2 มิถุนายน 2546 21:19 น.
อัลมิตรา
ช่างมืดฟ้ามัวฝนลมบนล่อง
เกิดเสียงก้องเกริกหล้าเวหาหาว
เลื่อมแสงสีอัสนีมีลางคราว
ดุดันราวเข้าข่มให้ตรมใจ
ลมรำเพยเคยเย็นดังเช่นก่อน
มายอกย้อนพัดโบกวิโยคใส่
ให้หนาวเนื้อเหน็บนักปักทรวงใน
โอ้เหตุใดคล้ายคลึงคะนึงครวญ
ต้นไม้น้อยพลอยพลิ้วลมลิ่วล่อง
ยามเพ่งมองตรอมตรมเมื่อลมหวน
ลู่โอนเอนเห็นแอบอิงแนบมวล-
แมกไม้ล้วนรวมเหล่าคราวลมแรง
ที่ดอกบานพลันร่วงเป็นห่วงนัก
ลมทายทักเพียงนี้มีเลศแฝง
ฤๅหมายโค่นมุ่งข่มด้วยลมแรง
ให้เปลี่ยนแปลงเป็นไปดังตายพราย*
ที่โปรยปลิวลิ่วฟ้าจากลาต้น
ต่างระคนดั่งแปลกผิดแผกหาย
พเนจรร่อนเคียงเคล้าเรียงราย
จักพลัดหายพรากร้างเหินห่างไป
โอ้บุบผาพฤกษาสะคราญเจ้า
ก่อนหลงเฝ้ายลยวนให้ชวนใคร่
ชมกลีบงามยามกรุ่นละมุนใจ
ให้ฝันใฝ่หมายดอมมุ่งหอมนาน
ยามลมโกรกกรรโชกกรากมาพรากแล้ว
คงคลาดแคล้วลอยคว้างช่างหักหาญ
ฤๅปล่อยใจให้ลอยชะรอยทะยาน
กลีบเบ่งบานโบยบินสิ้นอาลัย
อยากทักท้วงหวงห้ามยามเจ้าพลิ้ว
เริงละลิ่วล้อลมภิรมย์ไฉน
ยากหวงแหนแน่นนักปักหทัย
ยามเจ้าไกลใจคร่ำระกำเกิน ฯ
28 พฤษภาคม 2546 10:48 น.
อัลมิตรา
จะขอสานสายใยให้เคียงคู่
สถิตอยู่แนบข้างอย่างในฝัน
จะโอบรัดรึงเร้าเข้าด้วยกัน
ตราบจนวันสิ้นฟ้ามหานที
ถึงเส้นใยเส้นน้อยเพียงหน่อยนิด
แต่มีฤทธิ์ยิ่งใหญ่ในวันนี้
ยิ่งดิ้นรนกลับรัดเข้าเท่าทวี
จะคิดหนีอย่างไรไม่พ้นเลย
ฤๅติดใยสวาทสาวแล้วคราวนี้
จึงแน่นปรี่ยิ่งนักยากอยู่เฉย
พิษช่างร้ายคล้ายจะกินจนสิ้นเลย
อยากจะเอ่ยเอื้อนคำต้องจำใจ
จึงก้มหน้ารับกรรมอันซ้ำซ้อน
เพราะติดบ่วงรักจึงย้อนให้หวั่นไหว
เพียงสายใยเส้นน้อยน้อยของกลอยใจ
มัดหัวใจพี่จนอ่อนสะท้อนทรวง ฯ
27 พฤษภาคม 2546 15:17 น.
อัลมิตรา
สานสายใยไขว้ขวางมากางกั้น
เผื่อรักนั้นผกผินโบยบินหา
หากติดตรึงซึ่งใยคว้าไขว่มา
โอบอุรามาตรครองดุจคล้องใจ
แม้นวงน้อยด้อยฤทธิ์ใยนิดเดียว
ดุจเศษเสี้ยวผืนฟ้าถ้าเปรียบได้
พลางสายใยในนภาคอยท่าไป
ปราศหัวใจติดบ่วง...ล้ำล่วงมา
หมั่นคลืบคลานสานฝันรังสรรค์ร้อย
เส้นรักน้อยเพียรถักประจักษ์ว่า
ขึงคำหวานมั่นภักดิ์คอยชักพา
ไขว้ห่วงหาห่วงใยโยงใกล้กัน
สายลมพัดกวัดแกว่งดุจแกล้งให้
สายฝนใสโปรยปรายยังไหวหวั่น
เรื่อสุรีย์สีแสงสำแดงพลัน
สายใยนั้นอาจคลอนอาวรณ์เกิน
ฤๅหลงเพลินพจน์พร่ำคำกานท์กล่อม
ใครหว่านล้อมยอมฟังจึงห่างเหิน
ฤๅติดใยไขว้ขวางทางดำเนิน
ร่ำจำเริญใหลหลงตรงฟ้าคราม
ฤๅใจสิ้นแรงบินตราบสิ้นฟ้า
ฤๅอ่อนล้าเกินทะยานมากั้นห้าม
ฤๅหลงชมลมพจน์ปรากฏงาม
ฤๅเกรงขามสิ่งใดจึงไร้เงา
ขอเก็บใยใสเหนียวเปล่าเปลี่ยวนี้
จักหลบลี้เดินทางอย่างซึมเศร้า
ใจอ่อนล้ารักอ่อนแรงแกล้งตัวเรา
คงหงอยเหงาร้าวรอนสะท้อนครัน
ร่ำไรร่ำย้ำเรียกยังเพรียกพร่ำ
ค่ำครวญคร่ำข้ามคืนขัดขืนครั่น
หวาดระแวงระวังหวั่นลนลานรัน-
ทดแทนพลันดุจหมาย...เพียงได้คนึง ฯ
27 พฤษภาคม 2546 08:34 น.
อัลมิตรา
.....ชาติคชพฤษภได้-....................งาเขา
ป้องชีพคราคงเนา-.......................ป่าไม้
คลาดภัยจากพยัคฆ์เฉา.................โฉดชั่ว
ใดอาจขบขย้ำให้..........................รอดพ้นภัยผอง บีฑา ฯ
.....นรชาติฉลาดรู้........................วิทยา- การแล
คงสัตยาบันพา.............................เกียรติก้อง
เกรียงไกรปราศวาจา....................ชนข่ม- ใจนา
นัตว์เปรียบไปหมายพ้อง................เล่ห์นี้คล้ายกัน ฯ
ชาติคชพฤษภได้งา-.....................เขาป้องชีพครา
คงเนาป่าไม้คลาดภัย
จากพยัคฆ์เฉาโฉดชั่วใด...............อาจขบขย้ำให้
รอดพ้นภัยผองบีฑา ฯ
นรชาติฉลาดรู้วิทยา-....................การแลคงสัตยา-
บันพาเกียรติก้องเกรียงไกร
ปราศวาจาชนข่มใจ......................นานัตว์เปรียบไป
หมายพ้องเล่ห์นี้คล้ายกัน ฯ
25 พฤษภาคม 2546 13:56 น.
อัลมิตรา
Pay heed to the grievances of the reed
Of what divisive separations breed
From the reedbed cut away just like a weed
My music people curse, warn and heed
Sliced to pieces my bosom and heart bleed
While I tell this tale of desire and need.
...เป็นบทกวีของรูมิ..
จงสดับฟังเสียงขลุ่ยอ้อที่มันได้อุทรณ์ร้องทุกข์
จากที่พวกมันได้พลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนของมัน
จากพงอ้อที่พวกเขาฉีกทึ้งตัวมันแยกออกมา
จากนั้นบทเพลงของฉันจะบอกถึงเรื่องราวแห่งกายและหัวใจที่บาดเจ็บ
เพื่อ..สื่อถึงความปรารถนาและความต้องการ
เรียกน้ำตาของคนหนุ่มสาวให้ไหลหลั่งออกมา