8 พฤษภาคม 2546 00:35 น.
อัลมิตรา
.....เดียวดายใต้ฟ้ามืด.............เดือนดับ
หายห่างฤๅฟ้าหับ....................ห่มไว้
อกเคยชื่นกลายกลับ................หดหู่
ยืนอยู่เดียวเปลี่ยวไห้ ..............หักสะอื้นคืนเหงา ฯ
.....เดียวดายไยฟ้าพร่า.............คืนแรม
หายลับกับเมฆแซม..................ซ่อนเร้น
เพรงกาลพร่างพราวแวม-..........วับร่าง
หมองหม่นไยเดือนเว้น.............เลื่อมหล้านภาสลัว ฯ
.....ย่ำค่ำรินเหล้าดื่ม................ไร้สหาย
ใจคิดคงเปล่าดาย....................อยู่บ้าง
ลมแผ่วผ่านผิวกาย...................ยิ่งสะทก
อกอุ่นสุธาร้าง..........................โลกรู้คืนเหงา ฯ
7 พฤษภาคม 2546 23:36 น.
อัลมิตรา
๒๑.
.....คำนึงถึงนิ่มน้อง......................สะคราญงาม
อกสั่นประหวั่นยาม........................พรากพี้*
กาลใดจักคลายความ.....................ครวญคร่ำ นาแม่
เหินห่างบังอรฉะนี้.........................สุดเศร้าหนาวทรวง ฯ
๒๒.
.....เสียงคลื่นขรมฟ้าเลื่อง..............คำรน
ป่วนปั่นพลันเกิดฝน.....................ซู่ซ้ำ
ลมพัดคัดเรือจน...........................จวนล่ม
คลื่นกระแทกกระทบย้ำ..................เยี่ยงให้อับปาง ฯ
๒๓.
.....พายงัดคัดแข่งฟ้า....................ลมฝน
คลื่นซัดน้ำกระเซ็นจน...................สั่นแล้ว
ฤาทวยเทพสถิตชล........................พิโรธ เราฤา
จักดิ่งจมสมุทรแพ้ว*......................เยี่ยงนี้ฤาไฉน ฯ
๒๔.
.....ก่อนดับก่อนด่าวดิ้น..................ดวงแด- ดับเฮย
วอนเทพวอนธรณีแล......................ลอบอุ้ม
หากสัตย์หากจริงแท้.......................ดังอธิษ- ฐานนา
จักเซ่นจักสรวงคุ้ม-........................ค่าไท้เทพรัก- ษาเฮย ฯ
๒๕.
..บังเกิดอาเภทร้าย.......................ทันใด
เรือล่มจมสมุทรไย..........................เยี่ยงนี้
คำสัตย์ปรารถนาใช่........................คงเช่น จริงนอ
มือเกาะหมายเกี่ยวถี้ ( ที่ ).................ลูกพร้าวพลันกุม ฯ
๒๖.
.....เพรงกรรมนำชดใช้....................ฤๅหนอ
จึงทุกข์ตรมเบียดกรอ*.....................ยิ่งช้ำ
เคว้งคว้างร่างลอยคอ.......................กลางสมุทร
บุญเก่าเรามีค้ำ.................................จักพ้นวายปราณ ฯ
๒๗.
.....มะพร้าวเราเกาะไว้.......................ใบเดียว
เล็กมากหากซีดเซียว.........................เหี่ยวแห้ง
ยังดีกว่าแลเหลียว..............................สิ่งอื่น
คงรอดมัจจุราชแจ้ง...........................ไป่คว้าชีพเรา ฯ
๒๘.
.....อัศจรรย์พลันสิ้นคลื่น....................ลมฝน
ฤาเทพฤทธิไกรดล.............................เสกให้
สุรีย์ที่ลอยบน-..................................มหรรณพ์พร่าง- พลันเฮย
คลายทุกข์ระทมไซร้...........................ดั่งพ้นวนกรรม ฯ
๒๙.
.....เวรซ้ำกรรมซัดให้..........................ลอยคอ
ตั้งสัตย์อิทธิผลพอ...............................สู่พื้น
หมั่นก่อการกุศลหนอ...........................หวังสุข เกษมนา
อาเภทหลากเหตุลื้น*............................เช่นนี้ไป่หมาย ฯ
๓๐.
.....แขนขาช่างอ่อนล้า..........................โรยแรง
เกาะใหญ่ทมึนแสดง.............................ต่อหน้า
นามเก่าเล่าขานแถลง.............................เกาะมุก- แลฤา
รีบเร่งกรรเชียงอ้า.................................ก่อนไร้กำลัง ฯ
7 พฤษภาคม 2546 14:53 น.
อัลมิตรา
๑๑.
.....ปลาจาระเม็ดน้อย...................เริงชล
ปลาหมึกปลาทูปน.......................เม่นน้ำ
ปลาดาวคืบคลานรน-...................รานหลบ
ปลิงมากหลากดูคล้ำ.....................ครั่นคร้ามแสยงใจ ฯ
๑๒.
.....ปลามากหลากแต่งแต้ม............ทะเลงาม
หอยแปลกแทรกตัวตาม................ซ่อนเร้น
กุ้งกั้งคับคั่งหลาม.......................เรียงขนาด
แมงกระพรุนกระเพื่อมเต้น............ดุจอ้างนางรำ ฯ
๑๓.
.....ปูเสฉวนง่วนคุ้ย....................พรางตัว
กายแบกหอยบังหัว.....................ปกป้อง
บ้างรีบรุดซอกสลัว......................หินงอก
บ้างมากหอยหลากพ้อง................พรั่งพร้อมตระการพรรณ ฯ
๑๔.
.....ปะการังช่างน้อย...................เป็นไฉน
คราวก่อนงดงามไสว...................เลื่อมแล้
แยกกิ่งแตกก้านไป.....................แปลกรูป
ฤๅหมู่มนุษย์แท้..........................หักบ้างหวังเชย ฯ
๑๕.
.....หากมวลดอกไม้ช่าง...............สะคราญเหลือ
ชูช่อปลาคลอเจือ.........................ชื่นใกล้
แอบอิงนิ่งว่านเครือ-....................พฤกษ์แผก- พันธุ์นา
ผ่องผุดดุจจิตรกรได้....................แต่งให้งามเสมอ ฯ
๑๖.
.....หวนคิดถึงแน่งน้อย................นวลลออ แม่เอย
ยามนั่งใครจักพะนอ.....................กล่อมข้าง
คราวนอนปราศคำยอ...................หยอกยั่ว แลฤา
คืนค่ำคงอ้างว้าง...........................จิตให้อาวรณ์ ฯ
๑๗.
..พุดงามยามทัดข้าง.................เทียมหู แม่เอย
หอมเมื่อโอบอิงพธู.......................ชื่นแท้
มะลิที่โฉมตรู..............................เรียงดอก- ร้อยนา
ยังติดตรึงจิตแม้..........................ห่างเจ้าเลยสมัย ฯ
๑๘.
.....หินผาหาโยกย้าย...................ตามกระแส- ธารเฮย
เปรียบพี่มิปรวนแปร....................รักเจ้า
ลมโกรกกระโชกแค่.....................หนาวครู่
พลัดพรากจักรุมเร้า.....................ร่ำไห้ใจหนาว ฯ
๑๙.
.....นางนวลชวนคู่พลิ้ว................บินถลา
สยายปีกหลีกหลบครา..................คลื่นตั้ง
เริงลมร่อนรื่นอุรา........................สุขยิ่ง แลฤา
พุ่งดิ่งลงทะเลรั้ง..........................จับเนื้อปลาเป็น ฯ
๒๐.
.....ตรึกตรองมองหมู่เจ้า................ปักษี
คราวพี่เคียงดรุณี..........................ก่อนนั้น
เชยชมพฤกษ์ชาติปรี-....................ดายิ่ง
พรอดพร่ำคำหวานครั้น..................สุขพ้องสมสมาน ฉันท์เอย ฯ
6 พฤษภาคม 2546 23:11 น.
อัลมิตรา
๑.
.....ยามเรื่อสุริเยศเยื้อง...............เยี่ยมโพยม
เพริศพร่างดังบรรโลม................เรื่อหล้า
เสียงคลื่นดุจประโคม.................ขับกล่อม
เทียมทิพย์ดุริยางค์อ้า.................เอ่ยเอื้อนนิจกาล ฯ
๒.
.....สรรพเสียงไป่เทียบถ้อย-........เยาวมาลย์- แม่เอย
ยามเอ่ยเปรยสำนาน*..................เพราะพริ้ง
สรรพสังคีตกังสดาล...................เพลงขับ- ใดนา
ผิดย่ำแผกยามทิ้ง-.....................ท่วงถ้อยสร่างเพลิน ฯ
๓.
.....มวลหมู่วิหคน้อย....................บันเหิร
ขรมกู่เพรียกคู่เมิล......................มาดใกล้
หากพี่สุดโศกเกิน........................โคลงร่าย- นาแม่
จิตพร่ำรำพันไห้-........................ชิดน้องเชยนวล ฯ
๔.
.....ผืนทรายชายหาดท้อง-.............ทะเลครวญ
เปรียบพี่สุดรัญจวน.....................เนื่องเจ้า
คลื่นซัดสู่ฝั่งทวน........................ไหลสู่- สมุทรนา
แม้นพรากหากยังเฝ้า....................เยี่ยมเหย้ายลโฉม ฯ
๕.
.....ทรายงามยามต้องเรื่อ................รัศมี- สูรย์แฮ
พราวพร่างแผกพรรณฉวี................เพริศแพร้ว
คำนึงซึ่งยุพดี...............................ผุดผ่อง นาแม่
ครวญคร่ำยามคลาดแคล้ว-..............นิ่มน้องจอมขวัญ ฯ
๖.
.....ปูลมปูเปี้ยวแปลก....................ปรด*พลัน
กระฉับกระเฉงประชัน....................ช่วงก้าม
อวดศักดิ์อวดสีสัน.........................สกรรจ์แข่ง
บ้างหลบบ้างซ่อนคร้าม...................คุดคู้อันตรธาน ฯ
๗.
.....ฝูงปูต่างมุ่งหน้า......................สรงสนาน
ผุดโผล่เริงชลธาร.........................หลากล้น
แม่ปูพ่อปูสมาน............................จิตเนื่อง ดุจพี่
กรรมเก่าพรากเราพ้น.....................ตอกย้ำกำสรวล ฯ
๘.
.....เคยเคียงมาเปลี่ยวร้าง..............ดังตรวน- ติดนา
คืนค่ำเคยชักชวน.........................หยอกเย้า
มองปูยิ่งรำจวน............................อกไข้ คนึงแม่
โคลงร่ายร่ำไรเท้า*........................จิตอ้างสิเหน่หา ฯ
๙.
.....ลงเรือลำน้อยมุ่ง......................สู่มหา- สมุทรเฮย
เรือโยกโอนเอนพา.........................คลื่นไส้
แรงลมกระโชกมล้า........................เข่าอ่อน
พายงัดคัดง้างให้...........................ยับยั้งดังเดิม ฯ
๑๐.
.....ฝูงมัสยามาว่ายล้อ....................คลอเคียง- เรือแฮ
ครองคู่ดูงามเรียง..........................ชิดเชื้อ
แผกพันธุ์ตระการเยี่ยง...................พิษณุ- เสกนา
คลายหม่นหมองรุมเรื้อ...................โศกร้างลางคราว ฯ
5 พฤษภาคม 2546 19:05 น.
อัลมิตรา
.....จากกรุง ฯ มุ่งสู่เมืองตรัง..................จุดหมายใจหวัง
นอนนั่งริมฝั่งทะเล
ดื่มด่ำน้ำนาฬิเก*...................................สดับกาพย์เห่-
สรวลเสเสียงคลื่นชื่นจันทร์
เดินทางดังว่าหฤหรรษ์...........................รถไฟใดกัน
ไป่ทันปรารถนาช้าเกิน
ฉึกฉักยักย้ายใจเพลิน............................เพรียกพร่ำจำเริญ
เสียงหวูดสุดเกริ่นกังวาล ฯ
.....ล่องใต้ใจรื่นชื่นบาน.........................ร่ายร่ำสำราญ
ประพันธ์กาพย์กานท์บรรยาย
เลาะเลี้ยวเขียวเขาเรียงราย...................ผืนฟ้าป่ากลาย
แมกไม้ใหญ่ห้อมล้อมทาง
ลมลิ่วปลิวไสวใบบาง.............................ยักย้ายส่ายพลาง
ดุจดังนางรำล้ำเลอ
แว่วเสียงกังสดาลบำเรอ........................ครุ่นคิดจิตเผลอ
ละเมอแท้เป็นเช่นลม ฯ
.....วิหคผกผินบินชม.............................เริงหล้านภาสม
รื่นรมย์ขรมกู่คู่ครอง
ดังเราคราวนี้ฤดีปอง-............................แลเหลียวเกี่ยวดอง
นิ่มน้องผุดผ่องโสภา
ถึงตรังสมดังเจตนา............................ชม้ายชายตา
มองหาบ้านหวังค้างแรม
เสียงคลื่นคืนพราวดาวแวม.....................พร่างฟ้าจ้าแจ่ม
ยิ้มแย้มแช่มชื่นรื่นใจ ฯ
.....หาดทรายวายแววแนวไกล................ดังแก้วประไพ
เรียงรายเลื่อมริ้วทิวงาม
ดุจเพชรเม็ดพลอยอภิราม......................เตร็ดเตร่ตรองตาม
วรรณกรรมกาพย์ร่ายไป่เทียม
คลื่นเคลื่อนเยือนฝั่งดั่งเตรียม................ยามย่ำธรรมเนียม
พะเพรี้ยมเยี่ยมนี้นิรันดร์
นางนวลนวยนาดอัศจรรย์......................อรชรเฉิดฉันท์
แผกพันธ์สกุณาถลาบิน ฯ
.....โฉบเฉี่ยวแฉลบฉกกิน-.....................มัสยาด่าวดิ้น
ชีพสิ้นกับจะงอยงุ้มงาม
ปูม้าท่วงท่าถนิมกาม*............................ตาใสส่ายก้าม
วิ่งตามแนวทรายไปมา
บ้างมุดรุดพลางกายา............................บ้างเร่งบาทา
หันหน้าลงน้ำฉ่ำใจ
แว่วหวานกังสดาลอันใด........................ทวยเทพฤทธิ์ไกร
รังสรรค์เสกให้ใจเพลิน ฯ
.....อาทิตย์อัสดงดำเนิน........................เดือนดาวสกาวเกิน
ประเชิญฝั่งฟ้าพรรณราย
แสงโสมสว่างล้ำตามทราย....................พร่างแพร้วแพรวพราย
เปรียบได้ดวงแก้วเมขลา
ผืนน้ำงามซึ้งตรึงตรา............................ร่ายพจน์รจนา
เกินกว่าอุปมาเลบง*
ดึกดื่นมัวยืนวังเวง................................พรอดพร่ำตามเพลง
ขอเค้งนอนเขลงริมเล ฯ