26 สิงหาคม 2546 17:48 น.
อัลมิตรา
ก่อนตะวันชิงพลบหลบเหลี่ยมเขา
ทอดแสงเงาทาบทามคุ้งน้ำใส
เห็นหมู่เมฆลอยคว้างช่างสุขใจ
มองแมกไม้แตกก้านใบลานตา
ยามลมล่องพริ้วไหวคล้ายคำทัก
ชื่นใจนักเกินคำนำเปรียบว่า
หมู่นกน้อยโผผินบินร่อนมา
ส่งเสียงหาคู่ครองพ้องเพรียกกัน
ริมธารน้ำลำตะคองแสนต้องจิต
เหมือนสถิตยังแคว้นแดนสวรรค์
ชมพรรณพฤกษ์ยวนตาสารพัน
หลากสีสันเหล่าภมรเวียนว่อนชม
หอมไอดินกลิ่นหญ้าโชยมาชื่น
เย็นระรื่นลมพริ้วมาพาสุขสม
ณ ระเบียงเคียงธารกาลภิรมย์
ขอเชยชมเสาวภาพ...ตราบนิรันดร์
19 สิงหาคม 2546 09:08 น.
อัลมิตรา
๏ กากากาก่าก้า...................กากา ( กากา )
กาก่ากากากา.........................ก่าก้า
กากาก่ากากา.........................กาก่า ( กากา )
กาก่ากากาก้า.........................ก่าก้ากากา ( กากา ) ฯ
....๑...
๏ โทสี่เอกเจ็ดนั้น....................พึงจำ
สัมผัสรับส่งคำ.......................คู่คล้อง
อรรถรสบทความนำ...................เขียนสื่อ
วางเอกแม่นโทต้อง..................อย่าได้ลืมหลง ๚
....๒...
๏ บาทหนึ่งวางเอกใกล้-............โทเสมอ
ตำแหน่งคำอย่าเผลอ...............สี่ห้า
เอกโทอาจนำเสนอ...................สลับที่ กันแฮ
เสียงจบจักเหมาะถ้า.................ต่อด้วยสามัญ ๚
....๓...
๏ บาทสองวางเอกให้...............ตามผัง
คำที่สองเป็นดัง......................ว่าไว้
จบวรรคแรกเสียงยัง................พ้องบาท- หนึ่งเฮย
วรรคที่สองเอกให้...................อยู่หน้าเสียงโท ๚
....๔...
๏ บาทสามเอกนั้นอยู่..............คำสาม
เสียงวรรคแรกตรองตาม..........ถี่ถ้วน
คล้องจองบาทสองยาม............จบวรรค- แรกนา
อีกวรรคหนึ่งเอกล้วน..............อยู่เบื้องอวสาน ๚
....๕...
๏ บาทสี่มีเอกตั้ง....................ตรงคำ- สองเฮย
ท้ายวรรคหนึ่งพึงกำ-..............หนดได้
เสียงโทคู่ควรนำ....................ปรากฏ
อีกวรรคหนึ่งควรใช้...............เอกตั้งก่อนโท ๚
....๖...
๏ วรรคสองบาทสี่นั้น..............เคยสดับ มาแฮ
เอกก่อนโทเสียงรับ.................ส่งให้
สองคำอีกพึงจับ-....................จบบาท
สุดวรรคสองอย่าได้.................ผิดเพี้ยนแผกวรรณ- ยุกต์เอย ๚
....๗...
๏ สร้อยโคลงจงอย่าใช้.............เจตนัง
อาจอยู่บาทหนึ่งยัง.................ต่อท้าย
บาทสามสุดวรรคสัง-...............เกตใส่- สร้อยเฮย
บาทที่สี่โยกย้าย.....................ต่อท้ายอีกสอง บารนี ๚
....๘...
....โบราณสอนเรื่องสร้อย-.........โคลงมา
ตำแหน่งบาทพิจารณา.............ใส่บ้าง
หากใครไม่นำพา....................หาผิด- ใดเอย
ปราศจากสร้อยอวดอ้าง............ใช่สิ้นความสลวย ฯ
....๙...
....คำตายสามารถใช้................แทนเอก
แม่กก กด กบ เฉก..................เช่นนั้น
วางตามกฎเกณฑ์เสก-..............ฉันทลักษณ์ เหมาะแล
ผิดเอกผิดโทปรั้น*...................เปรียบไร้โคลงงาม ฯ
....๑๐...
๏ จังหวะ...บาทแรกนั้น...........สองนำ- สามแล
บาทที่สอง...อย่าถลำ...............พลาดพลั้ง
บาทสาม...ดั่งคงฉมำ*.............สองอีก สามเฮย
บาทที่สี่...ยับยั้ง.....................อ่านได้สามสอง ๚
....๑๑...
๏ ลัก...ลอบเลียนจากผู้...........คงเรียน
จำ...จดกำหนดเพียร..............สื่อบ้าง
คำ...สอนสั่งดุจเทียน..............ขจัดมืด- มนฮา
ปราชญ์...เมตตาเสกสร้าง........ศิษย์ให้หายเขลา ๚
....๑๒...
๏ บัง...เกิดความแช่มชื้น..........ยินดี
อาจ...สื่อความสุนทรีย์.............ผ่องแผ้ว
เขียน...คัดอัศจรรย์มี..............ปรากฏ
โคลง...สื่อความส่อแล้ว...........หากเพี้ยนโปรดอภัย ๚ะ๛
16 สิงหาคม 2546 21:56 น.
อัลมิตรา
...เกิดมาเยี่ยงกษัตริย์ขัตติยราช
...แต่อนิจจา! อนาถนัก
...ต้องพลัดพรากถิ่นฐานแหล่งกำเนิด
...ซมซานพเนจรไปทั่วเขตแคว้นแดนกันดาร
...ทุกหุบห้วยละหานลำเนาไพร
...ข้าบุกบั่นไปปิ่มเลือดตากระเด็น
...มีดวงดารากรแทนประทีปส่อง
...ฝากอนาคตไว้กับหมู่เมฆอันเลื่อนลอย
...สุริยา ประทานพลังฤทธิ์ให้แก่ข้า
...จันทราเปรียบเสมือนเพื่อนใจ
...หากสวรรค์ส่งข้ามาเกิดจริงแล้วไซร้
...ข้าคงกลับคืนไปสู่เจ้าได้สมจินต์
...รอข้าก่อน อาณาจักรสีทองอันผ่องใส
...รอข้าก่อน ประชากรทั้งหลาย
...และรอข้าก่อน ศัตรูหมู่อมิตร
...ข้ากำลังจะกลับไป กลับไป...
เกิดมาเยี่ยงกษัตริย์ขัตติยราช
โอ้..! อนาถบาปกรรมตามหนุนหลัง
ต้องพลัดพรากจากถิ่นสิ้นเวียงวัง
ซมเซซังพนเจรรอนแรมไกล
ผ่านหุบเขาลำเนาป่าละหาน
มากพบพานความยากแค้นเกินแค่นไหว
มวลดาราดั่งโคมทองส่องผืนไพร
ฝากฝันไว้กับมวลเมฆเฉกเช่นเงา
สุริยารังสรรค์ขวัญแกร่งกล้า
อีกจันทราดุจสหายให้คลายเหงา
ฤๅสวรรค์กำหนดบทตัวเรา
จะคืนเหย้าสู่เมืองเรื่องความจริง
รอข้าก่อนแผ่นดินถิ่นกำเนิด
รอข้าเถิดท่านทั้งหลายเหล่าชายหญิง
รอข้ากลับดับอมิตรอย่าคิดติง
ข้าจะชิงบัลลังก์รั้งกลับคืน ....
16 สิงหาคม 2546 15:28 น.
อัลมิตรา
๏ จอมปราชญ์ประพันธ์ถ้อย.....ฤ ชะรอยเกษมใจ
เริงร่ายกวีใด..........................อุระใคร่ขยายความ
๏ หมายซึ่งสนองตน................อนุชนนิพนธ์ตาม
หากยากสิเพียรทาม................และสิพร่ำประพันธ์สาส์น
๏ ลำบากและตรากตรำ............ธุระนำประจักษ์นาน
สอนวิทยาการ.........................สรพันวิชามี
๏ ปราศผลเจริญเอื้อ................มิจะเบื่อละหน้าที่
เมตตาและปรานี.....................บ มิพลั้งระทมเผย ๚
๏ จอมปราชญ์จารบทถ้อย.......ทบกวี
บังเกิดความสุนทรีย์...............กอปรเกื้อ
ปีติล่วงกรณีย์........................ใดยาก
มวลพิชญ์อาจเพียรเยื้อ*..........เสกสร้างดังใจ ๚
๏ ภาระอันหนักอึ้ง..................หลากปการ
หากมุ่งหมั่นเจือจาน................ศิษย์รั้น
ลางคราวอาจยากนาน.............เนื่องเสื่อม เจริญนา
เพียงจิตเมตตานั้น.................ไป่พลั้งคำใด ๚ะ๛
14 สิงหาคม 2546 01:08 น.
อัลมิตรา
๏ นักเลียนเขียนมั่วบ้าง.............บางกาล
ใช่แผกแปลกบุราณ..................จักโจ้*
วิสัยทัศน์อาจสื่อสาร.................เสมือนหนึ่ง ปูเฮย
แม่ลูกเดินเร่โล้.........................โยกย้ายรายเรียง ๚
๏ นักลอกอาจเพ่งรู้...................ลักจำ
นักปราชญ์อาจอมพะนำ.............เนิ่นไว้
หวงแหนซึ่งรสคำ-.....................ความลึก-- ลับแล
ขอลอกเลียนแบบใกล้................ท่านผู้ครูโคลง ๚
๏ นักเลงโคลงไต่เต้า.................ไป่รา- มือเฮย
หลุมหล่มปลักอาจพา.................อกลื้น*
พลัดตกอาจโศกา......................ใจบอบ- ช้ำเฮย
เปรียบร่ำเรียนโคลงอื้น*.............มุ่งให้ครูสอน ๚
๏ นักเรียนกอบเก็จแก้ว..............คำกรอง
อันศิษย์หมายนบผอง-................ปราชญ์ผู้
เจียมตนยิ่งยังตรอง..................ตามท่าน- สอนนา
หวังเมื่อคราวรอบรู้....................จักได้ฉกาจตาม ๚
๏ นักเขียนเพียรร่ายร้อย.............โคลงเผย
ดุจรากจักงอกเงย.....................จากเหง้า
เปรียบหนึ่งหยดหมึกเคย............จารบท- โคลงนา
อาจเปลี่ยนจากมูลเค้า.................แปลกถ้อยแปลงสาร ๚
๏ นักโคลงจงข่มบึ้ง....................บางวัน
เพ่งคันฉ่องมองพลัน..................ทั่วหน้า
น้อมรับผิดคราวบรร-..................พชนปราชญ์- ติงเฮย
มิอวดตนกาจกล้า.......................โอ่ด้วยถือดี ๚ะ๛