14 เมษายน 2546 01:00 น.
อัลมิตรา
๓๑.
.....กบิลพรหมท่านท้าว.....................มหิทธิคุณ
ทราบเรื่องพลันเคืองขุ่น....................จิตร้อน
อิจฉาอีกเอื้อหนุน.............................ประทุษฐจิต
จึงผูกปัญหาซ้อน............................เล่ห์ร้ายมล้างชนม์ ๚
๓๒.
.....ปัญหาดุจหอกง้าว.......................ดาบคม
หวังบั่นคอนอนจม-...........................เลือดคลุ้ง
เพียงจิตคิดโสมม.............................หมกมุ่น- บาปนา
แก่งแย่งสำแดงฟุ้ง...........................ชั่วช้าสามานต์ ๚
๓๓.
..... นี่แนะพ่อหนุ่มน้อย......................สุธี
อันท่านปัญญาดี................................แน่แท้
สรรพวิทยาการมี..............................ปรากฏ- ตนเฮย
อัจฉริยภาพแล้..................................ล่วงล้ำเทพสวรรค์ ๚
๓๔.
...... หากเรามีสิ่งเร้น........................ปัญหา
ยังปราศผู้วิสัชนา............................เนื่องด้วย
ควรนักหากท่านมา............................คลายโจทย์ ฉงนนอ
ฤาท่านจักมอดม้วย...........................เหตุด้อยจนเชาน์ ๚
๓๕.
.....ธรรมบาลนั้นใคร่-.........................ครวญเห็น- จริงนา
พรหมอาจเจือจิตเป็น.........................มุ่งร้าย
จึงถามไถ่ประเด็น..............................ความเงื่อน- งำเฮย
ขอท่านจงผะผ้าย*............................กล่าวข้อปัญหา ๚
๓๖.
.....กบิลพรหมเจ้าเล่ห์.........................แห่งไตร- ภูมิเฮย
กระหยิ่มยิ้มทันใด................................แยกเขี้ยว
อันท่านหากจนใน...............................มวลปริศ- นานอ
ขออย่าทำบิดเบี้ยว..............................จักต้องตัดหัว ๚
๓๗.
..... นี่แน่ะพ่อหนุ่มน้อย........................หน้ามน
หากท่านคลายความฉงน.....................ขุ่นข้อง
เปิดเผยเอ่ยยุบล*...............................ตรงเหตุ
เราจักตัดเศียรพ้อง..............................เพื่อให้ยุติธรรม ๚
๓๘.
.....หลากเรื่องหลากเล่ห์ร้าย.................หลอกลวง- ไรฤๅ
พรหมเพ่งเพียงผลพวง........................ภัคน์พร้อม
ซอกซัง*สิ่งสิงทรวง.............................ทรามซ่อน
เหี้ยมโหดห่อหุ้มห้อม............................หัชให้โหยหวน ๚
๓๙.
.....ธรรมบาลคิดปลิดเปลื้อง....................ปัญหา
พลันเอ่ยปิยวาจา................................ตอบด้วย
เราขอผ่อนเพลา..................................ตรองตรึก
จักบั่นคอมอดม้วย..............................หากไร้คำเฉลย ๚
๔๐.
..... ดีละถ้าเช่นนั้น.............................พึงฟัง
อรุณรุ่งสุริเยศยัง...............................เยี่ยมฟ้า
ราศีที่ชนหวัง.....................................สถิตอยู่ ใดฤา
ขอท่านอย่าชักช้า..............................ตอบให้คลายใจ ๚
14 เมษายน 2546 00:56 น.
อัลมิตรา
๒๑.
.....รุกขเทพสถิตย์ต้น....................ไทรตรอง
เห็นซึ่งพลีกรรมของ.......................คู่นี้
บังเกิดกรุณาระลอง*......................ดลจิต
จึงเหาะสู่สวรรค์รี้...........................เร่งเฝ้ามัฆวาน ๚
๒๒.
......หากแต่องค์เทพไท้...................สรวงสวรรค์
ทิพยอาสน์เป็นอัศจรรย์...................ยิ่งแล้ว
คราวก่อนอ่อนนุ่มพลัน.....................เปรียบแผ่น- ศิลาเฮย
ร้อนรุ่มหฤทัยแพ้ว*.........................ขุ่นข้องกังขา ๚
๒๓.
.....พระอินทร์ทรงเพ่งด้วย-.............ทิพยญาณ
ทรงแจ่มแจ้งดังการณ์.....................เช่นนั้น
หากเฉยจักมรณานต์........................เคลื่อนจาก- สวรรค์นอ
อายุเศรษฐีสั้น...............................จักม้วยเสมอตน ๚
๒๔.
......ทรงมีดำรัสด้วย......................เทวบัญ- ชาแฮ
จึงส่งเทพยบุตรอัน.......................เลิศหล้า
บุญญฤทธิ์สิทธิ์อนันต์....................เดชเดื่อง
คือเทพธรรมบาลกล้า..................สู่ท้องเศรษฐินี ๚
๒๕.
.....นับแต่เสร็จกิจนั้น.....................เมียผัว
สพสุขปราศหมองมัว.....................หม่นไข้
มินานฝ่ายเมียตัว...........................เกิดคลื่น- ไส้นา
อยากรสเปรี้ยวเปรียบได้................ดั่งแจ้งแสดงครรภ์ ๚
๒๖.
.....เศรษฐีมิจิตพร้อม......................โสมนัส- ยิ่งเอย
สั่งปลูกปราสาทจัด..........................เจ็ดชั้น
บริเวณแห่งไทรอุบัติ-......................เลอเทียบ- สวรรค์นา
เป็นเคหสถานหั้น*............................แห่งผู้สืบวงษ์ ๚
๒๗.
.....ทศมาสคลาดเคลื่อนคล้อย...........กาลสมัย
คลอดบุตรสุดพิไล..........................สง่าล้ำ
ขนานชื่อธรรมบาลไข....................ดังเก่า
อาพาธมิอาจกล้ำ............................สุขด้วยบุญญา- บารมี ๚
๒๘.
.....วสันต์กาลผ่านพ้น.....................เจ็ดหน
เพียรหมั่นศึกษาจน.........................เก่งกล้า
ศิลปวิทยามนต์..............................สรรพศาสตร์
ไตรเพทวิชาค้า-............................รอบรู้สรรพเสียง ๚
๒๙.
.....คราวเมื่อกาลเก่านั้น...................มหาชน
นบนอบพรหมเบื้องบน...................เทพไท้
เพราะท่านบ่งมงคล........................แสดงแก่- ชนนา
เพียงเหตุฉะนี้ไซร์...........................ต่างน้อมบูชา ๚
๓๐.
.....กิตติศัพท์แห่งท้าว-.....................ธรรมบาล
ชนต่างระบือขนาน...........................แซ่ซ้อง
ดุจศาสตราจารย์.............................แห่งศิษย์
แสดงเหตุมงคลพ้อง........................ประจักษ์ผู้สรรเสริญ ๚
14 เมษายน 2546 00:52 น.
อัลมิตรา
๑๑.
.....คำนึงคำถ้อยแห่ง...................คนหยาม
พินิจพิเคราะห์ความ.....................ขุ่นคล้อง
ฤๅกรรมเก่าทัณฑ์ตาม...................สาปส่ง จริงเฮย
สังเวชสังวาสย้อง.........................หากไร้บุตรเคียง ๚
๑๒.
.....เหตุไฉนจึ่งไร้ลูก....................หนอแม่- เรือนเอย
เหตุก่อนดุจร่างแห.......................ห่อหุ้ม
เหตุการณ์ผ่านผันแปร.................เปรียบวิ- บากฤา
เหตุสุดวิสัยคลุ้ม..........................ครั่นคร้ามตามหลอน ๚
๑๓.
.....ควรเราควรใฝ่เฝ้า...................บวงสรวง นาแม่
อุทิศอุทัยดวง..............................แจ่มฟ้า
สำรับสำหรับปวง-........................ทวยเทพ
ประสิทธิ์ประสาทร้า*....................รื่นให้สมประสงค์ ๚
๑๔.
......ผันศกศักราชพ้น....................สามวสันต์
ปราศเดชเหตุอัศจรรย์..................เสกให้
มิอาจสมปราถนาอัน.....................จรุงเจต- นาเฮย
อธิษฐานเทพไท้............................ไป่ได้ดังหวัง ๚
๑๕.
.....ณ กาลวันหนึ่งนั้น...................รวิวาร
นักขัตฤกษ์พิธาน..........................เก่าย้อน
ราศีเมษแห่งกาล-.........................จิตตมาส
ทวยราษฏร์ต่างรำฟ้อน..................รื่นร้องสนุกสนาน ๚
๑๖.
.....เศรษฐีมีจิตพ้อง........................ภรรยา
คราวเมื่อมหาชนพา........................ลูกน้อย
เที่ยวชมมหรสพหนา.......................หมองหม่น ยิ่งเฮย
สังเวชพลันเศร้าสร้อย.....................เนื่องด้วยหน่อสกุล ๚
๑๗.
.....จึ่งคิดอุทิศไท้............................เทพสวรรค์
เครื่องเซ่นบูชายัญ..........................หลากล้น
บวงสรวงเทพยดาอัน......................มเหสักข์
สถิตย์โคนไทรต้น............................ฝั่งน้ำภิรมย์สถาน ๚
๑๘.
.....มวลหมู่วิหคร้อง.........................เริงระงม
แผกเผ่าแปลกพันธ์ขรม...................กร่นก้อง
ยักย้ายขวักไขว่ชม..........................แฉลบผ่าน
เห็นซึ่งพลีกรรมข้อง-.......................มุ่งด้วยบุตรธิดา ๚
๑๙.
.....เครื่องเซ่นสรรพสิ่งล้วน..............มากมี
ข้าวสุกบริสุทธิ์ดี.............................ยิ่งแท้
ข้าวสารคัดพรรณฉวี.......................ผุดผ่อง
หุงจากน้ำนมแล้..............................เลิศล้ำหอมหวน ๚
๒๐.
.....บรรจงตกแต่งต้น.....................ไทรงาม- งดเฮย
พิณพาทย์ประโคมความ.................เพราะพริ้ง
แตรสังข์ดั่งประณาม*....................ทวยเทพ
หวังซึ่งบุตรสิงคลิ้ง*......................หล่อเลี้ยงสืบสกุล ๚
14 เมษายน 2546 00:44 น.
อัลมิตรา
๑.
.....เพรงกาลอันล่วงแล้ว.................คณาวิสัย
นานเนิ่นเกินกัปป์ขัย..................ผ่านพ้น
เศรษฐีหนึ่งมากใน......................สมบัติ
เคหะสถานล้น.............................เลิศล้ำศฤงคาร ๚
๒.
.....ทรัพย์มากหากปราศผู้............สืบสกุล
เมียหนึ่งพอเจือจุน.....................เจตน์อ้าง
ครองเรือนต่างสนับสนุน...............เป็นสุข- ยิ่งนา
ตราบเฒ่าเนาแนบข้าง.................คู่คล้องครองเกษม ๚
๓.
.....เรือนชานตระหง่านใกล้..........โรงสุ- ราแฮ
หากนักเลงเหล้าอุ*......................หนึ่งนั้น
มีบุตรสุดสวาทสุ-........................วรรณเทียบ
ผุดผ่องงดงามครั้น.....................เพ่งแล้วเพลินเหลือ ๚
๔.
.....ณ อรุณรุ่งหนึ่งเจ้า.............คนเมา
เดินง่วนชวนหยักเหยา...............เพื่อนบ้าน
ผรุสวาททักทายเขา....................สุดหยาบ- คายนา
ดูหมิ่นดุจจิตด้าน.......................ห่างด้วยคุณธรรม ๚
๕.
.....เศรษฐีมิขุ่นข้อง..................เคืองใจ
หากแต่คิดฉงนใน....................เรื่องย้ำ
เพียงเหตุเนื่องความใด..............จึงด่า เรานอ
ขอท่านอย่าเกินก้ำ....................เหตุแท้พึงขยาย ๚
๖.
.....คนเมาคราวกล่าวด้วย..........ขำขัน
อันท่านสินทรัพย์อนันต์...........พรั่งพร้อม
เรือกสวนไร่นาครัน..................เรือนใหญ่- โตพ่อ
ปราศบุตรธิดาล้อม..................จักสิ้นวงศ์สกุล ๚
๗.
.....กงการงานด้วยท่าน-...........เชียวฤๅ
ไร้ลูกสุขนั้นคือ.........................มากพ้น
มากบุตรสุดชำงือ*....................จิตขุ่น- เคืองนา
โภคทรัพย์ดุจโจรปล้น................เปรียบได้ดังกัน๚
๘.
.....ทุกข์มากหากไร้ลูก..............หลานเหลน
คราวเฒ่าจักชัดเจน....................ส่อเค้า
กายปวดเมื่อยอีกเคน*.................โรคเบียด- เบียนแฮ
ใครเล่าจักหยอกเย้า....................นวดเฟ้นเยียวยา ๚
๙.
.....คราชีพดับด่าวสิ้น..................ลมปราณ
สินทรัพยลับอันตรธาน.................เสื่อมด้วย
นาสวนไร่เรือนชาน.....................ตกแก่- ใครฤๅ
ทนทุกข์ตราบมอดม้วย..................แม่นแท้คำเรา ๚
๑๐.
.....กุฏุมพีนิ่งด้วย.......................จำนน
ครุ่นคิดจิตสับสน.........................รุ่มร้อน
ปรารถน์บุตรสุดสวาทจน...............ผอมซีด- เชียวนอ
ตรองตรึกนึกยอกย้อน..................สิ่งเร้นเป็นจริง ๚
12 เมษายน 2546 13:04 น.
อัลมิตรา
ในระหว่างวันที่มีทุกข์โศก
เหมือนทั้งโลกว่างเปล่าเหงาจริงหนอ
อยากมีคนเคลียเคล้าพะเน้าพะนอ
ช่วยเติมต่อความหวังกำลังใจ
คนที่คอยเคียงข้างร่วมสร้างฝัน
ทุกคืนวันเป็นมิตรอยู่ชิดใกล้
และเหนือสิ่งทั้งปวงคือห่วงใย
สามารถให้แสงสว่างทางชีวา
แค่เข้าใจจริงใจไม่ขอมาก
ก็ยังยากเกินให้ใฝ่ฝันหา
เพราะเท่าที่มีบ้างผ่านทางมา
นั่งมองตาแต่ไม่เข้าใจกัน
มีหรือไม่ใครที่มีรักแท้
อยากมีแค่สักคนบนทางฝัน
ร่วมชีวิตแสนหวานสานสัมพันธ์
ครองรักมั่นจนกว่าชั่วฟ้าดิน