย้ำคงสยาม ฯ 

(๑๒)

.....กระทงหลงลุ่มน้ำ...........................คงคา 
เปรียบพี่สิไกลตา................................จากเจ้า 
เจียมจิตคิดคนึงหา.............................นุชนาฏ  แม่เอย 
หากเมื่อเจือเป็นเถ้า.............................เที่ยงสิ้นถวิลวาย ฯ




 
... ยิ่งย้อง.....แปลว่า...ยิ่งงดงามมาก...สวยมาก..
...สล้าง...( สะ-ล่าง )...เป็นวรรณยุกต์โท...ที่ออกเสียงเป็นเอก..แปลว่า...เด่น...ตระหง่าน...ทิวหมู่...ทำนองนั้น... 
...จรรจวน...แปลว่า...กล่าว...พูด...ตัดพ้อ				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา